Car of The Year 2018 : HONDA
[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”57696″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST HATCHBACK UNDER 1,500 c.c.
HONDA JAZZ RS
จะเรียกว่าเป็นยนตรกรรมยอดนิยมของผู้บริโภคก็ว่าได้ สำหรับโมเดล HONDA JAZZ ที่สร้างกระแสแรงในทุกรุ่นที่เปิดตัว นับตั้งแต่เวอร์ชันแรกจนมาถึงเจเนอเรชันล่าสุด ซึ่งกำลังทำตลาดอยู่ในเมืองไทยด้วยรหัสตัวถัง GK และพิเศษไปกว่านั้นก็คือ HONDA JAZZ ในเจเนอเรชันนี้ มาพร้อมกับความ “สุด” แห่งสายพันธุ์สปอร์ตเต็มขั้นในระดับรุ่น RS ที่ได้รับการตกแต่งในสไตล์สปอร์ตเต็มขั้น เสริมทัพงานดีไซน์ภายใต้แนวคิด “Crossfade Monoform”
ในขณะที่ภายในห้องโดยสารนั้น อัปเกรดขึ้นใหม่ ซึ่งมีการผสมผสานความสปอร์ตเข้าไปอย่างลงตัวกับมาตรฐานรองรับการใช้งานจากแนวคิดการออกแบบที่เรียกว่า Futuristic Cockpit โดยเน้นการใช้งานเป็นหลักแบบ Man Maximum Machine Minimum เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารสูงสุด
HONDA JAZZ RS ยังคงนำเสนอการขับเคลื่อนอันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว พิกัด 1.5 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน i-VTEC โดยมีพละกำลังสูงสุดให้ใช้ที่ 117 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 146 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dream พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift 7 สปีด สำหรับสนองความเร้าใจในสไตล์สปอร์ต
โดย HONDA JAZZ RS คือหนึ่งในตัวเลือกที่คณะกรรมการทดสอบต่างจับจองทดลองขับมากที่สุด ด้วยความลงตัวของรูปลักษณ์ สมรรถนะจากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรที่ตอบสนองได้อย่างทันใจ ไม่ว่าจะขับขี่ในรูปแบบปกติ หรือเพิ่มความเร้าใจด้วย Paddle Shift ในสถานีทดสอบอัตราเร่ง
รวมไปถึงความเป็นยนตรกรรมขับสนุก ที่ไม่มียนตรกรรมรุ่นไหนเหมือน ด้วยความคล่องตัวจากระบบพวงมาลัยที่ตอบสนองได้อย่างเฉียบคม ผสมด้วยความสปอร์ตจากระบบช่วงล่างที่หนึบแน่น มีการทรงตัว และการยึดเกาะถนนที่ดี จนทำให้สถานีทดสอบการควบคุมอย่าง Slalom และ Lane Change เป็นที่ชื่นชอบของคณะกรรมการ โดยเฉพาะการขับขี่ในโหมด S ผ่านสิ่งกีดขวาง ซึ่งนำเสนอความเฉียบขาดของ HONDA JAZZ RS ได้อย่างไร้ที่ติ
จนไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า ทำให้ HONDA JAZZ ทุกรุ่น รวมถึงรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ จะได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้บริโภคชาวไทย และนั่นคืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คะแนนถูกเทให้กับ HONDA JAZZ RS จนได้รับรางวัลในหมวดนี้ไปอย่างท่วมท้น[/vc_column_text][vc_separator][vc_single_image image=”57698″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST SEDAN UNDER 1,500 c.c.
HONDA CITY 1.5 SV+
HONDA CITY 1.5 SV+ ยนตรกรรมซีดานจากค่าย HONDA ที่พกพาความคุ้มค่ามาเต็มคันรถ ด้วยลักษณะตัวถังแบบรถยนต์นั่ง 4 ประตู เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ซึ่งนี่คือ “โจทย์” ที่ถูกตั้งไว้ตั้งแต่โมเดลแรก จนกระทั่งมาถึงโมเดลล่าสุด ฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า HONDA CITY ในทุกรุ่นจึงสร้างกระแสตอบรับได้อย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย
HONDA CITY 1.5 SV+ ในเจเนอเรชันล่าสุดมากับขนาดมิติตัวถังที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ พร้อมดีไซน์ที่เฉียบคมตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อนำเสนอความหรูหรา และความสปอร์ตที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวในรูปลักษณ์ภายนอก ส่วนห้องโดยสารภายในนั้น มากับความเรียบหรู และฟังก์ชันการใช้งานล้ำสมัยด้วยระบบสัมผัส ทั้งจากชุด Head Unit บนคอนโซลหน้า และหน้าจอระบบปรับอากาศอัตโนมัติ รวมไปถึงชุดมัลติฟังก์ชันบนพวงมาลัย
โดยภายใต้รูปลักษณ์แนวทางหรูหราอันโดดเด่นนี้ คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว พิกัด 1.5 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน i-VTEC สำหรับสร้างเรี่ยวแรงในระดับ 117 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 146 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dream พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ที่หลังพวงมาลัย เพื่อตอบสนองความเร้าใจในการขับขี่ได้ถึง 7 สปีด
ในขณะที่สิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการในการทดสอบก็คือ เอกลักษณ์การขับขี่ที่เปี่ยมด้วยความสนุกสนาน ซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์ที่เรียบหรู โดยมีแรงหนุนส่งจากเครื่องยนต์ ให้อัตราการตอบสนองอย่างน่าประทับใจ ผสมผสานกับความเฉียบคมของระบบพวงมาลัย และระบบช่วงล่างประสิทธิภาพชั้นเยี่ยม ที่แสดงออกให้คณะกรรมการได้สัมผัสในสถานี ที่เน้นในเรื่องของการหักหลบสิ่งกีดขวาง ซึ่งต้องใช้การควบคุม และการทรงตัว เป็นตัวช่วยสำคัญ
ที่สำคัญ ภายใต้คุณสมบัติการขับขี่ที่สะดวกสบายนั้น ยังมีความสปอร์ตไว้ให้เร้าใจอีกด้วยเช่นกัน กับการเลือกปรับเปลี่ยนตำหน่งเกียร์โดยใช้ Paddle Shift หลังพวงมาลัยได้ราวกับเกียร์ธรรมดา ทำให้ HONDA CITY 1.5 SV+ มีความกระฉับกระเฉง และขับสนุกได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสถานีทดสอบ อันเป็นสิ่งที่สร้างความโดดเด่นในเรื่องของสมรรถนะได้ดี ไม่ว่าจะเน้นใช้งานแบบสบายๆ หรือต้องการความเร้าใจในการขับขี่ก็ตาม
ซึ่งนี่แหละคือจุดเด่นที่ทำให้คณะกรรมการที่ได้ลองขับต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “นี่คือรถยนต์นั่งที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง และคงไม่มีรุ่นไหนที่จะเหมาะสมกับรางวัล BEST SEDAN UNDER 1,500 c.c. ไปมากกว่านี้อีกแล้ว”[/vc_column_text][vc_separator][vc_single_image image=”57700″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST SEDAN UNDER 1,600 c.c.
HONDA CIVIC RS
ถ้าพูดถึงยนตรกรรมที่ได่รับความนิยมจากค่าย HONDA ชื่อโมเดล CIVIC คืออีกหนึ่งรุ่นที่ติดทำเนียบยนตรกรรมยอดนิยมสูงสุดตลอดกาลยาวนาน นับตั้งแต่เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี พ.ศ. 2527 ซึ่งผ่านวิวัฒนาการมาจนถึงเจเนอเรชันล่าสุดในรหัส FC ที่นำเสนอความล้ำสมัยในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะรุ่นท็อปอย่าง HONDA CIVIC RS
HONDA CIVIC RS เรียกได้ว่าเป็น “ขั้นสุด” ของอนุกรม ที่มากับความสปอร์ตเต็มขั้น แฝงด้วยความหรูหราอย่างอย่างตัว พร้อมรายละเอียดที่สร้างความโดดเด่นในทุกมุมมอง เช่น การออกแบบที่มีความเป็นรถ Coupe ซึ่งสร้างความสะดุดตาด้วยชุดไฟ DRL- Daytime Running Light แบบ LED ในด้านหน้า และไฟท้ายสปอร์ตทรง C-Shaped แบบ LED ในด้านหลัง
ในขณะที่ภายในยังคงยึดหลักการออกแบบที่เรียกว่า “Man Maximum, Machine Minimum” ซึ่งให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นหลัก ด้วยการติดตั้งฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมาให้แบบครบครัน และอยู่ในตำแหน่งที่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วแบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay ซึ่งควบคุมได้ทั้งจากบนหน้าจอ และระบบพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน
ทั้งยังมาพร้อมกับออปชันล้ำสมัยอื่นๆ ที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น กุญแจรถ Engine Remote Start ที่สามารถสั่งการสตาร์ตรถ และเปิดระบบปรับอากาศได้จากระยะไกล ตลอดจนระบบสตาร์ตเครื่องยนต์อัจฉริยะแบบ One Push Ignition System แต่ไฮไลต์ที่ทำให้ HONDA CIVIC RS ได้ครอบครองรางวัล BEST SEDAN UNDER 1,600 c.c. ในปีนี้ ไม่ใช่แค่เพียงงานดีไซน์หรือรูปลักษณ์
แต่ส่วนสำคัญคือสมรรถนะที่ได้รับการอัปเกรดจากวิวัฒนาการใหม่ล่าสุด ภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม บนพื้นฐานเครื่องยน์แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC VTEC ความจุ 1.5 ลิตร ที่มาพร้อมเคล็ดลับสำคัญ คือ “ระบบหัวฉีด ไดเร็กอินเจ็กชัน และท่อไอดีแบบตรง” ตามด้วย “ระบบการควบคุมการเปิด-ปิด วาล์วแบบคู่” (Dual VTC) และหัวใจหลักแห่งความแรงกับ “ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์”
ซึ่งทั้งหมดคือปัจจัยที่สร้างพละกำลังให้ใช้ถึง 173 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift หลังพวงมาลัย เสริมด้วยจุดเด่นในการควบคุมจากระบบพวงมาลัยแบบ DP-EPS หรือดูอัลพิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า ซึ่งเปี่ยมด้วยความชาญฉลาดในการแปรผันน้ำหนักตามความเร็ว ประกอบพื้นฐานช่วงล่างที่ลงตัวในการมอบทั้งความนุ่มหนึบและความสปอร์ต
และนั่นคือสิ่งที่คณะกรรมการทดสอบจะได้สัมผัสกันตั้งแต่ความเร้าใจจากอัตราเร่งที่สะใจในแบบ VTEC TURBO ตลอดจนความมันส์ในขณะที่ปรับเปลี่ยนเกียร์ด้วยแป้น Paddle Shift สไตล์เกียร์ธรรมดา รวมไปถึงความสปอร์ตที่สื่อสารผ่านการควบคุมพวงมาลัย และระบบช่วงล่าง ในการทดสอบบนสถานีที่ต้องหักหลบสิ่งกีดขวางอย่าง Slalom และ Lane Change ซึ่ง HONDA CIVIC RS นั้น สามารถทำผลงานออกมาได้อย่างดีเยี่ยม จนเสียงเล่าขานปากต่อปาก ทำให้คณะกรรมการชุดแล้วชุดเล่า ต่างก็ต้องมาลิ้มรสสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมกันแบบไม่ขาดสาย
และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ปีนี้ในงาน THAILAND CAR OF THE YEAR 2018 ยนตรกรรมที่ชื่อ HONDA CIVIC RS จึงปิดประตูชัยชนะด้วยคะแนนที่ได้รับจากคณะกรรมการ ซึ่งยินยอมมอบตำแหน่ง BEST SEDAN UNDER 1,600 c.c. ให้ไปครอบครอง[/vc_column_text][vc_separator][vc_single_image image=”57702″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST SEDAN UNDER 1,800 c.c.
HONDA CIVIC 1.8 EL
และไม่ใช่เพียงแค่ HONDA CIVIC RS เท่านั้น ที่มีความยอดเยี่ยม เพราะพี่น้องร่วมค่ายความแรงต่างสายพันธุ์อย่าง HONDA CIVIC 1.8 EL ขุมพลังไร้ระบบอัดอากาศ นับเป็นอีกหนึ่งความยอดเยี่ยมที่คณะกรรมการต้องเทคะแนนให้ไปอีกรางวัลเช่นกัน
สำหรับ HONDA CIVIC 1.8 EL นั้น ยังคงมากับรหัสตัวถังของ CIVIC เจเนอเรชันล่าสุดอย่าง FC ที่มีคอนเซปต์การดีไซน์ในแนวทางเดียวกัน เช่น แนวเส้นในสไตล์ Coupe พร้อมจุดเด่นอย่าง ชุดไฟ DRL- Daytime Running Light แบบ LED และชุดไฟท้ายทรงสปอร์ต C-Shaped แบบ LED บนพื้นฐานการนำเสนอความต่างในเรื่องของส่วนผสมที่จะเน้นความหรูหรามากกว่าความสปอร์ต ในขณะที่ห้องโดยสารภายในนั้น ยังมากับแนวทางเดียวกันจากแนวคิดหลัก “Man Maximum, Machine Minimum” ที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานฟังก์ชันอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
HONDA CIVIC 1.8 EL มากับความแรงที่แตกต่างจากเวอร์ชัน RS ในส่วนของระบบอัดอากาศที่ขาดหายไป แต่ยังคงพกพาความเร้าใจในสไตล์ดั้งเดิมกับขุมพลัง N/A ภายใต้พิกัด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว โดยมีพละกำลังสูงสุด 141 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 174 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้สอดรับกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ โดยมีระบบพวงมาลัย และระบบช่วงล่างพื้นฐานเดียวกัน คือ แบบ Dual Pinion พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า DP-EPS กับช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง
ส่วนสิ่งสร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการ ก็คือ สมรรถนะที่ไม่ได้ต่างไปจากเวอร์ชัน RS แต่เป็นคนละอารมณ์ ซึ่งจะเป็นอารมณ์การตอบสนองของเครื่องยนต์ที่หนักแน่น ต่อเนื่อง ที่มีปลายทางคือคุณสมบัติความเป็นยนตรกรรมขับสนุกเช่นเดียวกัน โดยความสนุกที่ว่านั้น เกิดจากระบบพวงมาลัย และระบบช่วงล่างที่มีพื้นฐานเดียวกัน ฉะนั้น จึงมั่นใจได้ในเรื่องของสมรรถนะการควบคุมที่เปี่ยมด้วยความสปอร์ต ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้คณะกรรมการต่างชื่นชอบ และมอบคะแนนให้กับ HONDA CIVIC 1.8 EL มากพอที่จะคว้ารางวัล BEST SEDAN UNDER 1,800 c.c. ไปด้วยเช่นกัน[/vc_column_text][vc_separator][vc_single_image image=”57704″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST MID-SIZE SEDAN UNDER 2,000 c.c.
HONDA ACCORD 2.0EL
HONDA ACCORD 2.0EL คว้ารางวัล BEST MID-SIZE SEDAN UNDER 2,000 c.c. อีกปีในงาน THAILAND CAR OF THE YEAR 2018 ไปอีกครั้ง ซึ่งการคว้ารางวัลในครั้งนี้ คือสิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนถึงคุณภาพ และการพัฒนาให้กับโมเดล ACCORD มากว่า 30 ปี ในประเทศไทย ในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมซีดานระดับพรีเมียม
โดย HONDA ACCORD 2.0EL ยังคงรักษามาตรฐานของงานดีไซน์ที่เน้นความหรูหรา งามสง่าในแบบที่ใครเห็นก็ต้องสะดุดตา ซึ่งแอบซ่อนความสปอร์ตไว้ในรายละเอียดทั้งภายนอก และภายใน ที่มากับการเลือกใช้โทนสีดำ Piano Black ผสมผสานด้วยวัสดุลายไม้อย่างลงตัว พร้อมด้วยความครบครันในอุปกรณ์อำนวยความสะดวกตามแบบฉบับยนตรกรรมระดับเรือธงของค่าย HONDA
และภายใต้ความหรูหราของ HONDA ACCORD 2.0EL ก็คือ ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุ 2.0 ลิตร SOHC i-VTEC ซึ่งพกพาพละกำลังมาให้ใช้ที่ 155 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ Grade Logic Control พร้อมระบบ Direct Control และระบบ Shift Hold Control เสริมด้วยคุณสมบัติแห่งความประหยัดด้วยฟังก์ชัน ECON Mode โดยมีระบบ ECO Coaching ทำหน้าที่แสดงผลขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน และสามารถรองรับเชื้อเพลิงได้ถึงระดับ E85
และนั่นคือสิ่งที่ HONDA ACCORD 2.0EL สร้างความยอดเยี่ยมจนชนะใจคณะกรรมการ ด้วยสมรรถนะการขับเคลื่อนที่เร้าใจตั้งแต่ในสถานีอัตราเร่ง รวมไปถึงความมั่นคง และมั่นใจของยนตรกรรมขนาดกลาง ด้วยระบบช่วงล่างที่เปี่ยมเสถียรภาพ แต่กลับมีความคล่องตัวอย่างคาดไม่ถึงจากระบบพวงมาลัย ที่พาเรือนร่างขนาดใหญ่เคลื่อนผ่านสิ่งกีดขวางในสถานีทดสอบ Lane Change และ Slalom ไปได้อย่างคล่องตัว ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของยนตรกรรมจากค่าย HONDA ที่ไม่ว่าใครขับก็ต้องประทับใจ เช่นเดียวกับคณะกรรมการทดสอบที่ลงคะแนนให้ HONDA ACCORD 2.0EL ขาดลอย ด้วยคะแนนเป็นเอกฉันท์[/vc_column_text][vc_separator][vc_single_image image=”57709″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST SUV UNDER 2,500 c.c. PETROL
HONDA CR-V 2.4 EL
เอกลักษณ์การขับสนุกของยนตรกรรมค่าย HONDA นั้น ไม่ได้มีเพียงแค่สำหรับรถเล็กเท่านั้น หากแต่รถอเนกประสงค์รุ่นใหญ่อย่าง CR-V ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับคะแนนท่วมท้นจากคณะกรรมการ จนได้รับรางวัล BEST SUV UNDER 2,500 c.c. PETROL ไปครองในปีนี้เช่นกัน
โดยสิ่งสำคัญที่ทำให้ HONDA CR-V 2.4 EL โดนใจคณะกรรมการจนต้องยอมเทคะแนนให้ก็คือ สมรรถนะที่โดดเด่นจากพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร i-VTEC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dreams พร้อมส่งมอบกำลังสูงสุดได้ถึง 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 224 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85 ทั้งยังเพิ่มระดับความมั่นใจในการขับขี่ด้วยความสูงของตัวถังในรูปแบบรถอเนกประสงค์ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ REAL TIME™ AWD
สำหรับในการทดสอบ HONDA CR-V 2.4 EL นั้น เรียกว่าผ่านทุกสถานีอย่างง่ายดาย ตั้งแต่ด่านแรกในเรื่องของอัตราเร่ง จากขุมพลังพิกัด 2.4 ลิตร ที่มีแรงบิดมากพอถึง 224 นิวตันเมตร และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ฉุดลากตัวถังออกตัวได้อย่างทันใจ ตามด้วยการเคลื่อนไหวที่ปราดเปรียวในสถานีที่ต้องหลบสิ่งกีดขวางทั้ง Slalom และ Lane Change
แม้จะเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีตัวถังขนาดใหญ่ แต่ด้วยเทคโนโลยีและเอกลักษณ์การขับขี่ที่โดดเด่น ก็ทำให้รถ SUV แสดงความปราดเปรียวออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยระบบพวงมาลัยพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยแบบไฟฟ้า EPS ที่ในความเร็วต่ำให้ความคล่องตัวแบบเกินความคาดหมาย ในขณะที่ความเร็วสูงก็ให้ความมั่นใจได้ดีทั้งจากน้ำหนักพวงมาลัยที่แปรผันอย่างสมดุล ตลอดจนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่กระจายแรงบิดอย่างเหมาะสมกับทุกย่านความเร็ว ช่วยสร้างเสถียรภาพในการขับเคลื่อนอย่างมั่นใจ แม้ต้องหักหลบสิ่งกีดขวางอย่างกะทันหัน ก็สามารถสอบผ่านทุกสถานีไปได้อย่างสบายๆ
และเป็นสมรรถนะของรถอเนกประสงค์ SUV ที่สร้างความน่าประทับใจให้กับคณะกรรมการจนเป็นที่ยอมรับ และมอบคะแนนให้กับรถอเนกประสงค์ SUV พี่ใหญ่อย่าง CR-V 2.4 EL จากค่าย HONDA ไปด้วยความเหมาะสมกับรางวัล BEST SUV UNDER 2,500 c.c. PETROL ในทุกๆ องค์ประกอบ
[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]