Car of The Year 2018 : MG
[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”57854″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST SUV UNDER 1,600 c.c. PETROL
MG ZS 1.5
นับว่าเป็นอีกหนึ่งรถ SUV ที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน ทั้งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยเชื่อมต่อผู้ใช้กับรถให้เป็นหนึ่ง เพื่อตอบสนองทุกรูปแบบการใช้ชีวิตสมาร์ต ภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC สู่แรงบันดาลใจในทุกรายละเอียด จึงทำให้ NEW MG ZS มีความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ทั้งสมรรถนะ การควบคุม การออกแบบและความปลอดภัย จนทำให้คว้ารางวัล Car of The Year 2018 ในคลาส BEST SUV UNDER 1,600 c.c. PETROL ครองได้อย่างเหนือชั้น
จุดเด่นภายนอกที่ลงตัว
NEW MG ZS โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ซึ่งผสานเอกลักษณ์ของ MG เข้ากับความโมเดิร์นสู่อัตลักษณ์ใหม่ของการดีไซน์ที่ทันสมัย พร้อม LED DAYTIME RUNNING LIGHTS ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก LONDON EYE สถาปัตยกรรมระดับโลก ที่เป็นความภูมิใจของชาวอังกฤษ พร้อมด้วย Front Projector ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์ พร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ส่วนด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายแบบ LED และเพิ่มดีกรีความสปอร์ตไปอีกขั้น ด้วยล้ออัลลอย ดีไซน์ OCTAGON แบบ BICOLOUR ขนาด 17 นิ้ว พร้อมสัมผัสความเหนือกว่าที่แตกต่างในทุกรายละเอียด ด้วยดีไซน์ และฟังก์ชัน ที่ผสานการใช้งานได้อย่างลงตัว ปิดท้ายด้วย TRUNK OPENER ที่เปิดฝากระโปรงท้ายแตกต่างไม่ซ้ำใคร ด้วยการซ่อนอยู่ภายใต้สัญลักษณ์ MG
ภายในหรู เติมเต็มทุกฟังก์ชันการใช้งาน
ภายในดีไซน์หรู ด้วยห้องโดยสารสีทูโทนที่ออกแบบอย่างประณีต พิถีพิถัน ตามแบบฉบับยานยนต์สไตล์อังกฤษ ที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของความสปอร์ตในทุกอณู ไม่ว่าจะเป็น เบาะหนังและคอนโซลตกแต่งพิเศษ ด้วยวัสดุ SOFT TOUCH ภายในห้องโดยสารสีทูโทน พร้อมอุปกรณ์ในห้องโดยสารที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน ให้ความสะดวกสบายในทุกอิริยาบถจากเบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับได้ 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับได้ 4 ทิศทาง คอนโซลกลางที่ตกแต่งด้วยวัสดุลาย KEVLAR พร้อมช่องปรับอากาศแบบ JET TURBINE ที่ลงตัวไปกับทุกองค์ประกอบของดีไซน์ โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (PANORAMIC SUNROOF) ที่สามารถปรับเลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ถึง 8 ระดับ
ส่วนพื้นที่ด้านหลังยังมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างกว่า และสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการ โดยพนักพิงของเบาะแถวหลังปรับพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับสัมภาระขนาดใหญ่ และพื้นที่เก็บสัมภาระปรับได้ 2 ระดับ โดยปรับระดับเพิ่มขึ้นได้อีก 10 ซม. สำหรับสัมภาระที่มากขึ้น พร้อมช่องเก็บของตามจุดต่างๆ ภายในห้องโดยสาร
เทคโนโลยีล้ำสมัย เพิ่มความสะดวกสบายเหนือขีดจำกัด
นอกจากนี้ NEW MG ZS ยังเติมเต็มด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวกสบาย ด้วย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน และแผงหน้าปัดดีไซน์สปอร์ต ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ปุ่ม PUSH START แบบกด และจอ TOUCH SCREEN ขนาด 8 นิ้ว พร้อมเชื่อมต่อระบบ ENTERTAINMENT ที่ครบวงจร ซึ่งทำงานคู่กับระบบ i-SMART ON TOUCH SCREEN ระบบสั่งการผ่านจอทัชสกรีน ถ่ายทอดทุกคำสั่งอย่างง่ายดาย เพียงปลายนิ้วสัมผัส ที่คิดค้นขึ้นเพื่อให้ใช้ชีวิตได้สะดวกสบายเหนือกว่าในโลกยุคดิจิทัล ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะรถยนต์ MG ที่สามารถเรียนรู้ทุกการใช้งาน จากการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับรถหรือการทำงานของอุปกรณ์ และฟังก์ชันต่างๆ สามารถสั่งการได้ 3 ช่องทาง ผ่านระบบสั่งการด้วยเสียง จอทัชสกรีน และแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อให้ใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
THAI VOICE COMMAND (ระบบสั่งการด้วยเสียง)
ระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย เพียงพูดว่า “ฮัลโหล เอ็มจี” แล้วตามด้วยคำสั่งการทำงาน
– สั่งการทำงานของซันรูฟ
เลื่อนเปิด-ปิด หรือยกซันรูฟได้ตามต้องการ
– สั่งการทำงานของระบบปรับอากาศ
ปรับเปลี่ยนอุณหภูมิ ความแรงลม และโหมดการทำงานได้ตามความต้องการ
– สั่งโทรออก และรับสาย
สะดวกสบายในการโทรออก-รับสาย ด้วยการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนผ่านสัญญาณบลูทูธ
– สั่งการทำงานของเครื่องเสียง
ค้นหาสถานีวิทยุ หรือฟังเพลงโปรดจากอุปกรณ์ผ่านช่องเชื่อมต่อ USB
– สั่งการระบบนำทางรถยนต์
ค้นหาสถานที่ที่สนใจ เพื่อเข้าสู่ระบบนำทาง
สำหรับระบบ i-SMART นอกจากจะมีระบบสั่งการด้วยเสียงแล้ว ยังมีฟังก์ชันอื่นๆ ที่สำคัญทำงานควบคู่ไปด้วย อาทิ SMART CALL โทรออก-รับสาย จากจอทัชสกรีน ในกรณีฉุกเฉิน (โทรออกได้ 50 นาทีต่อเดือน) i-CALL สะดวก และปลอดภัยในการติดต่อ MG CALL CENTRE ด้วยปุ่มลัดบนพวงมาลัย และสอบถามข้อมูล และขอรับจุดสนใจ (Point Of Interest) SMART NAVIGATION ระบบนำทาง iGO แสดงผลสภาพการจราจรแบบ real time และสามารถแนะนำเส้นทางที่รวดเร็วกว่า FOOD & TRAVEL GUIDE ค้นหาร้านอาหารและที่พักได้ทุกเส้นทางบนแผนที่นำทาง
นอกจากนี้ยังเติมเต็มความสะดวกสบายในโลกยุคดิจิทัล ด้วยระบบ i-SMART MOBILE APPLICATION ระบบสั่งการผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ที่อัดแน่นด้วยคุณสมบัติพิเศษ ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อการสื่อสารกับรถได้จากทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็น ELECTRONIC FENCE กำหนดขอบเขตการใช้รถได้ตั้งแต่ 500 ม. ถึง 10 กม. โดยระบบจะแจ้งเตือน เมื่อรถเข้า-ออก ในขอบเขตที่กำหนดไว้ REMOTE VEHICLE CONTROL ล็อก หรือปลดล็อกประตู FIND MY CAR ให้คุณหารถได้อย่างง่ายดาย โดยกำหนดให้รถเปิดไฟหน้า ไฟท้าย หรือใช้เสียงแตร ผ่านการตั้งค่า พร้อมด้วยระบบตรวจสอบตำแหน่งของรถ พร้อมบอก เส้นทางไปยังรถยนต์ SECURITY ALARM ระบบแจ้งเตือนเมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบการทำงาน หรืออุปกรณ์ของรถ เช่น ระบบเบรก ระบบส่งกำลัง ถุงลมนิรภัย พวงมาลัย แบตเตอรี่ REMOTE VEHICLE DIAGNOSIS ระบบตรวจสอบความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทำงานของรถ เช่น เครื่องยนต์ลมยาง ระบบเบรก ถุงลมนิรภัยและการล็อกประตู REMOTE AC ON/OFF ระบบควบคุมการสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมการทำงานระบบปรับอากาศ และ TRAVEL PLAN ให้คุณไม่พลาดทุกการเดินทางกับแผนการเดินทาง ซึ่งส่งจาก i-SMART MOBILE APPLICATION ไปยังจอทัชสกรีน
ขุมพลัง 114 แรงม้า พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
ด้านขุมพลัง MG ZS ถูกติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ VTi-TECH รองรับเชื้อเพลิงได้ถึง E85 ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อม Manual Mode ทำงานควบคู่กับพวงมาลัยไฟฟ้า ซึ่งมีโหมดการปรับน้ำหนักถึง 3 โหมด COMFORT / NORMAL / SPORT และยังปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ ทำให้ควบคุมได้ดีในทุกย่านความเร็ว
สำหรับ MG ZS ได้ติดตั้งระบบช่วงล่างแบบ EUROPEAN TUNING SUSPENSION โดยด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเช่นกัน พร้อมถุงลมนิรภัย 6 จุด และระบบ SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ที่ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS จะทำงานร่วมกับระบบ EBD ที่ช่วยกระจายแรงเบรกให้เหมาะสม ซึ่งจะช่วยทำให้หลบสิ่งกีดขวางได้อย่างปลอดภัย พร้อมเสริมแรงเบรกด้วยระบบ EBA ที่ช่วยให้ระยะเบรกสั้นลง ให้ความมั่นใจในทุกเส้นทางที่ขับขี่ ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC ที่ทำงานควบคู่กับระบบควบคุมการทรงตัว SCS เมื่อต้องหลบสิ่งกีดขวางกะทันหัน และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS เพื่อไม่ให้รถลื่นไถลออกนอกเส้นทางขณะเร่งออกจากโค้ง แม้ถนนเปียก ระบบออกตัวได้อย่างมั่นใจกับระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS และระบบไฟจะเปิดไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีการเบรกกะทันหัน เพื่อเตือนรถคันหลัง ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ESS
Special Test
เข้าสู่ช่วงการทดสอบในสถานี Acceleration Test เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อม Manual Mode สามารถรีดประสิทธิภาพเครื่องยนต์ได้สูงสุด และเสริมความประหยัดเชื้อเพลิงให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น สามารถส่งกำลังได้ต่อเนื่องรวดเร็วยิ่งขึ้น เพียงแค่กดคันเร่งออกตัว ก็สั่งรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าทันที ถึงแม้ว่าจะมีมิติตัวถังขนาดใหญ่ก็ไม่สามารถทำให้ด้อยประสิทธิภาพออกตัวลงแม้แต่น้อย
ถัดมาสถานี Lane Change คณะกรรมการผู้ทดสอบจะต้องควบคุมด้วยการบังคับรถเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน เพื่อสัมผัสระบบความปลอดภัยและการทำงานของระบบช่วงล่าง รวมถึงการสั่งงานของพวงมาลัยว่ามีความแม่นยำขนาดไหน ในช่วงการทดสอบพวงมาลัยไฟฟ้า ซึ่งมีโหมดการปรับน้ำหนักถึง 3 โหมด COMFORT / NORMAL / SPORT และยังปรับน้ำหนักตามความเร็ว สามารถสั่งการได้อย่างเฉียบคม ควบคุมง่าย ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย
ปิดท้ายด้วยสถานี Suspension Test การทดสอบความนุ่มนวลระบบช่วงล่าง ในสถานีนี้ MG ZS ต้องพบบททดสอบการเข้าโค้งในทุกรูปแบบ ระบบช่วงล่างแบบ EUROPEAN TUNING SUSPENSION โดยด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ช่วยถ่ายเทน้ำหนักในการเข้าโค้งได้อย่างลงตัวแบบ “มั่นใจได้” ไม่มีอาการสะบัดหรือยวบให้สัมผัส นอกจากนี้ระบบเบรกยังให้แรงฉุดรั้งที่เหลือเฟือ สามารถตอบสนองได้ทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบบหนัก หรือต้องการประคองแบบนุ่มนวล สามารถสั่งการได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้ คือความสุดยอดแบบเหนือชั้นที่ทำให้เหล่าคณะกรรมการผู้ทดสอบได้ลงความเห็นให้ MG ZS 1.5 คว้ารางวัล BEST SUV UNDER 1,600 c.c. PETROL ในปีนี้มาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]