Car of The Year 2018 : AUDI
[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”57776″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST SEDAN UNDER 2,000 c.c.
Audi A4 45 TFSI quattro S line
การจัดงาน Thailand Car of The Year ในปีนี้ เรียกได้ว่ามีความพิเศษกว่าที่ผ่านมา ด้วยจำนวนรถที่รถเข้าประกวดกันอย่างคับคั่ง ซึ่งรวมถึงแบรนด์ใหม่ล่าสุด Audi ที่เพิ่งเปิดตลาดในบ้านเราไปไม่นาน ภายใต้การดูแลของบริษัท Meister Technik ผู้ได้รับการแต่งตั้งจาก Audi AG ประเทศเยอรมนี ในการนำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์ Audi อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งสามารถคว้าไปได้ถึง 3 รางวัลด้วยกัน
และนี่คือรางวัลแรก BEST SEDAN UNDER 2,000 c.c. โดยฝีมือของ Audi A4 45 TFSI quattro S line ยนตรกรรมซีดานสายพันธุ์สปอร์ตที่มีความโดดเด่นตั้งแต่แรกเห็น บนตัวถังสไตล์ซีดาน 4 ประตู ซึ่งมีมิติตัวถังอยู่ที่ความยาว 4,726 มม. ความกว้าง 1,842 มม. และความสูง 1,427 มม. พร้อมระยะฐานล้อที่ยาว 2,820 มม.
โดยทั่วเรือนร่างจะมากับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ Audi เช่น กระจังหน้าทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ ที่มีเส้นสายเฉียบคม รับกับชุดไฟหน้าแบบ LED ที่ยกระดับความโดดเด่นด้วยชุดไฟ Daytime Running Lights แบบ LED เท่านั้นยังไม่พอ เพราะมีการเพิ่มความสปอร์ตเข้าไปอีกระดับให้สมกับฐานะเวอร์ชัน S line ด้วยชุดพาร์ทรอบคัน โดยจะประกอบด้วย สปอยเลอร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กาบบันได ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 245/35R19
ภายในห้องโดยสารมากับความหรูหราและล้ำสมัย เจือปนด้วยกลิ่นอายความสปอร์ต เช่น ในส่วนของเบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ต พร้อมระบบปรับไฟฟ้า และฟังก์ชัน Memory ตำแหน่ง พวงมาลัยหุ้มหนัง 3 ก้านแบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมระบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่จัดมาให้แบบแน่นๆ ตั้งแต่ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Deluxe แยกปรับอิสระได้ 3 โซน Cruise Control พร้อมฟังก์ชันควบคุมความเร็ว (Programmable Speed Limiter) และเครื่องเสียง Premium อย่าง Bang & Olufsen แสดงผลผ่านจอสีขนาด 7 นิ้ว รองรับได้ทั้ง CD/MP3/SD Card/Bluetooth และช่องเชื่อมต่อ AUX/USB
เหตุผลสำคัญที่ทำให้คณะกรรมการทดสอบ ลงมติเป็นเอกฉันท์เทคะแนนให้กับ Audi A4 45 TFSI quattro S line เพราะคะแนนเสียงส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากความประทับใจในสมรรถนะเกินบรรยาย จากขุมพลังเบนซินพิกัด 2.0 ลิตร ที่มากับตัวช่วยอย่าง ระบบวาล์วแปรผัน (Audi Valvelift System) ระบบอัดอากาศ Turbocharged แบบแปรผัน และระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection
โดยสามารถสร้างพละกำลังสูงถึง 252 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุดได้ถึง 370 นิวตันเมตร ที่ 1,600-4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 สปีด สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ที่เรียกว่า Quattro Permanent all-wheel drive พร้อมการันตีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เอาไว้ที่ 5.8 วินาที และด้วยความทรงพลังดังกล่าว คือสิ่งที่สะดุดใจคณะกรรมการเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอัตราการตอบสนองในสถานีทดสอบอัตราเร่ง ที่นอกจากเร้าใจแล้ว ยังเปี่ยมด้วยเสถียรภาพการทรงตัวจากระบบเคลื่อนที่ดีอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ตามความต้องการได้ด้วยฟังก์ชัน Audi Drive Select
และนอกจากความมันส์ในเรื่องของอัตราเร่งแล้ว Audi A4 45 TFSI quattro S line ยังพกพาอารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ตมาให้สัมผัสกันแบบเต็มๆ เช่นกัน จากระบบพวงมาลัย พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า ระบบช่วงล่างที่มีการปรับเซตในสไตล์ของรถสมรรถนะสูง เสริมทัพด้วยความมั่นใจในเสถียรภาพกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออันชาญฉลาด ที่มาแฝงบุคลิกของรถขับเคลื่อนล้อหลังในสภาวะปกติ และจะแปรผันไปตามลักษณะการขับขี่ เพื่อให้มีเสถียรภาพสูงสุด และนี่คืออีกหนึ่งสิ่งที่คณะกรรมการสัมผัสได้อย่างชัดเจนในสถานีทดสอบที่ต้องใช้การควบคุมเป็นหลัก ทั้ง Lane Change และ Slalom
ซึ่งตามมาด้วยคำชื่นชมที่คณะกรรมการแต่ละคนคาดไม่ถึง พร้อมกับยอมรับในสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมราวกับรถสปอร์ต แต่ซุกซ่อนอยู่ในเรือนร่างของซีดาน ที่ผสมผสานมาดหรู และความความหล่อเหลาอย่างลงตัว เหนืออื่นใด นอกจากความเร้าใจแล้ว ความปลอดภัยยังเป็นอีกหนึ่งความรู้สึกที่สร้างความประทับใจได้ดี ทั้งจากฟีลลิ่งโดยรวมในการขับขี่ ตลอดจนฟังก์ชันต่างๆ ที่ถูกติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Anti-Slip Regulation) และระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic Control System with Stabilization Function ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจชั้นเลิศให้กับทุกสถานการณ์การขับขี่อีกด้วยเช่นกัน
[/vc_column_text][vc_separator][vc_single_image image=”57778″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST HATCHBACK UNDER 2,000 c.c.
Audi A4 avant 45 TFSI quattro S line
และความยอดเยี่ยมของ Audi A4 45 TFSI quattro S line ยนตรกรรมซีดานสายพันธุ์สปอร์ต ซึ่งคว้ารางวัล BEST HATCHBACK UNDER 2,000 c.c. ในปีนี้ไปครอง ยังสามารถพาพี่น้องร่วมสายพันธุ์รับไปอีกหนึ่งรางวัลแบบสบายๆ กับตำแหน่ง BEST HATCHBACK UNDER 2,000 c.c. ด้วยรถ Audi A4 avant 45 TFSI quattro S line
อีกหนึ่งยนตรกรรมสรรถนะสูงซึ่งเป็นเซอร์ไพรส์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เรือนร่างของรถอเนกประสงค์แบบ 5 ประตู ทรงแวกอน ที่มีพื้นฐานมิติตัวถังใกล้เคียงกับเวอร์ชันซีดาน ด้วยตัวเลขความยาว 4,725 มม. ความกว้าง 1,842 มม. และความสูง 1,434 มม. พร้อมระยะฐานล้อที่ยาวเท่ากัน คือ 2,820 มม.
สำหรับงานดีไซน์ยังมากับสไตล์ออกแบบของอนุกรม A4 เช่น มุมมองด้านหน้าที่ดุดันด้วยกระจังทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ รับกับชุดไฟหน้าแบบ LED ที่มาพร้อมชุดไฟ Daytime Running Lights แบบ LED เติมความสปอร์ตตามฐานะของยนตรกรรมระดับ S line ด้วยชุดพาร์ทรอบคัน และสวมใส่ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 245/35R19 เสริมรายละเอียดด้วยการติดตั้งราวแร็คหลังคา และสปอยเลอร์หลังมาให้ เพื่อสร้างจุดสนใจในมุมมองด้านหลัง
ส่วนภายในห้องโดยสารยังรักษาคอนเซปต์เดียวกับเวอร์ชันซีดาน ที่มีทั้งความหรูหรา และความล้ำสมัย ผสมผสานสปอร์ต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่ใส่มาให้แบบครบๆ ซึ่งรวมไปถึงระบบความบันเทิงจากเครื่องเสียงแบรนด์หรูด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ในเวอร์ชัน avant ที่มีตัวถังแบบ 5 ประตู แวกอน ยังพกพาความอเนกประสงค์มาให้ใช้งาน ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง ซึ่งสามารถปรับเพิ่มได้ด้วยการพับพนักพิงเบาะหลังอย่างสะดวกง่ายดาย
ในขณะที่หัวใจหลักแห่งการขับเคลื่อนยังคงความเร้าใจ เช่นเดียวกับเวอร์ชันซีดาน ด้วยพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน พิกัด 2.0 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน (Audi Valvelift System), ระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection และกำลังเสริมสำหรับเพิ่มความเร้าใจอย่าง ระบบอัดอากาศ Turbocharged แบบแปรผัน
ซึ่งเรี่ยวแรงที่ได้นั้นอยู่ในระดับ 252 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุดได้ถึง 370 นิวตันเมตร ที่ 1,600-4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 สปีด ฟังก์ชัน Audi Drive Select ให้เลือกปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ตามความต้องการ โดยจะถ่ายทอดกำลังทั้งหมดสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ที่เรียกว่า Quattro Permanent all-wheel drive ส่วนอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.นั้น จะมีความต่างจากเวอร์ชันซีดานเล็กน้อย คือ อยู่ที่ราว 6.0 วินาทีถ้วนๆ
โดยเป็นเวลาอัตราเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งที่ไม่ธรรมดา และซุกซ่อนอย่างแนบเนียน ภายใต้รูปลักษณ์ของรถอเนกประสงค์ครอบครัวแบบบ 5 ประตู แวกอน ซึ่งหลังจากคณะกรรมการที่ทดลองขับจากในสถานทีทดสอบต่างๆ แล้ว ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ประทับใจ” ไม่แพ้เวอร์ชันซีดานเลยแม้แต่น้อย และไม่ใช่แค่เพียงอัตราเร่งเท่านั้น แต่ยังมีความกระฉับกระเฉงในการควบคุมในระดับที่ไม่แพ้กัน
ด้วยพื้นฐานของพวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า รองรับด้วยระบบช่วงล่างที่มีการปรับเซตในสไตล์ของรถสมรรถนะสูง และขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยระบบอันลือชื่ออย่าง Quattro Permanent all-wheel drive สำหรับสร้างเสถียรภาพ และความมั่นใจในการขับขี่ ที่ต่อให้แม้จะอยู่ในรูปลักษณ์ของรถ avant รูปทรงแวกอน แต่ก็มีความสปอร์ตให้มาอย่างล้นเหลือ จากการเคลื่อนไหวในสถานีทดสอบที่ต้องหักหลบสิ่งกีดขวางอย่าง Slalom และ Lane Change
พร้อมด้วยอารมณ์ของความเป็นรถขับได้สนุก ทั้งจากการตอบสนองที่กระชับฉับไวของพวงมาลัยที่ “คม” ให้ความคล่องตัวดีเยี่ยมในความเร็วต่ำ พร้อมการแปรผันสร้างความมั่นใจในความเร็วสูง รวมถึงความมั่นใจที่มาจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีการจัดสรรแรงบิดสู่ล้อทั้ง 4 ได้อย่างเหมาะสม เพื่อสร้างบุคคลิกความสปอร์ตในทุกอารมณ์ของการขับขี่ และที่สำคัญ ยังมาพร้อมกับความปลอดภัยที่ครบเครื่องตามมาตรฐานเดียวกับเวอร์ชันซีดาน แต่สิ่งที่เหนือกว่าก็คือ “ความคุ้มค่า” ที่เกิดขึ้นจากดีไซน์ของขนาดตัวถังที่เป็นบนรูปทรง 5 ประตู แวกอน ซึ่งสามารถปรับเพิ่มเติมได้ตามต้องการ
เพราะฉะนั้น Audi A4 avant 45 TFSI quattro S line จึงเรียกได้ว่าเป็นรถที่ “ครบเครื่อง” รอบด้านทั้งในเรื่องของสมรรถนะ และอรรถประโยชน์การใช้งาน จนเป็นที่ยอมรับของคณะกรรมการ และคว้ารางวัลให้หมวดนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย
[/vc_column_text][vc_separator][vc_single_image image=”57781″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST SUV UNDER 2,000 c.c. PETROL
Audi Q5 45 TFSI quattro S line 2.0T
Audi Q5 45 TFSI quattro S line 2.0T นับเป็นรถอเนกประสงค์รุ่นท็อปสุดในสายรถอเนกประสงค์อนุกรม Q5 ที่ Audi จับมาทำตลาดในไทย ซึ่งนำเสนอความหรูหราในแบบฉบับของ SUV ที่มีดีไซน์สปอร์ตด้วยเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น กระจังหน้าทรงเหลี่ยม ชุดไฟหน้ารูปทรงเฉียบคมแบบ LED ที่ฝังชุดไฟ Daytime Running Light แบบ LED ไว้ภายใน ส่วนด้านข้างนั้น มากับเส้นสายที่เรียบง่าย แต่โฉบเฉี่ยว
เช่นเดียวกับด้านหลังที่ดูใหญ่โตและบึกบึน สร้างความสะดุดตาด้วยชุดไฟท้ายแบบ LED และสปอยเลอร์หลังคา ตามด้วยการอัปเกรดความสปอร์ตให้กับรูปลักษณ์ ด้วยความเป็นเวอร์ชัน S line ที่ประกอบด้วยชุดพาร์ทรอบคัน และล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/45R20
ด้านมิติตัวถังนั้น มากับความยาว 4,663 มม. ความกว้าง 1,893 มม. ความสูง 1,659 มม. และระยะฐานล้อที่ยาว 2,819 มม. พร้อมความกว้างระยะฐานล้อหน้า/หลัง ที่ 1,616 มม. และ 1,609 มม. ซึ่งด้วยตัวเลขดังกล่าว มั่นใจได้เลยว่าภายในห้องโดยสารนั้นกว้างขวางในระดับที่สามารถสร้างความสะดวกสบายๆ ได้ในระดับสูงสุด ภายใต้การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างอารมณ์ความสปอร์ตและความหรูหรา
เช่นเดียวกับในเรื่องของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ติดตั้งมาให้แบบครบครัน เช่น เบาะนั่งหุ้มหนังดีไซน์สปอร์ต พร้อมระบบปรับไฟฟ้า รับกับพวงมาลัย 3 ก้าน พร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน และระบบ Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ตลอดจนระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Deluxe รวมไปถึงชุดเครื่องเสียงชั้นเลิศจากแบรนด์ Bang & Olufsen ที่รองรับการเชื่อมต่อความบันเทิงที่หลากหลาย เช่น MP3/SD card/AUX-IN/USB และ Bluetooth ที่สามารถสั่งการได้อย่างง่ายดายทั้งจากบนพวงมาลัย และหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
ภายใต้เรือนร่างของ Audi Q5 45 TFSI quattro S line 2.0T คือขุมพลังที่เปี่ยมสมรรถนะจากขุมพลังเบนซิน พิกัด 2.0 ลิตร ที่ได้รับการอัปเกรดสมรรถนะด้วยการติดตั้งระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ระบบวาล์วแปร ผัน (Audi Valvelift System) และระบบอัดอากาศ Turbocharged แบบแปรผัน
โดยจะมีพละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 252 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำเพียง 1,600-4,500 รอบต่อนาที ขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยระบบ Quattro with Ultra Technology จากการส่งกำลังโดยเกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 สปีด ที่ทำให้ SUV สุดหรู น้ำหนักราว 1.7 ตันคันนี้ มีอัตราเร่งสุดเร้าใจ 0-100 กม./ชม. เอาไว้ที่ 6.3 วินาที เท่านั้น
สำหรับในส่วนของการทดสอบนั้น ยังคงประกอบด้วยสถานีหลักๆ เริ่มต้นจากสถานีอัตราเร่ง ต่อเนื่องด้วยสถานี Slalom และ Lane Change โดยแต่ละสถานีทดสอบนั้น เรียกได้ว่าเป็นเงื่อนไขในการสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคณะกรรมการได้อย่างดี โดยมีพระเอกเป็น Audi Q5 45 TFSI quattro S line 2.0T ที่เคลื่อนไหวผ่านสถานีทดสอบต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่วราวกับไม่ใช่รถอเนกประสงค์ SUV
ซึ่งองค์ประกอบสำคัญนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องความเร้าใจจากขุมพลังเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็น “ความลงตัว” ในหลายๆ ด้าน ที่ส่งเสริมให้เกิดความโดดเด่นของ “สมรรถนะ” เช่น ลักษณะของตัวรถที่เป็นแบบ SUV และมีความสูงของตัวรถเป็นที่ตั้ง ทำให้ผู้ขับขี่มีทัศนวิสัยในการมองที่ดี ช่วยให้ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าได้อย่างสบายๆ
ในขณะเดียวกันก็มีความยอดเยี่ยมจากระบบพวงมาลัย พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า ที่ตอบสนองได้อย่างลงตัวกับทุกระดับความเร็วที่ใช้ ช่วยให้รถอเนกประสงค์ SUV ระดับ Audi Q5 มีความกระฉับกระเฉง และควบคุมได้อย่างคล่องมือดีทีเดียว กับการหักหลบสิ่งกีดขวางจากสถานีทดสอบต่างๆ ไปพร้อมกับความรู้สึกหนึบแน่น และการทรงตัวที่มั่นใจได้
ถึงแม้จะเป็นขนาดตัวถังในพิกัดของรถ SUV ก็ตาม อันเป็นผลมาจากการปรับเซตของระบบช่วงล่างที่มีความลงตัว และเหมาะสมกับความเป็นยนตรกรรมสมรรถนะสูง ผสมผสานการทำงานอันชาญฉลาดของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบ Quattro with Ultra Technology ซึ่งสร้างการยึดเกาะถนนที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะในย่านความเร็วสูง ตลอดจนการหักเลี้ยวหลบซ้าย-ขวา ด้วยความเร็วในทั้ง 2 สถานี คือ Slalom และ Lane Change ได้แบบสบายๆ ชนิดที่ว่าด้วยความสามารถของ Audi Q5 45 TFSI quattro S line 2.0T ได้เปลี่ยนสนามทดสอบให้กลายเป็นสวนสนุก สำหรับเค้นสมรรถนะ ซึ่งคณะกรรมการทดสอบที่ต่างสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา เพื่อสัมผัสความยอดเยี่ยมของ Audi Q5 45 TFSI quattro S line 2.0T กันอย่างไม่ขาดสาย
และนอกเหนือจากความสามารถในการขับขี่แล้ว ในฐานะของยนตรกรรมอเนกประสงค์ SUV ขนาดกลาง ซึ่งตอบรับความต้องการใช้งานทั้งเรื่องของการโดยสารที่สะดวกสบาย และห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่สามารถเพิ่มพื้นที่ได้ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญที่ตอบโจทย์ในเรื่องของความ “คุ้มค่า” ได้อย่างดี โดยทั้งหมดคือ 2 ส่วนสำคัญที่ตอกย้ำความมั่นใจให้กับคณะกรรมการทดสอบแน่ใจว่า “นี่คือยนตรกรรมที่มีความเหมาะสมกับรางวัล BEST SUV UNDER 2,000 c.c. PETROL ที่สุดในปีนี้”[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]