น้ำมันเบรก BRAKE OI…ถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยนเช่นกัน

เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริงว่า “น้ำมันเบรก” ( brake oil ) ตัวกลางในการส่งถ่ายแรงเบรกจะเสื่อมและมีอายุการใช้งานกับเขาด้วยเหมือนกัน ทั้งที่มันอยู่ในระบบที่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปปะปนได้ยาก แต่มันไม่ใช่ ผู้ใช้รถบางคนไม่เคยสนใจมันเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่มันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย และแท้จริงน้ำมันเบรกถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยนเช่นกัน…

นับตั้งแต่น้ำมันเบรกเริ่มสัมผัสกับอากาศ และทำงานอยู่ในระบบมันจะเสื่อมสภาพลงไป จุดเดือดสูง ความสะอาด ไม่ทำปฎิกิริยากับชิ้นส่วนอื่น ทำให้ระบบเบรกมีการทำงานได้อย่างปกติ

สิ่งสกปรก-ความชื้นในอากาศที่เข้าสู่ระบบสะสมตัวในน้ำมันเบรก การที่ต้องทำงานภายใต้อุณหภูมิและแรงดันสูง ทำให้คุณสมบัติที่ดีของน้ำมันเบรกเริ่มหมดลง เราจะสังเกตได้จากสีของน้ำมันเบรกที่เปลี่ยนไป ระดับน้ำมันเบรกที่ลดลงทีละน้อย เพราะเมื่อในน้ำมันเบรกสะสมความชื้นเอาไว้มากๆ เมื่ออุณหภูมิสูงที่เกิดจากการทำงานเบรก อุณหภูมิที่ถ่ายทอดมายังน้ำมันเบรกสูงจนทำให้ความชื้นในน้ำมันเบรกเดือดจนระเหยตัว และเมื่อน้ำมันเบรกมีความชื้นคุณสมบัติทางด้านความหนืดของมันจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปด้วย

การเสื่อมสภาพของน้ำมันเบรกจะสะสม ระบบเบรกจะทำงานได้ จนกระทั่งเมื่อถึงจุดวิกฤต น้ำมันเบรกไม่สามารถรองรับการทำงานหนักจากการเบรกในย่านความเร็วสูง การใช้งานเบรกต่อเนื่อง ทำให้เกิดลักษณะของเบรกจม เบรกหาย คล้ายเบรกแตก อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวเองและผู้อื่นได้

เราจะไม่ต้องกังวลกับเรื่องแบบนี้ ถ้าเราวางกำหนดในการเปลี่ยนน้ำมันเบรกพร้อมการตรวจเช็คระบบเบรกเอาไว้ อย่างน้อยปีละครั้งหรือทุก 20,000-40,000 กิโลเมตร ซึ่งการตรวจเช็คปกติด้วยการสังเกตรอยรั่วซึมตามพื้นบริเวณล้อรถ หรือรอยเยิ้มของน้ำมันตามชิ้นส่วนเบรกหรือวงล้อ ดูสีและระดับน้ำมันเบรก หากพบต้องรีบแก้ไข แต่ทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าเบรก หรือระยะเวลาในการใช้น้ำมันเบรกที่ติดรถมาจะรถใหม่หรือรถเก่าก็ตาม ให้ทำการเปลี่ยนน้ำมันเบรกทั้งระบบทุกช่วงวงรอบ ถ้าใช้งานรถเยอะต้องตรวจเช็คระบบเบรกบ่อยๆ เพราะการสึกหรอและการเสื่อมของน้ำมันเบรกขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการใช้งานด้วย

brake oil ใส่ใจระบบเบรกด้วยการสังเกตน้ำมันเบรกของรถคุณ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน…