BMW 5 Series เมื่อการปรับโฉมมีมากกว่าที่คิด
เรียกว่ามาตามนัดแม้ว่าสถานการณ์ของตลาดรถยนต์โดยรวมทั่วโลกจะยังได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยล่าสุด BMW เปิดตัวรุ่นปรับโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์ของ 5 Series ออกมา โดยจะเป็นการปรับหน้าตาและสเป็กจากรุ่น G30 สำหรับตัวถังซีดาน และ G31 สำหรับตัวถังแวกอนหรือทัวริง ที่เปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 2016
แน่นอนว่าหน้าตาคือจุดหลักของความเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนนั้นมีมากกว่าเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นจุดหลักของการปรับโฉมทุกครั้ง แต่ยังมีการปรับสเป็กของเครื่องยนต์ที่ทำตลาดอีกด้วย โดย 5 Series รุ่นปรับโฉมมีคิวเปิดตัวขายในยุโรปและสหรัฐอเมริกาช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ และจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายในตลาดทั่วโลกหลังจากนั้น ซึ่งก็รวมถึงเมืองไทยด้วย
ด้านหน้า : เป็นการปรับแบบยกแผงเลยโยเฉพาะในส่วนหัวตัดของตัวรถ เพราะทั้งไฟหน้ากันชนหน้า และกระจังหน้าเปลี่ยนใหม่เพื่อให้สอดรับกับแนวทางการออกแบบยุคใหม่ของ BMW ที่เน้นกระจังหน้าขนาดใหญ่ เราจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในส่วนของรูปทรงไฟหน้าซึ่งขอบด้านล่างมีการออกแบบใหม่ให้เป็นแนวเส้นตรงแทนที่แบบเดิมที่จะมีการเล่นระดับก่อนที่จะตรงไปที่กระจังหน้าทรงไตคู่หรือ Double Kidney ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม นอกจากนั้น ไฟเลี้ยวด้านบนซึ่งแต่เดิมเป็นแบบแถบยาว แต่รุ่นใหม่มีการแบ่งออกเป็น 2 ช่วงแต่ยังติดอยู่ตำแหน่งเดิม และมีการติดตั้ง Adaptive LED headlights เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ส่วนกันชนหน้ามีการปรับรูปทรงของช่องรับอากาศด้านหน้า และช่องสปอตไลท์
ด้านหลัง : เมื่อเปรียบเทียบกับด้านหน้าแล้วอาจจะผิดหวังนิดๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับส่วนท้ายของตัวรถ เพราะว่ามีการปรับปรุงในส่วนนี้น้อยมาก แต่ก็ไม่ถึงกับมองไม่เห็นความต่างเลยเสียทีเดียว โดยสิ่งที่สัมผัสได้ถึงความใหม่ คือ การจัดเรียงตำแหน่งของไฟต่างๆ ในไฟท้ายใหม่แต่ยังเป็นทรงกรอบเดิม หรือกันชนท้ายมีการปรับเปลี่ยนลวดลายใหม่ โดยเฉพาะตรงช่องแผงทับทิมเหนือปลายท่อไอเสีย และรูปทรงของ Diffuser ที่อยู่ขอบล่างของกันชนท้าย ส่วนล้อแม็กก็มีการเปลี่ยนลวดลายเช่นเดียวกัน โดยมีลาย 5 ก้านคู่เป็นลายใหม่
ห้องโดยสาร : ในช่วงที่ G30/31 เปิดตัวเรื่องของการใช้หน้าจอในการทำหน้าที่เป็นมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ และความเร็วอาจจะยังไม่ได้รับความนิยมหรือเป็นมาตรฐานสำหรับตัวรถ ดังนั้น นี่คือจุดหลักของความเปลี่ยนแปลง ซึ่งในรุ่นไมเนอร์เชนจ์มีการจับเอาหน้าจอขนาด 12.1 นิ้วมาทำหน้าที่ของมาตรวัดความเร็ว-รอบเครื่องยนต์แทนที่แบบอะนาล็อกของเดิม โดยที่รายละเอียดของรูปทรงและดีเทลของชุดแผงหน้าปัดทั้งอันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะสดใหม่ขึ้นก็เฉพาะในเรื่องของการตกแต่งของวัสดุใหม่ๆ ส่วนพวงมาลัยยังเป็นแบบ 3 ก้านเหมือนเดิม และแต่ละรุ่นเครื่องยนต์ก็มีรูปทรงแตกต่างกันไป
เครื่องยนต์ : มีการอัพกำลังของเครื่องยนต์ในรุ่นเทอร์โบดีเซล คือ รุ่น 530d ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3,000 ซีซีเทอร์โบคู่ 286 แรงม้า ซึ่งมีการอัพตัวเลขกำลังมากขึ้นจากรุ่นเดิม 15 แรงม้า และ 540d ที่ใช้พื้นฐานเดียวกับ 530d แต่ขยับกำลังเป็น 340 แรงม้า หรือเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 20 แรงม้า ส่วนที่เหลือก็ยังเหมือนเดิมคือ 520i ที่มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ตามด้วยรุ่น 530i มีกำลัง 248 แรงม้า 530e แบบไฮบริด ที่ตัวเครื่องยนต์มีกำลัง 181 แรงม้า และจับคู่กับมอเตอร์ขนาด 107 แรงม้า มีกำลังรวมกัน 288 แรงม้า 540i มีกำลัง 335 แรงม้า และรุ่นท็อปของเบนซินคือ M550i แบบเร้าใจสุดๆ กับเครื่องยนต์วี8 4,400 ซีซี 523 แรงม้า และเทอร์โบดีเซลอีก 2 รุ่นที่เหลือคือ 520d 190 แรงม้า และอีกรุ่น 530d 286 แรงม้า
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th