Car of The Year 2018 : MITSUBISHI
[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”57759″ img_size=”full”][vc_column_text]MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4V 4WD
BEST PPV DIESEL 4WD UNDER 2,500 c.c.
นับว่าเป็นอีกหนึ่งรถ PPV ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด เพราะนอกจากการใช้งานที่หลากหลายและความสะดวกสบายจากห้องโดยสารขนาดใหญ่ แถมยังพ่วงเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย จนทำให้ MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4V 4WD กลายเป็นรถ PPV ที่คนพูดถึงมากที่สุดตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งความพิเศษที่มัดใจใครหลายๆ คนจะมีอะไรบ้าง เรามาดูกัน
เทคโนโลยีล้ำสมัย ใช้งานง่าย
MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4V 4WD มีความโดดเด่นด้านฟีเจอร์ที่ทันสมัย ประกอบด้วย ระบบ FCM- Forward Collision Mitigation System เตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ทำงานโดยใช้เรดาร์ประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนเพื่อให้เบรกรถ พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก และเมื่อความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม. ระบบช่วยเบรกจะทำงานอัตโนมัติ เมื่อพบว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน เพื่อบรรเทาความเสียหายจากการชน
ระบบ Multi-around Monitor กล้องมองภาพรอบคัน พร้อมเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ ประมวลผลและแสดงภาพแบบ Bird’s Eye View ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นภาพได้รอบตัวรถ เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการจอดรถ
ระบบ UMS- Ultrasonic Misacceleration Mitigation System ตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตร้าโซนิกตรวจจับวัตถุด้านหน้าหรือด้านหลัง ในระยะไม่เกิน 4 เมตร ในขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง D หรือ R หากมีการเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบจะทำการตัดกำลังเครื่องยนต์ไว้ประมาณ 5 วินาที ทั้งนี้ ระบบจะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดจากการชน
ระบบ BSW- Blind Spot Warning สัญญาณเตือนจุดอับสายตา ทำงานโดยการใช้คลื่นอัลตร้าโซนิกซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณมุมกันชนทั้ง 4 ด้าน โดยระบบจะส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้าง ให้ผู้ขับทราบว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตา ซึ่งไม่สามารถมองเห็นจากกระจกมองข้าง ในขณะเดียวกัน เมื่อเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือนพร้อมสัญญาณเตือนไฟกะพริบบนกระจกมองข้าง ทั้งนี้ ระบบจะทำงานที่ความเร็ว 20-140 กม./ชม. ในระยะไม่เกิน 3 เมตร เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการเปลี่ยนช่องจราจร
ระบบ HAS- Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบ HDC- Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ช่วยรักษาระดับความเร็วของรถ ด้วยการควบคุมการเบรกให้สอดคล้องกับสภาพการขับ เมื่อต้องขับขี่ผ่านเส้นทางแบบออฟโรด และลงทางลาดชัน หรือทางลาดลื่น โดยระบบจะทำงานเมื่ออยู่ในช่วงความเร็ว 2-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การออกแบบหรู ตอบสนองทุกการใช้งาน
MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4V 4WD ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ภายใต้แนวคิด “Designed for Perfection: ที่สุดของความสมบูรณ์แบบ” ซึ่งรูปทรงภายนอกโดยรวมลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานลงได้กว่า 13% ด้านหน้า Dynamic Shield เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ ไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์ Bi-LED พร้อมระบบปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟวิ่งกลางวันแบบ Spectrum LED Daytime Running Light ไฟท้ายแบบ Spectrum LED และล้ออัลลอยลายขนาด 18 นิ้ว
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังแบบ 4 ก้าน ปรับตำแหน่งได้ 4 ทิศทาง พร้อมสวิตช์ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ บนพวงมาลัย มาตรวัดต่างๆ เน้นความชัดเจน มาพร้อมจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ Multi-information display แสดงผลข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทางในการขับที่เหลือจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง รวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในสภาพพื้นผิวถนนที่แตกต่างกัน เมื่อเลือกโหมดการขับแบบออฟโรด
เบาะนั่งได้รับการออกแบบใหม่ (ergo seat design) รองรับสรีระยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเบาะคู่หน้าที่มาพร้อมแผ่นรองรับบริเวณไหล่ นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนเบาะเพื่อตอบสนองความต้องการการใช้งานที่หลากหลาย เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า เบาะแถว 2 สามารถแยกพับแบบ 60:40 พนักพิงสามารถปรับเอนและพับไปข้างหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใช้งาน ส่วนเบาะแถว 3 แยกพับให้ราบไปกับพื้นห้องโดยสาร เพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ภายในยังมาพร้อมชุดเครื่องเสียง 2 DIN วิทยุ/CD/DVD และ MP3 ทำงานร่วมกับหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อ Bluetooth แบบ A2DP และระบบนำทาง Navigator System นอกจากนั้นยังมีจอภาพ Wide Screen ขนาด 9 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมเครื่องเล่น DVD และรีโมตคอนโทรล รวมทั้งหูฟังอินฟราเรดไร้สาย เติมเต็มความสะดวกสบายในการเดินทางด้วย Rear Climate Control แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ให้ความเย็นสบายทั่วห้องโดยสารตลอดการเดินทาง
ขุมพลังประหยัด ขับเคลื่อนได้ในทุกสภาพถนน
MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4V 4WD ใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ รหัส 4N15 แบบ 4 สูบ Aluminum Alloy Block น้ำหนักเบา ความจุ 2.4 ลิตร MIVEC Clean Diesel จ่ายเชื้อเพลิงด้วยอัตราส่วนกำลังอัดต่ำ 15.5:1 ประหยัดเชื้อเพลิงขึ้น 17% ระบบ MIVEC หรือ Mitsubishi Innovative Valve Timing Electronic Control System จะควบคุมการปิด-เปิด วาล์วไอดีแบบแปรผัน ทำงานสอดคล้องกับความเร็วของเครื่องยนต์ ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ อัตราเร่งดี เผาไหม้หมดจด และเทอร์โบชาร์จแบบแปรผัน VG Turbo จะช่วยให้เครื่องยนต์มีกำลังสูง ทั้งในรอบต่ำ รอบกลาง และรอบสูง ทันใจในทุกรอบความเร็ว นอกจากนี้ระบบหัวฉีดน้ำมันที่ให้แรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด 200 MPa (เมกะปาสคาล) ยังผลให้ผลิตกำลังสูงสุดได้ถึง 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 43.8 กก.-ม. ที่ 2,500 รอบ/นาที
ระบบส่งกำลังเป็นแบบอัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมสปอร์ตโหมด ผู้ขับสามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ตามความต้องการ จากทั้งคันเกียร์ หรือ Paddle Shift ในรุ่น GT และ GT-Premium นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยควบคุม และตัดกำลังไปยังเพลาขับโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรก (Idle neutral control) เพื่อลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ และลดการสูญเสียเชื้อเพลิงในขณะรถหยุดนิ่ง เมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่ง D ท่ามกลางสภาพการจราจรที่แออัด ยังผลให้ประหยัดการใช้เชื้อเพลิง และลดการสึกหรอของระบบเกียร์ ยืดอายุการใช้งานของเกียร์ ส่วนระบบ G-SENSOR จะช่วยควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้มีความแม่นยำมากขึ้นในทางลาดชัน
ในโหมดขับเคลื่อนแบบออฟโรด สามารถเลือกรูปแบบเพื่อให้รองรับสภาพเส้นทางออฟโรดได้ 4 ลักษณะ โดยนับเป็นครั้งแรกในรถยนต์มิตซูบิชิ มีการทำงานสัมพันธ์กันตลอดเวลาระหว่างเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อนและเบรกช่วยให้ตัวรถขับเคลื่อนผ่านสภาพเส้นทางต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ได้แก่ Gravel เหมาะสำหรับถนนลูกรังที่มีกรวดและดิน, Mud/Snow เหมาะสำหรับบริเวณที่เป็นโคลนหรือหิมะหนา, Sand เหมาะสำหรับบริเวณที่เป็นทรายละเอียด, Rock เหมาะสำหรับถนนที่พื้นผิวขรุขระ เช่น มีหินมาก หรือล้อลอยจากพื้น
นอกจากนี้ยังเติมเต็มความปลอดภัยเต็มรูปแบบ ด้วยระบบเบรกแบบคาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ พร้อมดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อนที่ล้อหน้าและดิสก์เบรกแบบดรัมอินดิสก์ที่ล้อหลัง ระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA รวมไปถึงระบบ Brake Override System ลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก ระบบ ESS- Emergency Stop Signal System ไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน หรือเมื่อระบบ ABS ทำงาน โดยไฟฉุกเฉินจะกะพริบต่อเนื่อง จนกว่าจะปล่อยเบรกหรือรถหยุดสนิทเพื่อแจ้งให้รถคันหลังทราบ
…และนี่คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4V 4WD ได้รับการคัดเลือกให้เป็น BEST PPV DIESEL 4WD UNDER 2,500 c.c. ประจำปี 2018 จากคณะผู้ทรงคุณวุฒิในการทดสอบครั้งนี้[/vc_column_text][vc_separator][vc_single_image image=”57765″ img_size=”full”][vc_column_text]MITSUBISHI MIRAGE
BEST FUEL ECONOMY ECO CAR
นับเป็นอีกหนึ่งรถยนต์ Eco Car ที่มีความคุ้มค่าและลงตัวไม่น้อยสำหรับ MITSUBISHI MIRAGE ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ต พร้อมระบบเสริมความปลอดภัยอัจฉริยะที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถ Eco Car และที่สำคัญ ยังประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งเรียกได้ว่าครบเครื่องและตอบสนองได้ทุกความต้องการ ทำให้รถ Eco Car คันนี้ได้รับผลโหวตมากที่สุดจากคณะกรรมการ จนได้รับรางวัล BEST FUEL ECONOMY ECO CAR มาครองได้สำเร็จ
เทคโนโลยีล้ำสมัย เสริมความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
สำหรับ MITSUBISHI MIRAGE เวอร์ชัน 2018 มาพร้อมระบบความปลอดภัยแบบอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็วในช่วงความเร็วต่ำ FCM-LS (Forward Collision Mitigation System-Low Speed Range) โดยระบบจะประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่าเคลื่อนที่เข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป หรือมีความเสี่ยงที่จะชน ระบบจะแสดงสัญลักษณ์พร้อมเสียงเตือน และช่วยชะลอความเร็วในช่วงความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็วด้านหน้า RMS-FORWARD (Rader Sensing Misacceleration Mitigation System-Forward) ระบบตรวจจับวัตถุด้านหน้าระยะห่างไม่เกิน 4 เมตร หากมีการเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบจะแสดงสัญลักษณ์พร้อมเสียงเตือน และตัดกำลังเครื่องยนต์อัตโนมัติชั่วขณะ เพื่อให้ผู้ขับสามารถเหยียบเบรกได้ทัน ช่วยลดอุบัติเหตุจากการชน มีผลที่ความเร็วไม่เกิน 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ MITSUBISHI MIRAGE ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ที่ครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติ Welcome Light System เมื่อปลดล็อกรถ ไฟนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ ระบบ ESS ไฟกะพริบฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal System) สัญญาณไฟกะพริบทำงานต่อเนื่องจนกว่าจะปล่อยเบรก หรือรถยนต์หยุดสนิท เพื่อเป็นการแจ้งเตือนรถยนต์คันหลัง พร้อมด้วยระบบเบรก ABS, EBD และ BA, ระบบควบคุมการทรงตัวและลื่นไถล ASC- Active Stability Control, ระบบ HSA ช่วยออกตัวบนถนนลาดชัน
ขุมพลังแบบประหยัด ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์ MITSUBISHI MIRAGE มาพร้อมกับขุมพลังความประหยัดในรูปแบบเครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบวาล์วแปรผันด้านไอดี MIVEC (MITSUBISHI INNOVATIVE VALUE TIMING ELECTRONIC CONTROL SYSTEM) ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ ทำให้เครื่องยนต์อัตราเร่งดีเยี่ยม ให้การเผาไหม้หมดจด ลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 98 กรัมต่อกิโลเมตร
โดยพละกำลังเครื่องยนต์ทั้งหมด ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ CVT 6 จังหวะ (CONTINUOUSLY VARIABLE TRANSMISSION) WITH INC (IDLE NEUTRAL CONTROL) & G-SENSOR ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้ทุกการเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และนุ่มนวล ทำงานควบคู่กับระบบ INC ที่ช่วยควบคุมและตัดระบบส่งกำลังไปยังเพลาขับอัตโนมัติในขณะรถหยุดนิ่งและ เหยียบเบรกในตำแหน่งเกียร์ “D” ลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันในทุกการขับขี่ และลดการสึกหรอของระบบเกียร์ ช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ให้ยาวนานขึ้น พร้อมด้วยระบบ G-SENSOR ช่วยควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ใหม่ ความแม่นยำมากขึ้นในทางลาดชัน โดยมีระบบ INVECS-III (INTELLIGENT AND INNOVATIVE VEHICLE ELECTRONIC CONTROL SYSTEM III ) ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS-III ซึ่งช่วยวิเคราะห์และจดจำลักษณะการขับขี่ เพื่อนำไปประมวลผลการเปลี่ยนเกียร์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล
จากความโดดเด่นที่เหนือชั้น ทำให้ MITSUBISHI MIRAGE ได้รับการโหวตจากคณะกรรมการว่ามีความเหนือชั้นกว่าคู่แข่งในคลาสเดียวกัน จนทำให้สามารถคว้ารางวัล BEST FUEL ECONOMY ECO CAR มาครองได้สำเร็จ[/vc_column_text][vc_separator][vc_single_image image=”57767″ img_size=”full”][vc_column_text]MITSUBISHI ATTRAGE
BEST ECO SEDAN
หนึ่งในรถที่ตอบโจทย์การใช้งานที่ลงตัวมากที่สุด ทั้งด้านความประหยัด การออกแบบและเทคโนโลยีที่ตอบได้ทุกความต้องการ ซึ่งในชั่วโมงนี้คงหนีไม่พ้นรถ ECO CAR ซีดานอย่าง MITSUBISHI ATTRAGE ด้วยความครบเครื่องที่ตอบสนองได้ทุกความต้องการ ทำให้รถ ECO CAR คันนี้ได้รับผลโหวตมากที่สุดจากคณะกรรมการ จนได้รับรางวัล BEST ECO SEDAN มาครองได้สำเร็จ
โฉบเฉี่ยวทุกสายตา ลงตัวทุกการใช้งาน
ความลงตัวของ MITSUBISHI ATTRAGE เริ่มต้นตั้งแต่ดีไซน์ที่โดดเด่นในสไตล์ ECO CAR ซีดาน ผสานความสะดวกสบายของห้องโดยสารที่กว้างขวาง ฟังก์ชันตอบรับทุกความต้องการและให้ความประหยัดทุกเส้นทาง สามารถทำตัวเลขได้สูงสุด 22 กม./ลิตร ซึ่งขุมพลังความประหยัดขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC (Mitsubishi Innovation Value timing Electronic Control system) 12 Valve รองรับทั้งเบนซิน 91 และ 95 แก๊สโซฮอล์ 91, 95 และ E20 โดยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียอยู่ที่ 99 กรัมต่อกิโลเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT 6 จังหวะ ควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ทำให้การปรับเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวล แม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อน ช่วยรักษารอบเครื่องไว้อย่างต่อเนื่อง ตอบสนองทุกอัตราเร่งและประหยัดน้ำมัน พร้อม Sportronic และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS-III (Intelligent & Innovative Vehicle Electronic System III) นุ่มนวล แม่นยำ วิเคราะห์ลักษณะนิสัยการขับขี่ของผู้ขับแต่ละคน เพื่อนำไปประมวลผลในการเปลี่ยนเกียร์
ตัวถังขนาดเล็ก พร้อมส่วนรับแรงกระแทกจากเหล็กที่แข็งแรงเป็นพิเศษ High Tensile Steel และเทคโนโลยีการออกแบบเพื่อลดน้ำหนักรถโดยรวม ทำให้ MITSUBISHI ATTRAGE มีน้ำหนักเบากว่ารถในระดับเดียวกัน อีกทั้งยังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.29 ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน สำหรับมิติตัวถัง มีความยาว 4,245 มม. ความกว้าง 1,670 มม. และความสูง 1,515 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม. รัศมีวงเลี้ยวที่แคบสุดเพียง 4.8 เมตร คล่องตัวในการขับขี่ ง่ายต่อการเลี้ยว กลับรถ หรือถอยจอดในพื้นที่จำกัด และด้วยตัวรถที่มีน้ำหนักเบา จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถยังมีความจุมากถึง 450 ลิตร ทำให้สะดวกต่อการเก็บของหรือใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ในเมืองได้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยีล้ำสมัย เติมเต็มความปลอดภัยทุกรูปแบบ
MITSUBISHI ATTRAGE มากับกุญแจรีโมต พร้อมระบบควบคุมการพับและกางกระจกมองข้างอัตโนมัติ ป้องกันความเสียหายจากการจอดรถในที่แคบ ไฟหน้าปิดได้เองโดยอัตโนมัติ โดยระบบจะตัดการทำงานของไฟหน้ารถ และไฟตัดหมอกโดยอัตโนมัติ หลังจากดับเครื่องยนต์แล้วเปิดประตู ช่วยให้ไฟในแบตเตอรี่ไม่หมด ระบบสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเลน เพียงขยับก้านไฟเลี้ยวเพียงเล็กน้อย สัญญาณไฟเลี้ยวและสัญญาณไฟเตือนในหน้าปัดกะพริบ 3 ครั้ง หรือ ใบปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัติ ในกรณีที่ฝนตก หากผู้ขับเปิดที่ปัดน้ำฝนในตำแหน่งปัดเป็นจังหวะ เมื่อรถถึงความเร็วที่กำหนด ที่ปัดน้ำฝนจะเปลี่ยนเป็นจังหวะที่ 1 โดยอัตโนมัติ และจะกลับมาที่ตำแหน่งปัดเป็นจังหวะเหมือนเดิม เมื่อความเร็วลดลง หรือหยุดรถ และกระจกไฟฟ้าพร้อมระบบปรับขึ้น-ลง อัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน
พ่วงด้วยระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ อาทิ ระบบเบรก ABS (Antilock Braking System) ช่วยป้องกันล้อล็อก พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD (Electronic Brake-force Distribution) จะทำงานประสานกับระบบเบรก ABS เพื่อการกระจายแรงเบรกอย่างเหมาะสมทั้ง 4 ล้อ ช่วยให้การหยุดรถสั้นลง ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า และเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ ELR 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติแบบคู่ด้านคนขับ ซึ่งช่วยลดแรงกระแทกจากการชนจากด้านหน้า รวมทั้งลดอาการบาดเจ็บที่หน้าอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้ คือความคุ้มค่าแบบเหนือชั้นที่ทำให้เหล่าคณะกรรมการผู้ทดสอบได้ลงความเห็นให้ MITSUBISHI ATTRAGE คว้ารางวัล BEST ECO SEDAN ในปีนี้มาครอง[/vc_column_text][vc_separator][vc_single_image image=”57768″ img_size=”full”][vc_column_text]MITSUBISHI TRITON
BEST RIDING QUALITY PICKUP
หนึ่งในรถปิกอัพสายพันธุ์แกร่งที่โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตาและสมรรถนะที่เพียบพร้อม ทำให้สร้างความแตกต่างเหนือระดับกว่าปิกอัพทั่วไป ซึ่งเป็นเหตุผลให้ MITSUBISHI TRITON สามารถคว้ารางวัล BEST RIDING QUALITY PICKUP มาครองได้สำเร็จ ซึ่งความยอดเยี่ยมจะมีอะไรบ้าง สามารถติดตามได้ใน CAR OF THE YEAR 2018
ขุมพลังแรงและประหยัด
MITSUBISHI TRITON ได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานหนัก สมบุกสมบัน โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ MIVEC Clean Diesel เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2.4 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมโหมด Sport Mode ซึ่งให้แรงม้าสูงถึง 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรถปิกอัพกับนวัตกรรมเครื่องยนต์ดีเซลที่มาพร้อมเสื้อสูบและฝาสูบอะลูมินัมอัลลอย ช่วยลดน้ำหนักของเครื่องยนต์ พร้อมระบบควบคุมการเปิดวาล์วไอดีแบบแปรผัน พร้อมด้วยกล่องควบคุม ECU อัจฉริยะ 32 บิต ประมวลผลการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงได้อย่างแม่นยำ เผาไหม้หมดจด เครื่องยนต์เดินเรียบ ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น และทำให้การทำงานของเครื่องยนต์มีกำลังสูง ทั้งในรอบต่ำ รอบปานกลาง และรอบสูงอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองการขับขี่ได้ทันใจ ทุกรอบความเร็ว
ในส่วนของระบบขับเคลื่อน MITSUBISHI TRITON มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ SS4-II (Super Select 4WD II All Wheel Control) ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) แบบ Full-time All Wheel Control โดยไม่ต้องจอดรถ เพิ่มสมรรถนะการทรงตัวได้ดีขึ้น ในการขับขี่บนถนนทางเรียบลื่น และสามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า เป็น 4HLc หรือ 4LLc ในการขับขี่บนเส้นทางแบบออฟโรด พร้อมระบบเฟืองท้ายแบบ Diff-Lock ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่มีใน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่
นอกจากนี้ยังพ่วงระบบความปลอดภัยมาเต็มรูปแบบอีกด้วย อาทิ ระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อก4 แชนเนล 4 เซ็นเซอร์ จะทำงานทันทีเมื่อเบรกกะทันหัน หรือเบรกบนถนนลื่น ควบคุมทิศทางเมื่อหักหลบ โดยไม่เสียการทรงตัว ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรก EBD ทำงานประสานกับระบบเบรก ABS ทันที เพื่อให้เกิดการกระจายแรงเบรก อย่างเหมาะสมทั้ง 4 ล้อ ช่วยลดระยะเบรกให้สั้นลง ระบบ HSA ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ช่วยป้องกันรถไหลเมื่อต้องออกตัวบนทางลาดชัน ระบบ ASC ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ในสภาวะที่รถเสียสมดุล เพื่อป้องกันการลื่นไถลออกนอกเส้นทาง เช่น กรณีหลุดโค้งเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หรือเมื่อหักหลบกะทันหัน ระบบ ATC ป้องกันล้อหมุนฟรี และป้องกันการลื่นไถล ช่วยควบคุมการหมุนของล้อทั้ง 4 อย่างสมดุล ในสภาวะถนนลื่น ขรุขระ หรือทางชัน เพื่อไม่ให้รถสูญเสียการยึดเกาะถนน ออกตัวได้อย่างปลอดภัยบนทุกสภาพพื้นผิว ระบบเสริมแรงเบรก BA ทันทีที่เหยียบเบรกกะทันหัน ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้การหยุดรถเป็นไปอย่างรวดเร็ว
การออกแบบโฉบเฉี่ยว คล่องตัวต่อการใช้งาน
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของรถปิกอัพ MITSUBISHI TRITON แสดงให้เห็นถึงความมีเอกลักษณ์และดีไซน์เฉพาะตัวของรถยนต์มิตซูบิชิ โดยเฉพาะด้านหน้าที่มาพร้อมกระจังหน้าโครเมียมรมดำสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์ Bi-XENON HID สไตล์โฉบเฉี่ยว เร้าใจ อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายในการขึ้น-ลง มากขึ้นด้วยบันไดข้างใหม่ที่ตอบรับกับทุกการใช้งาน
ห้องโดยสารภายในตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black และสีเงิน ติดตั้งมาตรวัดใหม่สไตล์สปอร์ต สามารถปรับแสงสว่างหน้าปัดได้ 8 ระดับ พร้อมจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์ (Multi-information display) แสดงความเร็วเฉลี่ยในการขับขี่ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทางขับขี่ที่เหลือจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง และระบบเตือนการบำรุงรักษา รวมไปถึงการเตือนต่างๆ เมื่อมีความผิดปกติของระบบต่างๆ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 4 ก้านหุ้มหนัง ที่สามารถแบบปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift ระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ขณะที่เบาะนั่งด้านหลังมาพร้อมพนักพิงศีรษะ 3 ตำแหน่ง (Rear Seat Headrest X3)
หลังจากที่เหล่าคณะกรรมการได้สัมผัสกับสมรรถนะ MITSUBISHI TRITON ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า นี่คือรถที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม ภายในกว้างขว้าง นั่งสบาย รวมถึงระบบความปลอดภัยที่เชื่อมั่นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]