Car of The Year 2018 : NISSAN
[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”57970″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST HYBRID SUV UNDER 2,000 c.c.
NISSAN X-TRAIL HYBRID 2.0V
นับเป็นหนึ่งในรถ SUV ที่เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัย และเทคโนโลยียุคประหยัด กับสุดยอดยนตรกรรมพลังงานทดแทนอย่าง Hybrid ที่อัดแน่นอยู่ใน NISSAN X-TRAIL HYBRID 2.0V ทำให้รถรุ่นนี้คือนวัตกรรมยานยนต์แห่งโลกอนาคตที่มีเอกลักษณ์ และความประหยัดคุ้มค่า จนทำให้เหล่าคณะกรรมการต่างลงคะแนนอย่างท่วมท้นว่า นี่คือ BEST HYBRID SUV UNDER 2,000 c.c. ใน Thailand Car of The Year 2018
ขุมพลังแรง…เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
NISSAN X-TRAIL HYBRID 2.0V ใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร MR20DD แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Twin C-VCT จ่ายเชื้อเพลิงตรง ไดเร็กอินเจกชัน กำลังสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.3 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 41 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 16.3 กก.-ม. ทำให้ทั้งระบบผลิตกำลังรวมได้ 179 แรงม้า กำลังและอัตราเร่งดีกว่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เครื่องยนต์ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ ปั๊มน้ำและคอมเพรสเซอร์ไม่ใช้สายพาน ช่วยลดแรงเสียดทาน ขณะที่วาล์วไอเสียหล่อโซเดียม เพิ่มการระบายความร้อนของห้องเครื่องได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีคลัตช์คู่อัจฉริยะ (Intelligence Dual Clutch System) รวมถึงเกียร์ Xtronic CVT พร้อม Manual Mode 7 สปีด ช่วยให้ X-TRAIL HYBRID เป็นรถที่มีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีที่สุดในคลาส โดยประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 20%
เทคโนโลยีคลัตช์คู่อัจฉริยะแห่งอนาคต Intelligence Dual Clutch System
ในด้านเทคโนโลยีคลัตช์คู่อัจฉริยะ (Intelligence Dual Clutch System) ประกอบด้วยคลัตช์จำนวน 2 ตัว คลัตช์ตัวที่ 1 ติดตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ และคลัตช์ตัวที่ 2 อยู่ระหว่างมอเตอร์ และเชื่อมต่อกับเกียร์แบบ Xtronic CVT โดยมีรูปแบบการทำงาน คือ เมื่อรถยนต์ต้องการกำลังจากทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ เช่น ช่วงการเร่งแซง หรือทำความเร็ว คลัตช์ทั้ง 2 ตัวจะทำงานพร้อมกัน ทำให้เกียร์ CVT ได้รับกำลังจากทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้การขับขี่ในช่วงที่ใช้กำลังจากเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว จะมีการชาร์จไฟกลับเข้าไปยังแบตเตอรี่ของเครื่องยนต์ คลัตช์ตัวที่ 1 จะทำงานเพื่อถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ส่งไปขับเคลื่อนเกียร์ ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่เป็นเจเนอเรเตอร์ เพื่อรีชาร์จประจุไฟฟ้ากลับเข้าไปยังแบตเตอรี่ เมื่อระบบไม่ต้องการกำลังจากเครื่องยนต์ คลัตช์ตัวที่ 1 ที่อยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ จะตัดการทำงานจากเครื่องยนต์ ผลที่ตามมาคือ เครื่องยนต์จะหยุดการทำงาน ทำให้ไม่มีแรงเสียดทานจากการหมุนของเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง เหลือเพียงมอเตอร์ไฟฟ้ากับเกียร์เท่านั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว เครื่องยนต์จะทำงานเหมือนกับเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV) และอีกคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากระบบไฮบริดอื่นๆ คือ ระบบคลัตช์คู่อัจฉริยะ สามารถทำงานที่ความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่สูงกว่าระบบไฮบริดทั่วไป ยังผลให้มีการประหยัดน้ำมันในการใช้งานย่านความเร็วสูงอีกด้วย ส่วนระบบ 4WD ที่ทำงานผ่านระบบคลัตช์คู่อัจฉริยะ ล้อทั้ง 4 ได้รับกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง
ภายนอกโดดเด่น ภายในล้ำสมัย
ในด้านการออกแบบเน้นความโดดเด่นตั้งแต่ภายนอก ตั้งแต่กระจังหน้าที่มีเอกลักษณ์รูปตัว V ที่มาพร้อมกับความหรูหราแบบโครเมียม ไฟหน้าแบบ LED Projector ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวแอบดูสปอร์ต มันมาพร้อมไฟ Daytime Running Light ทรวดทรงบูมเมอแรง ประตูท้ายเปิด-ปิด อัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ พร้อมติดตราสัญลักษณ์ไฮบริดที่ด้านข้างและด้านท้าย
ส่วนห้องโดยสารภายในยังคงเอกลักษณ์ความหรูหราด้วยชุดมาตรวัด มีหน้าจอ 3 มิติ ขนาด 5 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับได้หลากหลาย รวมไปถึงการทำงานของระบบไฮบริด และเชื่อมต่อการแสดงผลของบางระบบกับหน้าจอที่คอนโซลกลาง เช่น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เข็มทิศ ระบบเครื่องเสียง ระบบนำทางผ่านดาวเทียม และการปรับตั้งระบบย่อยต่างๆ ของตัวรถไฟหน้า LED เต็มระบบ ทั้งไฟสูง ไฟต่ำ และไฟหรี่ พร้อมระบบปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ พวงมาลัย 3 ก้าน สไตล์สปอร์ต ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อมด้วยชุดควบคุมมัลติฟังก์ชัน สามารถควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เครื่องเสียง และระบบเชื่อมต่ออื่นๆ
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบ Dual zone ปรับแยกอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา หน้าจอแสดงผล 3 มิติ ขนาด 7 นิ้ว แสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับการขับขี่และการทำงานของระบบไฮบริด รวมทั้งการทำงานของระบบ Advanced Chassis Control ในแบบเรียลไทม์ และแสดงการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4WD ชุดระบบอินโฟเทนเมนต์สามารถเล่น CD, MP3, AUX, USB พร้อมระบบ Nissan Connect เจเนอเรชันใหม่ เชื่อมต่อสมาร์ตโฟนผ่าน Application สามารถอัปเดตข้อมูลผ่าน Facebook และค้นหาสถานที่ต่างๆ ผ่าน Google Search ทั้งยังเชื่อมต่อระบบนำทางได้ทันที นอกจากนี้พื้นที่ใช้สอยภายในยังถูกขยายขนาดเพื่อเพิ่มพื้นที่ในห้องโดยสาร เบาะนั่งคนขับแบบ Spinal support ออกแบบพิเศษ เพื่อให้รองรับแนวกระดูกสันหลัง พร้อมระบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะที่นั่งด้านหลังกว้างขวางนั่งสบาย ประตูด้านหลังเปิดกว้างได้ถึง 80 องศา
ระบบความปลอดภัยแบบ FULL OPTION
NISSAN X-TRAIL HYBRID 2.0V ติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยมาเต็มรูปแบบ อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมด้านข้าง กล้องมองภาพรอบทิศทาง กล้องมองหลัง ระบบเบรก ABS/EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพอัตโนมัติ (VDC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (ABLS) รวมถึงยังมีระบบ Advanced Chassis Control ช่วยควบคุมการขับขี่ ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (ARC) ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง (AEB) ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (ATC) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAS) พร้อม Hill Descent Control สำหรับลงทางลาดชัน
สำหรับจุดเด่นของ NISSAN X-TRAIL HYBRID 2.0V ที่ขาดไม่ได้ก็คือ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ ทั้ง 2WD, AUTO และ LOCK โดยหากตั้งไว้ที่โหมด AUTO จะเป็นการปล่อยให้ระบบเลือกถ่ายเทกำลังไปยังแต่ละล้อตามความเหมาะสม แต่หากเป็นทางตรงปกติ กำลังจะถูกถ่ายทอดไปยังล้อหน้าทั้งหมด และจะมีการถ่ายกำลังไปยังล้อคู่หลังเมื่อจำเป็น ซึ่งหน้าจอบริเวณมาตรวัดจะคอยแสดงข้อมูลการถ่ายทอดกำลังแต่ละล้อให้เห็นอย่างชัดเจน ขณะที่โหมด 2WD จะเป็นการบังคับให้ใช้เฉพาะล้อคู่หน้า และโหมด LOCK จะเป็นการบังคับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ กรณีที่ต้องมีการปีนป่าย หรือบนทางขรุขระ ส่วนระบบช่วงล่างมาพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สัน ด้านหลังแบบมัลติลิงก์ ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะกับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ ช่วยให้การขับบนทางคดโค้งทำได้ว่องไวขึ้น ลดอาการโคลงของตัวรถ
…และนี่คือความโดดเด่นเหนือใครที่ทำให้ NISSAN X-TRAIL HYBRID 2.0V ได้รับการคัดเลือกให้เป็น BEST HYBRID SUV UNDER 2,000 c.c. ประจำปี 2018 จากคณะผู้ทรงคุณวุฒิในการทดสอบครั้งนี้[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column][vc_separator][vc_single_image image=”57969″ img_size=”full”][vc_column_text]BEST PICKUP 4WD UNDER 2,500 c.c.
NISSAN NAVARA DOUBLE CAB 4WD 7AT SPORTECH
ยังเป็นรถปิกอัพพันธุ์แกร่งตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในด้านขุมพลัง ประโยชน์การใช้สอย และเทคโนโลยีทันสมัยและสมรรถนะในการขับที่มั่นใจ จนทำให้ NISSAN NAVARA DOUBLE CAB 4WD 7AT SPORTECH กลายเป็นรถปิกอัพที่คนพูดถึงมากที่สุดตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ จนมาถึงตอนนี้…ซึ่งความพิเศษที่มัดใจใครหลายๆ คนจะมีอะไรบ้าง เรามาดูกัน
ภายนอกแข็งแกร่ง ภายในตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
ความโดดเด่นของ NISSAN NAVARA DOUBLE CAB 4WD 7AT SPORTECH นับว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของรถปิกอัพโดยแท้ ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีรถยนต์อเนกประสงค์ไว้อย่างครบถ้วน เริ่มตั้งแต่ ชุดแต่งด้านหน้าสไตล์สปอร์ต ประกอบไปด้วยกระจังหน้าใหม่ พร้อมด้วยความดุดันจากกรอบไฟตัดหมอกพ่นแบบรมดำ Smoke Chrome แล้วยังมีสเกิร์ตหน้าดีไซน์โฉบเฉี่ยวและบันไดข้างใหม่ ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์ LED ให้ความสว่างมากกว่าไฟหน้าแบบเก่า 1.4 เท่า และไฟหรี่กลางวัน Daytime Running Light อยู่ในกรอบพลาสติกโพลีเมอร์ใสรวมกับไฟหน้า ซุ้มล้อขนาดใหญ่รับกับชุดล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว เน้นภาพลักษณ์ที่ทรงพลังและทันสมัย แต่คงไว้ซึ่งเส้นสายตามการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ และเพิ่มอารมณ์สปอร์ต พร้อมช่วยประหยัดน้ำมันด้วยสปอยเลอร์ด้านหลังใหม่ นอกจากนี้ยังเพิ่มความคุ้มค่าด้วยพื้นที่บรรทุกกระบะท้ายที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น ด้วยมิติความยาว 1,503 มม. กว้าง 1,560 มม. ลึก 474 มม. รองรับทุกการบรรทุกสัมภาระ และทุกงานหนักของการบรรทุก ฝาปิดกระบะท้ายน้ำหนักเบา ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขนสัมภาระขึ้นและลง พร้อมลดน้ำหนักโดยรวมเพื่อความประหยัดน้ำมัน
ห้องโดยสารภายในเสริมความหรูสไตล์สปอร์ตแบบ SUV เติมเต็มทุกประโยชน์การใช้สอย โดดเด่นสไตล์สปอร์ตด้วยเบาะหนังทูโทนที่ปรับได้ 8 ทิศทาง พร้อมด้วยเครื่องปรับอากาศหน้า-หลัง เครื่องเล่น DVD ระบบนำทางและกล้องมองหลังควบคุมผ่านจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัย 3 ก้าน สไตล์สปอร์ต มัลติฟังก์ชัน สามารถควบคุมเครื่องเสียง และระบบเชื่อมต่ออื่นๆ นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise control ระบบ Push Start และกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนแบบอัตโนมัติพร้อมเข็มทิศ เพิ่มเติมความสบายในการใช้งานด้วยมาตรวัดเรืองแสง พร้อมจอแสดงข้อมูลแบบ 3 มิติ ขนาด 5 นิ้ว พร้อมโหมดเลือกการแสดงผล 2 ภาษา ทั้งไทยและอังกฤษ แสดงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการขับขี่ จัดวางในตำแหน่งที่มองเห็นได้เด่นชัด ควบคุมง่าย ผ่านปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยเช่นกัน
เพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยกล้องมองภาพรอบทิศทาง AROUND VIEW MONITOR (AVM) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรถปิกอัพกับเทคโนโลยีกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา มองเห็นภาพภายนอกได้รอบคัน เพื่อความคล่องตัว สะดวกและปลอดภัยในทุกการขับขี่ ซึ่งกล้องมองภาพรอบทิศทาง AVM จะช่วยให้การควบคุมรถทำได้ง่ายขึ้นมาก โดยมีการแสดงภาพบนกระจกมองหลังใน 4 รูปแบบ ดังนี้ การเตรียมตัวถอยจอด เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง หน้าจอจะแสดงภาพมุมสูงและภาพด้านหลัง พร้อมเส้นกะระยะเพื่อความสะดวกในการถอย เช็กระยะด้านข้างและด้านหลัง ผู้ขับสามารถกดปุ่ม camera เพื่อเช็กระยะ ทั้งด้านข้างและด้านหลัง เพื่อความปลอดภัยและขับขี่อย่างมั่นใจ ขณะกำลังถอยจอด เมื่อกดปุ่ม camera หน้าจอจะแสดงภาพเฉพาะด้านหลัง พร้อมเส้นกะระยะ เพื่อให้ผู้ขับสามารถมองภาพด้านหลังได้อย่างชัดเจน และปิดกล้องมองภาพรอบทิศทาง เมื่อผู้ขับกดปุ่ม camera กล้องมองภาพรอบทิศทางจะปิดตัวลง เหลือเพียงแค่กระจกมองหลังแบบปกติ
ช่วงล่างแกร่ง เครื่องยนต์ทรงพลัง
ขุมพลังพละกำลังของ NISSAN NAVARA DOUBLE CAB 4WD 7AT SPORTECH มาในเครื่องยนต์ดีเซล ความจุ 2.5 ลิตร DOHC แบบ 4 สูบแถวเรียง อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ เพิ่มพละกำลังและลดอัตราการสิ้นเปลือง 11% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยรุ่นดีเซลกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 48.5 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที จับคู่กับระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 7 อัตราทดเกียรกว้างขึ้น เพื่อให้รองรับการขับในทุกช่วงความเร็ว ซึ่งนับเป็นปิกอัพรายแรงในเมืองไทยที่ใช้ระบบเกียร์แบบนี้ ในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นแบบ Shift-on-the-fly ปรับเปลี่ยนได้ในขณะขับ
ในด้านความแข็งแกร่งของระบบช่วงล่าง ต้องยกความดีให้กับโครงสร้างแชสซีเหล็กกล้าขนาดใหญ่แบบประกบยาวตลอดคัน นุ่มนวลทั้งการขับขี่บนถนนหรือออฟโรด ด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลงและระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบซ้อนพร้อมโช้คอัพ เพิ่มความมั่นใจขณะขับขี่ด้วยระบบป้องกันการลื่นไถล ABLS (Active Brake Limited Slip) ระบบจะส่งแรงเบรกไปยังล้อที่ลื่นไถลทันที ทำให้ควบคุมทิศทางรถได้ทุกสภาพถนน หลบหลีกได้ทันท่วงที ระบบช่วยออกตัวและควบคุมความเร็วบนทางลาดชัน HSA และ HDC ระบบจะสั่งให้เบรกทำงานต่อเนื่องขณะยกเท้าออกจากแป้นเบรก ช่วยป้องกันไม่ให้รถไหลเมื่อออกตัวบนทางลาดชัน พร้อมระบบช่วยรักษาความเร็วและความดันเบรก เมื่อเผชิญความลาดชันขณะวิ่งลงเขา ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีบนถนนลื่น TCS (Traction Control System) ช่วยควบคุมล้อที่ขับเคลื่อน ให้ค่อยๆ หมุนออกตัวโดยไม่เกิดอาการล้อหมุนฟรี แม้บนถนนที่ลื่นและควบคุมยาก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VDC ช่วยรักษาการทรงตัวเมื่อรถเข้าโค้ง หักเลี้ยวได้อย่างมั่นใจ ตอบสนองได้อย่างฉับไว แม้เข้าโค้งด้วยความเร็ว ระบบกระจายแรงเบรก EBD เพิ่มความปลอดภัยให้ระยะเบรกสั้นลง ด้วยการควบคุมกระจายแรงเบรก และปรับแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ระบบช่วยเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ดิสก์เบรกหน้าและดรัมเบรกหลังขนาดใหญ่ พร้อมระบบช่วยเบรกป้องกันล้อล็อกและลื่นไถลขณะเบรกกะทันหัน ช่วยให้ควบคุมทิศทางหรือหักหลบสิ่งกีดขวางได้
จากความโดดเด่นที่เหนือชั้น ทำให้ NISSAN NAVARA DOUBLE CAB 4WD 7AT SPORTECH ได้รับการโหวตจากคณะกรรมการว่ามีความเหนือชั้นกว่าคู่แข่งในคลาสเดียวกัน จนทำให้สามารถคว้ารางวัล BEST PICKUP 4WD UNDER 2,500 c.c. มาครองได้สำเร็จ[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]