BMW 7 Series มาถึงเจเนเรชันที่ 7 มีให้เลือกทั้งแบบใช้ไฟฟ้าหรือน้ำมัน
BMW เผยโฉมใหม่ของรถซีดานรุ่นเรือธง 7 Series ซึ่งเดินทางมาถึงเจเนเรชันที่ 7 แล้วออกมา โดยเน้นแนวทางการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มที่ เพราะมีรุ่นใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนมาตั้งแต่แรก ในขณะที่ทางเลือกอื่นเป็นเครื่องยนต์พร้อมเทคโนโลยีไมลด์ไฮบริด และจะมีรุ่นแรงที่มีรหัส M ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนด้วยตามออกมาในอนาคต
BMW 7 Series ใหม่มาพร้อมกับตัวรถที่มีความยาว 5,391 มม. กว้าง 1,950 มม. และสูง 1,544 มม. โดยที่มีระยะฐานล้อยาว 3,215 มม. ส่วนด้านการออกแบบภายนอก ในบริเวณด้านหน้าของรถเป็นไปตามแนวทางใหม่ที่ปรากฏใน X7 รุ่นปรับโฉมที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้าไม่กี่วัน ที่มาพร้อมกับกระจังหน้าไตคู่เฟรมเดียวขนาดใหญ่ และไฟหน้าแบบแยกระหว่างไฟ Daytime Running Light และไฟสัญญาณขนาดเรียวยาวไว้ด้านบน ส่วนไฟหน้าอยู่ต่ำลงมาที่กันชนหน้าภายในโคมสีดำ ซึ่งทาง BMW ระบุว่า 7 Series ใหม่มีไฟหน้า Adaptive LED ที่ประกอบด้วยไฟ Matrix High Beam และ BMW Selective Beam
ส่วนด้านข้างรถมาพร้อมเส้นที่ยาวต่อเนื่องจากไฟ Daytime Running Light ไปจนถึงไฟท้าย ประตูหลังที่ยาวเพื่อความสะดวกในการเข้า-ออกรถ ขณะที่ด้านหลังมาพร้อมกับชุดไฟท้าย LED ทรงยาว และเส้นสายที่แบ่งส่วนต่างๆ ด้านหลังอย่างชัดเจน โดยทาง BMW ระบุว่าการออกแบบภายนอกของเรือธงรุ่นใหม่เป็นการแสดงถึงพลังและความพิเศษของรถ โดยเป็นการบ่งบอกถึงประสบการณ์การขับที่โดดเด่น และความหรูหราที่ก้าวไปอีกระดับ
ดีไซน์ใหม่ของ BMW ใน Series 7 ใหม่โดยเฉพาะที่ด้านหน้าอาจไม่ได้สร้างความตื่นตาหลังรถถูกเผยโฉมออกมานัก เพราะปรากฏออกมาให้เห็นแล้วใน X7 รุ่นปรับโฉม แต่สิ่งที่อาจสร้างความตื่นเต้นให้บรรดาผู้นิยมรถซีดานหรูที่มองไปถึงการใช้ไฟฟ้าคือ การที่ 7 Series มีรุ่น i7 xDrive60 ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนมาเป็นทางเลือกตั้งแต่เริ่มเปิดตัว โดย 7 Series ไฟฟ้ามาพร้อมกับมอเตอร์คู่ซึ่งมอเตอร์ที่ด้านหน้ามีกำลัง 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 365 นิวตัน-เมตร ขณะที่มอเตอร์หลังมีกำลัง 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ส่วนกำลังรวมจาก 2 มอเตอร์อยู่ที่ 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 745 นิวตัน-เมตร ด้วยกำลังกว่า 500 แรงม้าทำให้ i7 xDrive60 ใช้เวลาแค่ 4.7 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. แม้จะเป็นรถซีดานขนาดใหญ่
ส่วนแบตเตอรีที่ให้พลังงานขับเคลื่อนแก่ 7 Series ไฟฟ้ามีความจุ 101.7 kWh ซึ่งให้ระยะการเดินทางต่อการชาร์จได้ถึง 625 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ขณะที่การชาร์จไฟให้กับแบตเตอรีเนื่องจากรองรับการชาร์จแบบเร็ว 195 kW ซึ่งทำให้ใช้เวลา 34 นาทีเพื่อชาร์จไฟจาก 10-80 เปอร์เซ็นต์ แต่หากชาร์จกับเครื่องชาร์จ Wall Box 11 kW จะใช้เวลา 9.5 ชั่วโมงเพื่อชาร์จไฟจาก 10-80 เปอร์เซ็นต์
แต่หากยังนิยมเครื่องยนต์สันดาปอยู่ BMW ก็มีทั้งรุ่นใช้เครื่องยนต์ 6 สูบและ V8 ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมกับเทคโนโลยีไมลด์ไฮบริด 48-โวลต์ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมแรงขับเคลื่อน 18 แรงม้า และเพิ่มแรงบิด 200 นิวตัน-เมตร โดยประกอบด้วย 760i xDrive ที่มากับกับเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบมีกำลัง 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตัน-เมตร ส่วน 7 Series ที่มากับเครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบมี 735i และ 740i โดยรุ่นแรกมีกำลัง 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 425 นิวตัน-เมตร และรุ่นหลังมีกำลัง 380 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 540 นิวตัน-เมตร โดย 7 Series ใช้เครื่องยนทั้งหมดจะใช้ระบบส่งกำลัง Steptronic 8 สปีด 8 ส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อทั้ง 4 หรือ 2 ล้อ
ทาง BMW ยังระบุว่าในปี 2023จะมีรุ่น 740d xDrive ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ กำลัง 300 แรงม้า รวมไปถึงมีรุ่นแรง M ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า i7 M70 xDrive กำลัง 660 แรงม้า และรุ่นแรงในแบบปลั๊กอินไฮบริด M760e xDrive ซึ่งมีกำลัง 571 แรงม้าออกมา
ภายในห้องโดยสารของ 7 Series ใหม่มีการใช้วัสดุหุ้มเบาะใหม่ที่เรียกว่า Veganza ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับหนังโดยมี 4 สีให้เลือกเป็นมาตรฐาน ในขณะที่จอแสดงข้อมูลผู้ขับขนาด 12.3 นิ้ว และจอระบบ Infotainment ขนาด 14.9 นิ้วถูกออกแบบให้ยาวต่อเนื่องกันในลักษณะลอยตัวเหนือแผงแดชบอร์ด นอกจากนี้พวงมาลัยของรถยังมาพร้อมกับปุ่มควบคุมที่ถูกออกแบบใหม่และมีระบบ Haptic เพื่อตอบสนองต่อการควบคุม
ส่วนความบันเทิงสำหรับผู้ที่นั่งในเบาะหลัง BMW มี BMW Theatre Screen ซึ่งมีจอทัชกรีนขนาด 31.3 เลื่อนลงมาจากหลังคา และระบบเสียงรอบทิศทางพร้อมลำโพงติดที่พนักพิงศรีษะของเบาะจาก Bowers & Wilkin มาให้สร้างโรงภาพยนตร์ส่วนตัวขณะเดินทาง ในขณะที่ระบบปรับอากาศในห้องโดยสารเป็นแบบ 4 โซน
หากอยากสัมผัสความหรูใน 7 Series ใหม่ไม่ว่าจะแบบใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์สันดาป รอกันหน่อยเพราะทาง BMW จะเริ่มขายรถในเดือนพฤษจิกยนปี 2022 นี้ ส่วนราคาของรถคงประกาศออกมาในช่วงใกล้ขาย