Car of The Year 2018 : CHEVROLET
[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”57825″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST HIGH-LIFT PICKUP UNDER 2,500 c.c.
CHEVROLET COLORADO Z71 DOUBLE CAB
นับเป็นอีกหนึ่งในรถปิกอัพที่คนกล่าวถึงมากที่สุด สำหรับ Chevrolet Colorado Z71 Double Cab รถปิกอัพที่เพียบพร้อมในทุกคุณสมบัติและตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันที่ตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้ตรงใจต่อผู้ใช้งานอย่างครบถ้วน จนทำให้คว้ารางวัล Thailand Car of The Year 2018 มาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ จากการลงคะแนนเสียงจากคณะกรรมการที่ทรงคุณวุฒิจากสถาบันยานยนต์
อเมริกันสไตล์ ดุดัน แข็งแกร่ง
Chevrolet Colorado Z71 Double Cab มาพร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ออกแบบมาเพื่อสะท้อนความแกร่งและหรูหรา ผสมผสานกับไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟอัตโนมัติ ด้วยเซ็นเซอร์อัจฉริยะที่สามารถตรวจจับความเข้มของแสง พร้อมเปิดการทำงานของไฟหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อแสงน้อยหรือเส้นทางฝุ่นหนาและจะดับไฟเมื่อมีแสงสว่างเพียงพอ ส่วนด้านท้ายเพิ่มความปลอดภัยด้วยไฟท้าย LED ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะเบรก พร้อมไฟตัดหมอกหลังให้ความปลอดภัยระหว่างการขับขี่ ปลอดภัยมากขึ้นกับไฟเบรกดวงที่สาม ซึ่งการออกแบบทั้งหมดนี้ยังคงเอกลักษณ์ของ “เชฟวี่ ทรัค” ที่สืบทอด DNA จากตำนานกระบะอเมริกันพันธุ์แกร่ง ที่แข็งแรงบึกบึนไว้อย่างครบถ้วน พร้อมด้วยโครงสร้างทนทาน และพื้นที่บรรทุกขนาดใหญ่ รองรับการใช้งานในทุกรูปแบบได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ มือจับที่เป็นฝากระบะท้ายแบบโครเมียมพร้อมกล้องมองหลัง ที่ทำให้ช่วยให้ถอยจอดได้สะดวกมากขึ้น ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต แบบทูโทน ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางหน้า/หลัง ขนาด 265/60 R18 บ่งบอกถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ลุยได้ทุกเส้นทาง
ภายในหรูพรีเมียมในแบบ SUV
ห้องโดยสารภายในเน้นความหรูหรา สะดวกสบาย สไตล์รถ SUV ที่โดดเด่นด้วยชุดมาตรวัดใหม่ที่สปอร์ต โฉบเฉี่ยว และใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มด้วยหนัง สามารถปรับช่องวิทยุจากพวงมาลัยซึ่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ คอนโซลกลางมาพร้อมชุดอินโฟเทนเมนต์ MyLink ทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว รองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay แสดงผลหน้าจอสมาร์ตโฟนบนจอส่วนกลาง Siri Eyes Free พร้อมซอฟต์แวร์สั่งงานด้วยเสียง เบาะนั่งใหม่ ใช้วัสดุผ้าที่มีผิวสัมผัสนุ่มนวล และเพิ่มความสะดวกด้วยรีโมตสตาร์ตที่สามารถสั่งการสตาร์ตได้จากนอกตัวรถ พร้อมทั้งสั่งการให้ระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารทำงานโดยอัตโนมัติที่อุณหภูมิระดับ 25 องศา นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมการเลื่อนขึ้น-ลง ของกระจกหน้าต่างทั้ง 4 บาน และยังมีไฮไลต์ที่ขาดไม่ได้ก็คือ พวงมาลัยเพาเวอร์ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Power Steering) ที่มีความเที่ยงตรงและแม่นยำสูง ทั้งยังสามารถปรับน้ำหนักแปรผันตามความเร็วรถ รองรับการขับทุกสภาพถนน ลดการดึงของพวงมาลัยและลดการสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านมายังพวงมาลัย ระบบ Tire Pressure Monitor ตรวจสอบแรงดันลมยาง มีเซ็นเซอร์วัดแรงดันลมยางในแต่ละล้อ ส่งข้อมูลมาแสดงผลที่หน้าจอในชุดมาตรวัด มีเซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝน ทำงานร่วมกับที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังออกแบบลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ด้วยการปรับปรุงซีลยางในจุดต่างๆ เพิ่มโฟมซับเสียงที่เสาหน้า ปรับกรอบประตูคู่หน้าช่วงบนให้บีบแน่นขึ้น เพิ่มความหนากระจกประตูคู่หน้า ลดเสียงรบกวนลงได้ประมาณ 2-4 เดซิเบล
ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
Chevrolet Colorado Z71 Double Cab มีความปลอดภัยทุกการใช้งานด้วยถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่ (Driver Knee Airbag) ที่ช่วยป้องกันไม่ให้หัวเข่าและส่วนขาด้านล่างของผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ด้านหน้ารถ โดยทำงานร่วมกับถุงลมนิรภัย SRS และเข็มขัดนิรภัย ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้าทำงานในช่วงความเร็ว 40 กม./ชม. ขึ้นไป โดยกล้องที่ติดตั้งอยู่บริเวณกระจกมองหลังและเรดาร์ที่ด้านหน้ารถจะวิเคราะห์และประเมินระยะห่างของรถคันหน้าตลอดเวลา หากพบว่ารถเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป ระบบจะส่งสัญญาณภาพและเสียงเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบ เพื่อเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ระบบเซ็นเซอร์หน้า-หลัง 8 จุด ช่วยในการนำรถเข้าจอดได้ง่ายขึ้น โดยเซ็นเซอร์จะส่งสัญญาณภาพและเสียงแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบถึงระยะห่างของรถกับสิ่งกีดขวาง ระบบช่วยเตือนเมื่อขับขี่รถออกนอกช่องจราจร ระบบนี้จะทำงานเมื่อรถวิ่งออกนอกช่องจราจรโดยที่ผู้ขับขี่ไม่ตั้งใจหรือไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ขณะขับขี่ด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. ขึ้นไป ระบบจะส่งสัญญาณภาพและเสียงเตือนทันที ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะรถลงทางลาดชัน (HDC) ระบบช่วยการออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ช่วยป้องกันอาการล้อล็อกที่เกิดขึ้นในระหว่างการเบรกฉุกเฉินและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในสภาพถนนลื่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ซึ่งระบบนี้จะช่วยควบคุมการทรงตัวโดยการตรวจสอบและลดการสูญเสียการทรงตัวในทุกสภาพการขับขี่ ระบบป้องกันการลื่นไถลและล้อหมุนฟรี (TCS), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ช่วยรักษาการควบคุม โดยกระจายแรงเบรกในแต่ละล้ออย่างเหมาะสม
ระบบช่วงล่างและขุมพลังตอบสนองทุกการใช้งาน
Chevrolet Colorado Z71 Double Cab มาพร้อมเครื่องยนต์ดูราแมกซ์ ดีเซล 2.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดถึง 440 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งผ่านกำลังด้วยระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ทำให้มีความแรงมากขึ้นแต่ประหยัดขั้นกว่า ออกตัวแรง เร็วขึ้น ในทุกจังหวะการเร่งด้วยระบบหัวฉีดไดเร็กอินเจกชัน ที่ทำงานร่วมกับเทอร์โบแปรผัน (Variable Geometry Turbo) และระบบอินเตอร์คูลเลอร์ เพื่อการจุดระเบิดที่ดีกว่า สร้างแรงม้าและสร้างแรงบิดรอบต่ำ ควบคุมเซอร์โวมอเตอร์ที่สั่งการโดยสมองกล ECM (Engine Control Module) เพื่อที่สุดของการขับขี่ และใช้งานขณะบรรทุกได้ดีขึ้น ทั้งยังมีอุปกรณ์ดูดซับเสียง (Centrifugal Pendulum Absorber- CPA) ช่วยลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือน จากระบบขับเคลื่อนสู่ภายในห้องโดยสาร เพื่อให้การขับขี่ของคุณเงียบสงบกว่าที่เคย
สำหรับระบบช่วงล่าง เพิ่มความนุ่มนวลและลดการโคลงของตัวด้วยยางรองตัวถังใหม่ พร้อมเปลี่ยนยางรองแท่นเครื่องยนต์แบบใหม่ ลดแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ ปีกนกสองชั้น เเละช่วงล่างด้านหลังเเบบลิฟสปริง เเป้นรูปครึ่งวงรีพร้อมโช้คอัพเเก๊ส ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่เเละเกาะถนนเป็นเยี่ยม ไว้ใจได้ทุกย่านความเร็วทั้งทางตรงเเละทางโค้งเเละในขณะบรรทุกหรือรถเปล่า ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
บทพิสูจน์สมรรถนะความสุดยอดจากคณะกรรมการ
สำหรับในการทดสอบครั้งนี้ เหล่าคณะกรรมการต้องการพิสูจน์สมรรถนะของ Chevrolet Colorado Z71 Double Cab ในสามรูปแบบคือ Acceleration Test, Lane Change และ Suspension Test ซึ่งทั้งสามสถานีนี้คณะกรรมการได้ลงความเห็นว่า Chevrolet Colorado Z71 Double Cab มีความลงตัวในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ทันใจ จากเครื่องยนต์เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ ดีเซล 2.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดถึง 440 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งผ่านกำลังด้วยระบบเกียร์แบบ 6 สปีด การบังคับรถเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน เพื่อสัมผัสระบบความปลอดภัยและการทำงานของระบบช่วงล่าง รวมถึงการสั่งงานของพวงมาลัยว่ามีความแม่นยำ ซึ่งสั่งการได้อย่างเฉียบคม ควบคุมง่าย และการทดสอบความนุ่มนวลระบบช่วงล่าง ที่เป็นแบบอิสระ ปีกนกสองชั้น เเละช่วงล่างด้านหลังเเบบลีฟสปริง เเป้นรูปครึ่งวงรีพร้อมโช้คอัพเเก๊ส ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่เเละเกาะถนนเป็นเยี่ยม
จากทบสรุปของคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติ ต่างให้มติเป็นเอกฉันท์ว่า Chevrolet Colorado Z71 Double Cab เป็นสุดยอดรถปิกอัพที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการและครบเครื่องในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในด้านขุมพลัง เทคโนโลยี ความปลอดภัยและการใช้งานในชีวิตประจำวัน
[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column][vc_separator][vc_single_image image=”57827″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST RIDING QUALITY PPV
CHEVROLET TRAILBLAZER
เป็นอีกหนึ่งเซ็กเมนต์ที่มีการแข่งขันกันไม่น้อยสำหรับรถตระกูล PPV ซึ่งทุกค่ายต่างช่วงชิงการเป็นผู้นำครองตลาด โดยงัดออปชันมาแข่งกันทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์ ความสะดวกสบาย เทคโนโลยี รวมไปถึงการใช้งาน แต่ก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ผ่านบททดสอบ Thailand Car of The Year 2018 รถ PPV ที่ได้รับผลโหวตว่าคุ้มค่ามากที่สุดจากเหล่าคณะกรรมการว่าโดดเด่นเหนือรถในเซ็กเมนต์เดียวกัน นั่นก็คือ Chevrolet Trailblazer LTZ1 4WD
ขุมพลังแรง เพิ่มเติมเทคโนโลยีเต็มประสิทธิภาพ
Chevrolet Trailblazer LTZ1 4WD มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2,500 ซี.ซี. ภายใต้หรัส XLDE25 LP2 คอมมอนเรล เทอร์โบ ไดเร็กอินเจกชัน แบบ 4 สูบแถวเรียง เพลาลูกเบี้ยวคู่เหนือฝาสูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พละกำลัง 180 แรงม้า (132 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที และมีแรงบิดที่ 440 นิวตันเมตร (45 กก.-ม.) ที่ 2,000 รอบต่อนาที (ซึ่งให้ความแรงกว่าเครื่องในเวอร์ชันปี 2015 ที่ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที) ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ได้รับการปรับจูนขึ้นมาใหม่ให้มีความสัมพันธ์มากยิ่งขึ้น
นอกจากความแรงของขุมพลังเครื่องยนต์แล้ว Chevrolet Trailblazer LTZ1 4WD ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วย ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา (Side Blind Zone Alert) และระบบแจ้งเตือนการจราจรและสิ่งกีดขวางด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert) ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร (Lane Departure Warning) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Alert) ระบบช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและหลัง (Front and Rear Parking Assist) ระบบแจ้งเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารแถวสอง (Second Row Seat Belt Reminder) และระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (Tire Pressure Monitoring System)
เพิ่มความสะดวกในการขับรถหน้าฝนด้วยระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝน ไฟหน้าเปิด-ปิด อัตโนมัติ และรีโมตสตาร์ตที่ช่วยเพิ่มความสบายในสภาพอากาศร้อน โดยสามารถสตาร์ตเครื่องยนต์ได้ด้วยการกดสวิตช์ที่กุญแจและเปิดแอร์ด้านนอกตัวรถ เพื่อให้ห้องโดยสารเย็นสบายก่อนเข้าไปนั่ง นับว่าเป็นรถอเนกประสงค์รุ่นแรกที่ให้ออปชันนี้มา
นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยทั้งแบบแอกทีฟและแพสซีฟ ทั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรีทั้งขณะออกตัวและในโค้ง Traction Control System (TCS) ระบบรองรับการเบรกกะทันหัน Panic Brake Assist (PBA) ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution (EBD) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Electronic Stability Control (ESC) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control (HDC) ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน Hill Start Assist (HSA) ระบบรักษาเสถียรภาพขณะลากจูง (Trailer Sway Control) ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (Anti-Rolling Protection) พร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตลอดจนถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่
ภายในหรู ดุดัน ตอบโจทย์การใช้งานลงตัว
ห้องโดยสารภายในเน้นความดุดันและหรูหรามากยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่ แผงแดชบอร์ดและคอนโซลด้านหน้าได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ให้มีความสวยงามและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น โดยภายในจะใช้วัสดุที่มีผิวสัมผัสนุ่มนวล ช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร คอนโซลกลางได้รับการออกแบบใหม่ ตอบสนองการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับหน้าจอทัชสกรีนสีขนาด 8 นิ้ว แสดงผลระบบอินโฟเทนเมนต์รุ่นใหม่ล่าสุด MyLink รองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay แสดงผลหน้าจอสมาร์ตโฟนบนจอส่วนกลาง Siri Eyes Free พร้อมซอฟต์แวร์สั่งงานด้วยเสียง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถสั่งงานด้วยเสียงโดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย ซึ่งสามารถควบคุมชุดเครื่องเสียงและเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านสัญญาณ Bluetooth ด้วยการระบบพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ในส่วนที่นั่งแถวที่ 2 เพิ่มความสะดวกสบายด้วยช่องปรับอากาศที่มีการควบคุมแบบแยกส่วน ซึ่งรวมถึงช่องปรับอากาศของผู้โดยสารเบาะแถวที่สาม นอกจากนี้ ยังสามารถพับเบาะทั้งสามแถวให้แบนราบ เพื่อขยายพื้นที่ให้มีความกว้างขวางมากขึ้นสำหรับการบรรทุกสัมภาระได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีอีกไฮไลต์ที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) ช่วยผ่อนแรง อำนวยความสะดวกสบายในการบังคับพวงมาลัยสำหรับการขับขี่ในเมืองและขณะจอดรถ ระบบบังคับเลี้ยวจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นตามความเร็วในการขับขี่ ดังนั้นจึงมีน้ำหนักพวงมาลัยที่เหมาะสมเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
Special Test
เข้าสู่บทพิสูจน์สมรรถนะความสุดยอดของ Chevrolet Trailblazer LTZ1 4WD ในสถานีทดสอบ ซึ่งได้แบ่งออกเป็น 3 สเตชัน เริ่มต้นด้วย Acceleration Test, Suspension Test และ Lane Change ซึ่งรถอเนกประสงค์พันธุ์แกร่งคันนี้สามารถผ่านทุกด่านได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว
ในสถานี Acceleration Test ที่ต้องใช้อัตราเร่งเป็นตัวชี้วัด เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ 2,500 ซี.ซี. คอมมอนเรล 4 สูบ 16 วาล์ว 180 แรงม้า ที่มาพร้อมเทอร์โบแปรผัน (Variable Geometry Turbo) และระบบอินเตอร์คูลเลอร์ สามารถสร้างแรงม้าและแรงบิดรอบต่ำได้อย่างน่าตื่นเต้นและเร้าใจ และยิ่งส่งกำลังผ่านระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ทำให้สามารถรีดประสิทธิภาพเครื่องยนต์ได้สูงสุด และส่งกำลังได้ต่อเนื่องรวดเร็วยิ่งขึ้น เพียงแค่กดคันเร่งออกตัวก็สั่งรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าทันที ถึงแม้ว่าจะมีมิติตัวถังขนาดใหญ่ก็ไม่สามารถทำให้ด้อยประสิทธิภาพออกตัวลงแม้แต่น้อย ทำให้การออกตัวในช่วงต้นเต็มไปด้วยพละกำลังที่สร้างแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้า และยังช่วยในการประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น
ถัดมาสถานี Suspension Test ความนุ่มนวลของระบบช่วงล่าง ซึ่งเป็นด่านพิสูจน์ที่มีการทดสอบหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้คณะกรรมการได้สัมผัสถึงระบบช่วงล่างเต็มอย่างเต็มที่ ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนกสองชั้น คอยล์สปริงและโช้คอัพแก๊ส ด้านหลังเป็นแบบ 5-Link Rear Suspension พร้อมคอยล์สปริงและโช้คอัพแก๊ส ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ เเละเกาะถนนเป็นเยี่ยม ไว้ใจได้ทุกย่านความเร็ว ทั้งทางตรง เเละทางโค้ง ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์เเบบ ให้ประสิทธิภาพสูงในการเกาะถนน สร้างความมั่นใจได้ทุกครั้งที่เข้าโค้ง
ปิดท้ายด้วยการทดสอบด้วยสถานี Lane Change คณะกรรมการผู้ทดสอบจะต้องควบคุมด้วยการบังคับรถเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน เพื่อสัมผัสระบบความปลอดภัยและการทำงานของระบบช่วงล่าง รวมถึงการสั่งงานของพวงมาลัยว่ามีความแม่นยำขนาดไหน ในช่วงการทดสอบพวงมาลัยไฟฟ้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ สามารถสั่งการได้อย่างเฉียบคมควบคุมง่าย นอกจากนี้ระบบเกียร์กึ่งแมนวล +/- จะช่วยคำนวณความสัมพันธ์ของความเร็วรถ ความเร็วรอบและแรงบิดของเครื่องยนต์ในอัตราที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนเกียร์ทุกครั้งอีกด้วย
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความสุดยอดของ Chevrolet Trailblazer LTZ1 4WD ที่เหล่าคณะกรรมการเทคะแนนให้ จนทำให้สามารถคว้ารางวัล BEST RIDING QUALITY PPV ใน Thailand Car of The Year 2018 มาครองได้สำเร็จ[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]