BMW M3 CS รหัส “M” ในคราบรถบ้านที่พร้อมรีดอะดรีนาลีนให้พลุ่งพล่านทุกช่วงความเร็ว
ในช่วงเวลาที่รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น รถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวมาส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ไฟฟ้ากันเกือบทั้งหมด ทำให้รู้สึกว่าความสนุกในการขับรถหายไปเยอะ แต่ยังดีที่พอมีรถที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในแท้ๆ หลงเหลืออยู่บ้าง พูดได้เลยว่าการได้มาขับ BMW M3 CS ครั้งนี้ เหมือนเป็นการปลดปล่อยความ “อยาก” และ “ได้อารมณ์” ของการขับรถสมรรถนะสูงได้แบบเต็มๆ บนสนามแข่งระดับครูอย่าง สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พัทยา
ถึงแม้ว่าสนามพีระ เซอร์กิต พัทยา จะเป็นสนามแข่งมาตรฐาน และถือเป็นสนามที่เป็นเสมือนครูของนักแข่งทุกคน แต่สำหรับ BMW M3 CS ดูเหมือนว่าจะไม่พอสำหรับความแรงที่ล้นเหลือ คงจะมีแต่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ เท่านั้น ที่จะมีพื้นที่ให้ระเบิดขุมพลังได้อย่างเต็มกำลัง แต่ถึงอย่างนั้น สนามพีระฯ ทำให้เราได้สัมผัสถึงจุดเด่นที่ชัดเจนนอกเหนือจากแรงม้าและแรงบิดระดับมหาศาล นั่นคือ การบังคับควบคุมและความสมดุลที่เกิดขึ้นในขณะใช้ความเร็วสูง ช่วงล่างที่แน่นหนึบ และการบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการขับรถให้สนุกด้วยเช่นกัน
BMW M3 CS กับค่าตัวเริ่มต้น 14,999,000 บาท ดูเป็นราคาที่สูงสำหรับคนทั่วไปที่ไม่รู้จัก รหัส “M” ที่ถือว่าเป็นรหัสศักดิ์สิทธิ์ที่เหมือนเป็นตัวเทพสำหรับแฟน BMW แต่มันคือราคาที่พร้อมให้แฟนพันธุ์แท้ BMW พร้อมจ่ายในทันทีเพื่อเป็นเจ้าของ เพราะความเป็น “M” คือที่สุดของสไตล์การขับที่สนุกและเร้าใจ สมรรถนะที่ถือว่าเป็นขีดสุด และไม่ได้หวือหวาจนเกินไป ดูเป็นรถบ้านสไตล์สปอร์ตที่ขับใช้งานได้ในทุกวัน แต่แรงระดับตัวแข่งในสนามระดับโลก
สำหรับ BMW M3 CS (CS : Competition Sport ลดน้ำหนัก ปรับความแรง จูนมาให้เน้นการขับในสนามแข่ง แต่ยังไม่ทิ้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ใช้งานในทุกวัน) ตัวถังแบบซีดาน มีโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบาจากชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์หลายชิ้นที่ใช้ในการออกแบบ ปรับจูนขุมพลังให้เพิ่มขึ้น ตั้งค่าแชสซีเฉพาะรุ่น มีเอกลักษณ์การดีไซน์เฉพาะตัวที่โดดเด่นสะดุดตา มาพร้อมชุดเบรก M Compound Brake สีแดงเงา เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เบรกเซรามิก M Carbon Carbon Ceramic Brake สีทองด้าน เป็นอุปกรณ์เสริม ล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ลาย Star Spoke Style 827 M ในสีบรอนซ์ทองหรือสีดำ ขนาด 19 นิ้วสำหรับล้อหน้า และขนาด 20 นิ้ว ในล้อหลัง มาพร้อมยาง Michelin Pilot Sport 4 S สำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ
ด้านหน้ารถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่น้ำหนักเบาแบบไร้กรอบในดีไซน์ที่ชวนให้รำลึกถึงรถแข่งในอดีต เพิ่มความสะดุดตาด้วยเส้นสายสีแดงที่ล้อมรอบกระจังหน้าทั้งคู่ มีป้ายสลักชื่อรุ่น M3 CS ที่ซี่บนของกระจังหน้า และท้ายรถ ดูดุดันด้วยตัวอักษรสีดำตัดกับขอบสีแดง ไฟหน้าแบบ BMW Laserlight ส่องสว่างเป็นสีเหลืองเพื่อต้อนรับผู้ขับขี่เมื่อปลดล็อกรถ หรือขณะเปิดไฟต่ำและไฟสูง เป็นการสืบทอดกลิ่นอายของการออกแบบมาจากรถแข่ง GT นั่นเอง
ขุมพลังถือว่าเป็นหัวใจหลัก มีขนาด 3.0 ลิตร แบบ 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ M Steptronic พร้อม Drivelogic พละกำลังมากถึง 551 แรงม้า ที่ 6,250 รอบต่อนาที แรงบิดระดับมหาศาล 650 นิวตันเมตร ที่ 2,750 – 5,950 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 302 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยน้ำหนักรถ 1.8 ตัน ดูเหมือนหนัก แต่พอหวดกันจริงๆ กลับรู้สึกว่าทำไมรถเบาจัง แถมควบคุมง่าย เข้าโค้ง S1, S2 ได้เนียบกริ๊ปอีกต่างหาก ซึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างน้ำหนักเบาเฉพาะรุ่นของ M3 CS ที่แตกต่างจากรุ่นอื่น มีการใช้ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งภายนอกและภายใน ทั้งหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ ฝากระโปรงหน้า แผ่นปิดด้านล่างกันชนหน้า ช่องดักอากาศด้านหน้า ฝาครอบกระจกข้าง แผ่นปิดใต้กันชนหลัง และสปอยเลอร์หลัง เป็นชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด รวมถึงคอนโซลกลาง แป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย อีกด้วย ยัง..ยังไม่พอ เบาะนั่ง M Carbon ทรง bucket seat ยังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักของตัวรถ รวมถึงหม้อพักไอเสียที่ทำจากไทเทเนียม ที่ทำให้ระบบไอเสียมีน้ำหนักเบาลงถึง 4 กิโลกรัม เสริมด้วยความแข็งแกร่งของตัวถังยังได้รับการพัฒนาด้วยการเสริมแกนยึดระหว่างระบบกันสะเทือนที่ล้อคู่หน้า (M Front End Strut Brace) ที่นอกจากจะเสริมด้านเสถียรภาพการขับขี่แล้วยังออกแบบให้มีน้ำหนักเบาอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตัวถังถึงเบาแต่เกาะถนนได้สมบูรณ์แบบสุดๆ
ภายในห้องโดยสารดีไซน์แบบรถสปอร์ต เบาะนั่ง M Carbon ทรง bucket seat จากหนัง Merino มาในสีดำตัดแดง ลวดลายการเย็บแบบพิเศษ แผงประตูด้านหน้าและด้านหลังบุด้วยหนังสีดำ แผงคอนโซลกลางที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ตกแต่งด้วยตัวอักษร CS สีแดง เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ปักสัญลักษณ์ 3 สีของ BMW M กาบประตูสลักตัวอักษร M3 CS หลังคาภายในดีไซน์ M สี Anthracite และพวงมาลัยหุ้ม Alcantara ดีไซน์ M พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์คาร์บอนไฟเบอร์ และแถบสีแดงบริเวณกึ่งกลางพวงมาลัย
BMW M3 CS ใช้ระบบ BMW iDrive รุ่นใหม่ และระบบปฎิบัติการ BMW Operating System 8 แสดงผลบนจอ Curved Display ที่มีจอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้ว และจอ Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว รวมถึงระบบอำนวยความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน เครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon เซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอด Park Distance Control (PDC) และระบบแจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Warning) ถือว่าเป็นตัวแรงที่ยังคงมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบรถบ้านเอาไว้แบบครบๆ กันเลย
ส่วนการขับในสนามพีระฯ จากที่เกริ่นเอาไว้ตอนต้น ต้องยอมรับว่าขนาดของสนามนั้นสั้นเกินไปสำหรับ M3 CS ระยะทางสุดทางตรงทำความเร็วทะลุ 180 กม./ชม. ซึ่งยังทำความเร็วได้อีกเยอะ แต่ต้องเบรกเพื่อเข้าโค้งซ้ายขึ้นเนินแล้วต่อเนื่องโค้งขวา เพื่อเติมความเร็วเข้าสู่โค้ง 100R ช่วงจังหวะนี้ สัมผัสได้ว่าการเบรกแบบเลียเบรกเพื่อลดความเร็วทีละน้อยก่อนถึงสุดทางตรง น้ำหนักเบรกค่อนข้างนุ่มนวล แม้ว่าจะกดเบรกให้ลึกลงไปอีกหน่อยน้ำหนักของรถไม่ได้ถ่ายเทมาด้านหน้ามากนัก ถือว่าสร้างสมดุลในการเบรกลึกได้ดีมาก ผ่อนคันเร่งให้ความเร็วผ่านโค้งซ้าย เติมคันเร่งเล็กน้อยเพื่อขึ้นเนิน ชะลอเบรก หักเข้าโค้งขวา ความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. ภายในโค้งนี้ ช่วงล่างเกาะโค้งได้มั่นใจ ไม่มีอาการท้ายบาน หน้าจิกเข้าโค้งได้แม่นๆ พอผ่านเข้าจุดสูงสุดของโค้ง เติมคันเร่งเข้าสู่โค้ง 100R รักษาความเร็วให้คงที่ราว 110 กม./ชม. รถเกาะโค้งได้เนียนๆ ซึ่งโค้งนี้ลองอีกรอบด้วยความเร็วที่แตะ 130 กม./ชม. ยังทำได้ดีมากๆ ถือว่าโค้งนี้ที่หลายคนกลัวๆ แต่กับ M3 CS ถือว่าหมูมากๆ
จากนั้นชะลอความเร็ว เบรกเล็กน้อย ผ่อนคันเร่ง ให้ความเร็วที่เหลือพาเข้าโค้ง S1 หมุนพวงมาลัยซ้ายที ขวาที แบบเบาๆ หน้ารถจิกเข้าโค้งได้แม่นยำ แบบที่ขับเข้าตามโค้ง ไม่ได้มีการตัดโค้งหรือเหยียบ Curb แม้แต่นิดเดียว ยังรู้สึกว่าผ่านโค้งนี้ได้เร็วมาก แล้วเติมคันเร่งเล็กน้อยเข้าสู่ S2 แบบที่ไม่ได้แตะเบรก รถยังคงเข้าโค้งได้อย่างเนียนๆ ไม่มีอาการส่ายของท้ายรถ จะรู้สึกเหมือนรถทั้งคันวิ่งเกาะโค้งไปแบบหนึบหนับ แล้วจึงลดความเร็วเพื่อโค้งขวาเข้าสู่ทางตรง พอรถตั้งลำตรงสู่ทางตรง กดปุ่ม M2 ที่พวงมาลัย เป็นโหมดที่ทีมงาน BMW เซ็ตมาให้ใช้สมรรถนะได้สูงสุด อารมณ์เปลี่ยนทันที จากความเร็ว 60 กม./ชม. กดคันเร่งเต็มแรง รถพุ่งทะยานให้หลังและไหล่ติดเบาะ เสียงเครื่องยนต์ขนาด 3 ลิตร 6 สูบ ดังก้องกังวาล แผดเสียงคำรามทุ้มก้องสุดเร้าใจ ในช่วงเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 3 วินาที ความเร็วพุ่งขึ้นไปแตะเกือบ 180 กม./ชม. แต่น่าเสียดายที่สุดทางตรงซะแล้ว ซึ่งยังรู้สึกได้ว่าถ้ามีระยะเหลืออีกสัก 400 เมตร ความเร็วน่าจะทะลุ 220 กม./ชม. ได้แน่นอน และเป็นความเร็วเกือบๆ 200 กม./ชม. ที่ให้ความรู้สึกมั่นใจมาก ช่วงล่างนิ่ง แน่น หนึบ พวงมาลัยนิ่งแม่นยำสูง สมแล้วกับการเป็นรถที่อยู่ในระดับ “M”
แม้ว่าตัวถังจะดูเป็นรถซีดานดีไซน์สปอร์ต แต่หัวใจนั้นแรงระดับตัวแข่งในสนาม BMW M3 CS กับค่าตัวระดับ 15 ล้าน คันนี้ถือว่าหายในรดต้นคอตัวแข่งอย่าง Porsche Carrera Cup ได้สบายๆ แล้วทีมงานผู้ฝึกสอน BMW ยังทำสถิติในสนามพีระฯ สำหรับอีเว้นนี้เอาไว้ต่อรอบที่ 1.08.23 วินาที อีกด้วย ถือว่าแรงไม่ใช่เล่นๆ เลย งานนี้รีดอะดรีนาลีนกันให้พลุ่งพล่านสุดใจ คงจะหารถที่ให้อารมณ์และความรู้สึกสนุกเร้าใจในแบบเครื่องยนต์ล้วนๆ ได้ยากแล้วในยุคนี้ และนี่คือ BMW M3 CS รถที่ทำให้หัวใจคุณเร่าร้อนได้อย่างแท้จริง
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th