ลองแล้ว! หนึบจริง! Bridgestone Alanza 001 ยางเพื่อพรีเมียมครอสโอเวอร์โดยเฉพาะ
ปัญหาอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่ใช้รถในกลุ่มเอสยูวี หรือ ครอสโอเวอร์ จะหนีไม่พ้นในเรื่องของความไม่มั่นใจในขณะเข้าโค้ง เพราะด้วยตัวถังของรถประเภทนี้ ไม่ได้เน้นเพื่อทำความเร็วสูง ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถประมาณ 150-200 มม. ท้ายรถบางรุ่นจะยาวหน่อย ทำให้เวลาที่ขับทำความเร็วเข้าโค้ง หรือขับด้วยความเร็วบนพื้นถนนที่เปียกลื่น ทำให้ความมั่นใจในการขับขี่ลดลงไป แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ระบบช่วงล่างของรถมีส่วนช่วยในระดับหนึ่ง แต่ที่มากไปกว่านั้นคือประสิทธิภาพของยางที่ใช้
เรื่องนี้ บริดจสโตน มองเห็นความสำคัญ จึงได้พัฒนายางรุ่นใหม่ออกมาใช้ชื่อว่า Bridgestone Alanza 001 ตามคอนเซ็ปต์ “ดีไซน์เพื่อขีดสุดแห่งสมรรถนะในทุกจุดหมาย” เป็นยางขนาดใหม่ที่ผลิตในประเทศไทย สำหรับรถยนต์ในกลุ่มพรีเมียมครอสโอเวอร์โดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของคนใช้รถในปัจจุบัน และมีขนาดยางให้เลือกถึง 7 ขนาด ตั้งแต่ 16-19 นิ้ว มีคุณสมบัติหลักๆ คือ
1.โครงสร้างแบบ Multi-Round Block (MRB) อีกระดับแห่งการควบคุม เป็นนวัตกรรมที่เพิ่มหน้าสัมผัสระหว่างผิวยางและผิวถนน เพื่อสมรรถนะในการยึดเกาะ ออกแบบมาเพื่อให้พวงมาลัยตอบสนองอย่างฉับไว สามารถควบคุมรถให้อยู่ในเลน ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทั้งบนสภาพถนนแห้งและบนถนนเปียก ขอบยางที่มีความโค้งมนอย่างเหมาะสมทำให้หน้าสัมผัสเรียบกับพื้นถนนส่งผลให้มีประสิทธิภาพการเบรกในระดับสูง
2.Nano Pro-Tech™ อีกระดับแห่งเทคโนโลยี ด้วยนาโนเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของบริดจสโตน สูตรเนื้อยางพิเศษที่มีซิลิกาคุณภาพสูงจึงทำให้ได้โมเลกุลยางที่แข็งแรง ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงานจึงช่วยประหยัดน้ำมัน ให้ความปลอดภัย และเพิ่มความทนทานของยาง
3.Slit Silencer อีกระดับแห่งสุนทรียภาพ ออกแบบให้ร่องดอกยางมีความลึก และมีมุมองศาที่เหมาะสม ช่วยรีดอากาศออกจากร่องยางหลัก เพื่อช่วยลดเสียงรบกวนในขณะขับขี่ ยกระดับความเรียบหรูในห้องโดยสาร เติมเต็มสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ในทุกเส้นทาง
และเพื่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดโอกาสให้ได้ทดลองยาง Bridgestone Alanza 001 รุ่นใหม่นี้ กันที่สนามทดสอบไทยบริดจสโตน โดยแบ่งการทดสอบออกเป็น 5 สถานี คือ
สถานีทดสอบการเปลี่ยนเลนแบบกระทันหัน (Emergency Lane Change) เพื่อทดสอบความ สามารถในการยึดเกาะถนน การตอบสนองพวงมาลัย การควบคุมรถ และประสิทธิภาพความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลนขณะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างการขับขี่ด้วยเทคโนโลยี Multi-Round Block
สถานีทดสอบการขับขี่แบบสลาลม (Slalom Driving) เพื่อทดสอบความสามารถในการยึดเกาะของยาง การตอบสนองพวงมาลัย และการควบคุมรถในขณะขับขี่บนเส้นทางคดเคี้ยวอย่างต่อเนื่องให้ผู้ขับขี่มั่นใจในความปลอดภัยบนทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยี Multi-Round Block
สถานีทดสอบการเข้าโค้ง (Cornering) เพื่อแสดงประสิทธิภาพการลดเสียงรบกวนจากยาง ด้วยเทคโนโลยี Slit Silencer
สถานีทดสอบสมรรถนะการขับขี่บนถนนเปียก (Wet Handling Performance) เพื่อทดสอบการยึดเกาะของยางบนถนนเปียกด้วยเทคโนโลยี Multi-Round Block และ Nano Pro-tech อีกทั้งประสิทธิภาพการรีดน้ำของยางให้สามารถควบคุมรถได้ดีขณะขับขี่ในช่วงหน้าฝนหรือเมื่อต้องขับขี่บนถนนเปียก
สถานีทดสอบจิมคานา (Gymkhana) เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้นในขณะขับขี่ผ่านสิ่งกีดขวางที่ออกแบบมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพโดยรวมของยาง
สำหรับผลจากการทดสอบต้องยอมรับว่าด้วยคุณสมบัติหลัก 3 ข้อของ Bridgestone Alenza 001 ทำให้เห็นได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ในการทดสอบเป็นการนำยาง Bridgestone Alenza 001 มาเปรียบเทียบกับยางในกลุ่มเดียวกันของคู่แข่ง และเป็นยางใหม่ทั้งคู่ ส่วนรถที่ใช้มี 2 รุ่น คือ BMW X1 และ Toyota Corolla Cross
โดยทุกสถานีได้ลองขับเอง ยกเว้นสถานีทดสอบสมรรถนะการขับขี่บนถนนเปียก เพราะด้วยพื้นที่สนามทำขึ้นมาเพื่อเจ้าหน้าที่ทดสอบโดยเฉพาะ ขนาดของแทร็คค่อนข้างแคบ เพื่อความปลอดภัย จึงมีเจ้าหน้าที่ทำการทดสอบให้ โดยที่ผู้สื่อข่าวนั่งขนาบข้างไปด้วย และใช้รถ BMW X1 ในการทดสอบ
จุดนี้ยอมรับว่าทดสอบได้โหดมาก เพราะนอกจากพื้นแทร็คจะเปียกแบบชุ่มโชก มีน้ำฉีดรดพื้นตลอดเวลา แล้วยังมีโค้งที่กว้าง โค้งแคบ โค้งตัว S ซึ่งขับทดสอบด้วยความเร็วค่อนข้างสูงระดับ 120 กม./ชม. และ 80 กม./ชม. สิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจนคือ รถสามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงบนพื้นเปียกได้แบบไม่เสียอาการ ยางรีดน้ำและเกาะผิวถนนได้อย่างมั่นใจ สามารถเติมความเร็วในโค้งได้มากขึ้น สถานีนี้สังเกตว่าผู้ทดสอบใช้พวงมาลัยน้อยมาก และอธิบายว่าจะมีแรงดึงจากพวงมาลัยค่อนข้างมาก ทำให้มีความรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ด้วยระบบช่วงล่างของรถที่ประสิทธิภาพสูงอยู่แล้ว รวมกับยางที่ยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยม ทำให้การขับไปบนถนนเปียกเป็นเรื่องที่ง่ายไปเลย
ส่วนสถานีทดสอบจิมคานา ใช้รถ Toyota Corolla Cross เปรียบเทียบยาง 2 รุ่น เช่นกัน เป็นยางเบิกใหม่ทั้งคู่ เมื่อเทียบกับยางคู่แข่ง มีความชัดเจนในเรื่องของการควบคุมพวงมาลัยที่รู้สึกว่า พวงมาลัยมีความหนึดมากกว่า เพราะด้วยหน้ายางของ Brisgestone Alenza 001 มีประสิทธิภาพในการเพิ่มการยึดเกาะ ทำให้หน้าสัมผัสของยางและผิวถนนทำได้แนบสนิท ส่งผลให้พวงมาลัยตอบสนองได้ชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งขอบยางมีความโค้งมนช่วยให้การเบรกแล้วหักมุมเลี้ยวทำได้ง่ายขึ้น
และสถานีสุดท้ายเป็นการรวมขับทั้งการเข้าโค้ง การเปลี่ยนเลนกระทันหัน และการขับแบบสลาลม ใช้พื้นที่สนามแบบเต็มพื้นที่ และตั้งกรวยเพื่อขับเข้าตามจุดที่กำหนด ส่วนรถที่ใช้คือ Toyota Corolla Cross เช่นกัน ผลที่ได้คือ การเข้าโค้งด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. รู้สึกถึงการเกาะถนนมากกว่า การเปลี่ยนเลนกระทันหันอาการท้ายส่ายน้อยกว่า การขับแบบสลาลมควบคุมพวงมาลัยได้แม่นยำมากกว่า มีอยู่อย่างเดียวที่ประเมินได้ยากคือเรื่องของความเงียบ ที่ต้องบอกตามตรงว่าเสียงเงียบพอๆ กัน
โดยสรุปถ้าพิจารณาไปที่ 3 คุณสมบัติหลัก ถือว่าทำได้ตามที่ตั้งเอาไว้ การเปรียบเทียบกับแบรนด์คู่แข่งในพิกัดเดียวกันทำได้ดีกว่าชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของการบังคับควบคุมพวงมาลัยทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด จะรู้สึกถึงอาการหนืดมากกว่า ซึ่งหมายถึงผู้ขับสามารถสัมผัสได้ว่ารถสามารถยึดเกาะถนน และควบคุมไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างแม่นยำมากขึ้นนั่นเอง
ส่วนราคาเริ่มต้น 5,350 – 9,390 บาท หากสนใจยาง Bridgestone Alenza 001 สามารถติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายยางบริดจสโตน หรือศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรค็อกพิท (COCKPIT) ทั่วประเทศ และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bridgestone.co.th/th/tire/alenza-001 หรือที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-636-1555
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th