Car of The Year 2018 : ISUZU
[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”58479″ img_size=”full”][vc_column_text]THE MOST INNOVATION DIESEL ENGINE
ISUZU 1.9 Ddi BLUE POWER
และอีกหนึ่งรางวัลที่เหมาะสมกับ ISUZU 1.9 Ddi BLUE POWER อีกครั้งในปีนี้ ก็คือ THE MOST INNOVATION DIESEL ENGINE ที่ต้องเรียกว่า นี่คือความสุดยอดด้าน “เทคโนโลยีแห่งขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลใหม่!” ที่นำมาใช้กับรถปิกอัพเป็นครั้งแรกในโลก ซึ่งได้รับการคิดค้นพัฒนาเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ
โดยเทคโนโลยีล้ำๆ ที่อยู่ในร่างของ ISUZU 1.9 Ddi BLUE POWER นั้น เริ่มต้นขึ้นจากการลดน้ำหนักเครื่องยนต์ที่หดหายไปอีกราว 20% หรือ 60 กก. พร้อมด้วยรายละเอียดอื่นๆ เช่น การใช้ระบบกระเดื่องกดวาล์วใหม่แบบลูกกลิ้ง พร้อมระบบปรับตั้งระยะวาล์วอัตโนมัติ กระบอกลูกสูบที่มีการออกแบบให้เยื้องศูนย์ พร้อมด้วยเคลือบสารพิเศษ Graphite Coating ปิดท้ายด้วยการเปลี่ยนไปใช้ประกับก้านสูบใหม่ที่ช่วยลดการขยับตัว เพื่อให้เกิดการลดแรงเสียดทาน และลดการสูญเสียพลังงานจากการเผาไหม้ได้ดีที่สุด
ตามด้วยการใช้สายพานเครื่องใหม่ แบบเส้นเดียว ในการทำหน้าที่ขับเคลื่อนระบบระบายความร้อน ระบบปรับอากาศ ระบบไฟชาร์จ ที่มาพร้อมระบบปรับตั้งความตึงสายอัตโนมัติ ทั้งยังชาญฉลาดด้วยการติดตั้ง Oil Galleries ใหม่ บริเวณช่องกักเก็บน้ำมันเครื่อง บริเวณเสื้อสูบชุบแข็งแบบเหนี่ยวนำด้วยคลื่นความถี่สูง Roller Rocker Arm และ Timing Gear เพื่อให้ส่งน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น
โดยผสานกับระบบอื่นๆ เช่น ระบบชาร์จไฟแบตเตอรี่แบบตัดการทำงานอัตโนมัติ ระบบฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Multi-Injection พร้อมโปรแกรมการฉีดน้ำมันแบบใหม่ ทั้งยังรวมถึงห้องเผาไหม้ใหม่แบบโคลธอยด์-เคิร์ฟ (Clothoid Curve) การใช้ระบบอัดอากาศเทอร์โบแปรผัน (VGS Tubo) แบบ Zero Gap และท่อไอดีใหม่แบบ Free Flow ที่ช่วยให้อากาศไหลเข้าห้องเผาไหม้ได้ดีขึ้น โดยมีอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน ไปจนถึงท่อร่วมไอเสียที่ใช้วัสดุพิเศษ เพิ่มส่วนผสมของสารโมลิบดีนัม ซึ่งทนความร้อนได้สูงกว่าปกติ
นอกจากนี้ ยังช่วยลดค่าบำรุงรักษาให้น้อยลง ด้วยการใช้กรองน้ำมันเครื่องใหม่แบบเปลี่ยนเฉพาะไส้กระดาษ และปริมาณน้ำมันเครื่องที่เปลี่ยนถ่ายเพียง 5.6 ลิตร ซึ่งน้อยกว่ารถในระดับเดียวกัน ในขณะเดียวกันก็มีความทนทานเพื่อรองรับการใช้งานหนักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จากชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่ ที่ไม่ต้องบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งาน ระบบหล่อเย็นน้ำมันเครื่องที่เสื้อสูบ ออกแบบสำหรับงานหนักต่อเนื่อง ตลอดจนระบบโพรงน้ำระบายความร้อนแบบแยกเฉพาะกระบอกสูบ
ซึ่งด้วยเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าว ได้ทำให้ ISUZU 1.9 Ddi BLUE POWER มีประสิทธิภาพแรงม้าเพิ่มขึ้น 10% แรงบิดเพิ่มขึ้น 9% มีความประหยัดน้ำมันมากขึ้น 19% และปล่อยค่าคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำลงถึง 21% รวมถึงสามารถทำความเร็วได้มากกว่าเครื่องยนต์เดิมถึง 8%
[/vc_column_text][vc_separator][vc_single_image image=”58473″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST FUEL ECONOMY PICKUP UNDER 2,500 c.c.
ISUZU D-MAX 1.9 Ddi BLUE POWER
และด้วยการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ไม่หยุดยั้ง คือสิ่งที่ส่งผลให้ ISUZU D-MAX 1.9 Ddi BLUE POWER มากด้วยความสามารถรอบด้านที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงใจผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการประหยัดน้ำมันที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มรถประเภทเดียวกัน ด้วยตัวเลขความประหยัดน้ำมันที่สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 19%
โดยในเรื่องของการใช้งานนั้น ISUZU D-MAX 1.9 Ddi BLUE POWER สามารถการันตีตัวเลขอัตราการประหยัดน้ำมัน ซึ่งอ้างอิงจากข้อมูล ECO Sticker สามารถทำได้ถึง 5.2 ลิตรต่อ 100 กม. หรือเท่ากับ 19.23 กม./ลิตร ที่เรียกได้ว่า “ประหยัด” เกือบเทียบเท่ารถพิกัดเล็กอย่าง Eco Car แต่มีความสามารถที่มากกว่าหลายเท่า ด้วยคุณสมบัติของรถปิกอัพ ซึ่งรวมถึงความทนทานที่ไม่เป็นสองรองใคร
พิสูจน์ได้จากการจัดกิจกรรมทดสอบสุดหฤโหดที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน กับการวิ่งต่อเนื่อง ทั้งวัน! ทั้งคืน! โดยไม่ดับเครื่องยนต์ เป็นเวลากว่า 85 ชม. ท่ามกลางอุปสรรคต่างๆ ทั้งพายุฝน ลมแรง อากาศหนาวขั้นติดลบ ทางเขาลาดชัน ดินถล่ม และการจราจรอันคับคั่งของเมืองใหญ่ ผ่าน 3 ประเทศ จากกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย มุ่งหน้าสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และไปสิ้นสุดที่เมืองอุรุมชี เขตปกครองตนเองซินเจียง (Xingjiang) สาธารณรัฐประชาชนจีน
รวมระยะทาง 5,755 กม. โดยผู้ใช้รถอีซูซุตัวจริง 12 คน พร้อมผลสรุปจบที่น่าเหลือเชื่อ ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจากการขับขี่จริงที่สามารถสร้างการประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างน่าประทับใจ[/vc_column_text][vc_separator][vc_column_text]BEST PICKUP 2WD UNDER 2,500 c.c.
ISUZU D-MAX 1.9 Ddi BLUE POWER
เป็นอีกปีที่พลัง BLUE POWER จากค่าย ISUZU ยังคงยืนหยัดนำเสนอความยอดเยี่ยมจนชนะใจคณะกรรมการ และคว้าเครื่องการันตีจากงาน THAILAND CAR OF THE YEAR 2018 ไปครองได้หลากหลายรางวัล
ซึ่งนี่คือรางวัลแรก BEST PICKUP 2WD UNDER 2,500 c.c. จากผลงานความยอดเยี่ยมของ ISUZU D-MAX 1.9 Ddi BLUE POWER เช่น รูปลักษณ์ภายนอกที่ยังคงโดดเด่นสะดุดตา ภายใต้แนวคิดการออกแบบที่เรียกว่า “Strong Emotional Sporty” และการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ตลอดจนการเสริมรายละเอียดต่างๆ ที่นำเสนอความสปอร์ต และความแข็งแกร่งอย่างลงตัวในทุกมุมมอง
ในขณะที่ภายในห้องโดยสารนั้น มากับแนวคิด Universal Design ซึ่งมีผู้ขับขี่เป็นจุดศูนย์กลาง และสามาถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ในรถได้อย่างสะดวกสบาย เช่น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสำหรับควบคุมเครื่องเสียง พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Ccontrol หน้าจอ Color Display MID เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และระบบความบันเทิงจากแบรนด์ KENWOOD พร้อม Built-in Navigator และฟังก์ชัน Isuzu Connect World รองรับได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ผ่าน Application ซึ่งควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว
และสิ่งที่ ISUZU D-MAX 1.9 Ddi BLUE POWER ยังคงสร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการอีกครั้งในปีนี้ก็คือ เรื่องของสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมจากขุมพลังพิกัดเล็ก ซึ่งเป็นผลจากแนวคิด “The Power of Less” เพื่อสร้างเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ที่นำมาใช้กับรถปิกอัพเป็นครั้งแรกในโลก
ซึ่งด้วยพิกัดความจุเพียง 1,900 ซี.ซี. เล็กที่สุดในตลาดรถปิกอัพเมืองไทย แต่กลับมีสมรรถนะที่เหนือชั้น ด้วยแรงม้าที่เพิ่มขึ้น 10% และแรงบิดที่เพิ่มขึ้น 9% รวมถึงมีความประหยัดน้ำมันที่มากขึ้นถึง 19% และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำที่สุด ส่วนเรี่ยวแรงนั้นอยู่ที่ 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที ในขณะที่แรงบิดสูงสุดนั้นมีถึง 350 นิวตันเมตร ด้วยรอบต่ำตั้งแต่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที
นอกจากนี้ตำแหน่งของเครื่องยนต์ถูกจัดวางใหม่แบบ Semi-Midship ทำให้เกิดการบาลานซ์น้ำหนักที่ดีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตลอดจนในส่วนของตำแหน่งผู้ขับขี่ที่ออกแบบเพื่อสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ซึ่งช่วยทำให้การควบคุม ISUZU D-MAX 1.9 Ddi BLUE POWER ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความคล่องตัวในการขับขี่ได้มากขึ้น
มาถึงในส่วนของการทดสอบ ซึ่งหลักๆ คณะกรรมการจะได้สัมผัสในเรื่องของพละกำลังจากสถานีอัตราเร่ง โดยพละกำลังแรงบิดระดับ 350 นิวตันเมตรนั้น สามารถพาตัวถังขับเคลื่อนไปได้อย่างสบายๆ ทั้งยังมีความสามารถของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่ส่งถ่ายเรี่ยวแรงอย่างมีความต่อเนื่อง และนุ่มนวล ปรับเซตมาให้อย่างเหมาะสม ทำให้มีทั้งความประหยัดน้ำมัน และสมรรถนะ ที่ยังคงสร้างความประทับใจได้อีกครั้ง
ต่อเนื่องด้วยการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ที่ทำให้มีความสมดุลมากขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพการควบคุมนั้น กระชับ และคล่องตัว จนเป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่มีต่อคณะกรรมการ โดยเฉพาะในส่วนของการทดสอบที่เน้นการตอบสนองของระบบพวงมาลัย อย่างสถานี Slalom และ Lane Change ซึ่ง ISUZU D-MAX 1.9 Ddi BLUE POWER ยังสามารถสอบผ่านได้อย่างสบายๆ พร้อมกับตอกย้ำให้เห็นถึงมาตรฐานที่ชัดเจนในส่วนสมรรถนะ และมากพอที่จะสร้างความเชื่อใจให้กับคณะกรรมการว่า “ของเค้าดีจริง” [/vc_column_text][vc_separator][vc_column_text]BEST PICKUP 4WD UNDER 3,200 c.c.
ISUZU D-MAX V-Cross Max 4×4
และไม่ใช่ความยอดเยี่ยมจากขุมพลัง BLUE POWER เท่านั้น ที่ยังคงครองใจคณะกรรมการ เพราะสายลุยอย่าง ISUZU D-MAX V-Cross Max 4×4 ก็เป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมที่ถูกเลือกโดยคณะกรรมการให้ได้รับรางวัล BEST PICKUP 4WD UNDER 3,200 c.c. ในปีนี้อีกครั้งเช่นกัน
ด้วยเหตุผลที่คณะกรรมการยังคงประทับใจในองค์ประกอบที่ลงตัว ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ใช้พื้นฐานของรุ่น V-Cross มาอัปเกรดความสปอร์ตดุ เพื่อนำเสนอความทรงพลังในสมรรถนะ ผสมผสานอย่างลงตัวกับความหรูหรา และความสปอร์ตกับการตกแต่งห้องโดยสารภายใน ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันอำนวยความสะดวกสบายกันแบบครบๆ
แต่เหนืออื่นใด สิ่งที่ยังคงสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคณะกรรมการจนติดใจ และลงคะแนนให้กับ ISUZU D-MAX V-Cross Max 4×4 ไปอีกครั้งก็คือ จุดเด่นในเรื่องของสมรรถนะที่มีพื้นฐานมาจากเทคโนโลยี BLUE POWER เช่นกัน แต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานเครื่องยนต์พิกัด 3.0 ลิตร แบบดีเซล คอมมอนเรล ไดเร็กอินเจ็กชั่น พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผัน VGS และอินเตอร์คูลเลอร์
ซึ่งมีพละกำลังให้ใช้ถึง 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงแบบต่อเนื่อง (High Flat-torque) ถึง 380 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โดยมีจุดเด่นในเรื่องของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีความสามารถในการลุย และให้ความมั่นใจได้ดีในทุกสถานการณ์
โดยจะประกอบด้วยโหมดการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ (2H) หรือแบบ 4 ล้อ (4WD) ที่มีให้เลือกทั้งแบบความเร็วสูง (4H) และความเร็วต่ำ (4L) เพื่อการลุยในรูปแบบที่ต้องใช้แรงบิดสูง นอกจากนี้ในการขับขี่ด้วยโหมด 2 ล้อ (2WD) บนสถานการณ์ที่ขาดความมั่นใจ ก็สามารถปรับเปลี่ยนโหมดขับขี่จาก 2 ล้อหลัง (2H) มาเป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วสูง (4H) เพื่อยกระดับความมั่นใจในการขับขี่ได้อย่างรวดเร็วทันใจแบบไม่ต้องหยุดรถ และความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ด้วยการหมุนปุ่มควบคุม Terrain Command เท่านั้น
และด้วยพละกำลัง พร้อมกับขีดความสามารถในการขับเคลื่อนที่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครอบคลุม คือสิ่งที่ทำให้คณะกรรมการมักจะเลือกทดลองขับ ISUZU D-MAX V-Cross Max 4×4 ในสถานีทดสอบที่จัดเตรียมไว้บ่อยครั้ง เพื่อตอกย้ำ และสร้างความมั่นใจ ว่านี่คือยนตรกรรมที่เหมาะสมที่สุดกับรางวัลแบบไม่ต้องสงสัย[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column][vc_separator][vc_single_image image=”58475″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST PPV DIESEL 2WD UNDER 3,200 c.c.
ISUZU MU-X 3.0 Ddi BLUE POWER
และไม่ใช่แค่เพียงยนตรกรรมประเภทปิกอัพ ซึ่งโดดเด่นด้วยเทคโนโลนี BLUE POWER เท่านั้น ที่จะก้าวขึ้นมารับรางวัล ด้วยการยอมรับของคณะกรรมการ หากยังรวมถึง ISUZU MU-X 3.0 Ddi BLUE POWER ยอดยนตรกรรมอเนกประสงค์อีกหนึ่งรุ่น ที่ควงเทคโนโลยี BLUE POWER มาประกาศศักดา และคว้ารางวัล BEST PPV DIESEL 2WD UNDER 3,200 c.c. ไปครองเป็นที่เรียบร้อย
ISUZU MU-X 3.0 Ddi BLUE POWER มากับความทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล พร้อมระบบอัดอากาศ และอินเตอร์คูลเลอร์ โดยสามารถสร้างเรี่ยวแรงในระดับ 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงแบบต่อเนื่อง (High Flat-torque) ถึง 380 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ
ซึ่งในการทดสอบสถานีอัตราเร่งนั้น พละกำลังทั้งแรงม้าและแรงบิด สามารถถ่ายทอดผ่านระบบส่งกำลัง เพื่อขับเคลื่อนตัวรถได้อย่างเร้าใจ ตั้งแต่เริ่มกดคันเร่งออกตัวจากสถานีอัตราเร่ง พร้อมด้วยบุคลิกการเปลี่ยนเกียร์ที่มีความนุ่มนวล ต่อเนื่อง แม้จะเป็นรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ก็ตาม
ทั้งยังรวมไปถึงเซอร์ไพรส์ในสถานีทดสอบที่เน้นการควบคุมอย่างสลาลอม และการหักเลี้ยวหลบแบบกะทันหัน ซึ่งรถอเนกประสงค์ PPV ร่างใหญ่อย่าง MU-X ก็ทำได้อย่างเหนือความคาดหมาย จากระบบพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง พร้อมแรงกระตุ้นจากแรงบิดระดับ 380 นิวตันเมตร ที่สร้างความกระฉับกระเฉงในการขับขี่ให้สามารถควบคุมรถผ่านสิ่งกีดขวางในสถานีต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว
และที่สำคัญก็คือ การเซตอัพระบบช่วงล่างจากพื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น พร้อมเหล็กกันโคลง คอยล์สปริง ในขณะที่ด้านหลังนั้น มากับการออกแบบพิเศษด้วยระบบช่วงล่างแบบ 5-Link Suspension และโช้คอัพแก๊ส ที่แสดงออกได้อย่างชัดเจนถึงความนุ่มนวลในการขับขี่ ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงเสถียรภาพการทรงตัว และการยึดเกาะถนนที่มาในสไตล์สปอร์ต และให้ความมั่นใจได้อย่างดีในการขับขี่
และด้วยความสามารถเรื่องสมรรถนะที่โดดเด่น ได้กลายเป็นสิ่งที่ช่วยขับเน้นความโดดเด่นงานดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกที่ลงตัวด้วยความหรูหรา ผสานความสปอร์ตเล็กๆ ในรายละเอียด ให้ดูสะดุดตามากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเยื้องกายผ่านสถานีทดสอบต่างๆ ในสนาม จนกลายเป็นจุดสนใจให้คณะกรรมการต่างทยอยกันมาประจำการในตำแหน่งคนขับกันอย่างไม่ขาดสาย และพร้อมใจกันให้คะแนน ISUZU MU-X 3.0 Ddi BLUE POWER อย่างท่วมท้น จนคว้ารางวัลไปครองด้วยตัวเลขที่ขาดลอย[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]