Car of the year 2021 – Ford
Absolutely The Best : Ford
BEST 2WD PICKUP UNDER 2,500 c.c.
FORD RANGER XL STREET
BEST DIESEL 2WD PPV UNDER 2,000 c.c.
FORD EVEREST 2.0 Turbo Titanium
BEST 4WD PICKUP UNDER 2,000 c.c.
FORD RANGER RAPTOR
BEST 2WD PICKUP UNDER 2,500 c.c.
FORD RANGER XL STREET
หนึ่งในรถปิกอัพพันธุ์แกร่ง ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย ในสไตล์ปิกอัพตัวเตี้ยทรงดุที่ครบเครื่องทุกการใช้งาน ทำให้ FORD RANGER XL STREET กลายเป็นรถปิกอัพที่คนสนใจมากที่สุดตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการจนมาถึงตอนนี้…ซึ่งความพิเศษที่มัดใจใครหลายๆ คนจะมีอะไรบ้าง เรามาดูกัน
มุมมองคณะกรรมการ
ดีไซน์ภายนอกแข็งแกร่ง ภายในตอบโจทย์การใช้งาน
FORD RANGER XL STREET กระบะตอนครึ่งตัวเตี้ยแต่งพิเศษ ได้รับการดีไซน์ ถึงภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยสติกเกอร์รอบคัน ออกแบบโดยทีมฟอร์ดดีไซน์ จากออสเตรเลีย โดยได้รับแรงบันดาลใจด้านการดีไซน์มาจากกระบะรถแข่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ จากทีม Ford Thailand Racing (FTR) ชุดแต่งสีดำ ประกอบไปด้วย กระจังหน้าตะแกรงสีดำใหม่ ตัดขอบด้วยสีแดง และล้ออัลลอย 16 นิ้ว สีดำ ภายในหน้าจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto มีระบบเชื่อมต่อบลูทูธ ช่องต่อ USB 2 จุด และระบบเครื่องเสียงที่มีลำโพงถึง 6 ตำแหน่ง
ขุมพลัง 160 แรงม้า
ที่มาพร้อมระบบความปลอดภัย
FORD RANGER XL STREET มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง 2.2 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุกระบอกสูบ 2,198 ซี.ซี. แรงม้าสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้สนุกทุกการใช้งาน
ส่วนทางด้านระบบความปลอดภัย FORD RANGER XL STREET มาพร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบช่วยโทรฉุกเฉินเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ Emergency Assistance, ระบบกุญแจ Immobilizer
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือความคุ้มค่าแบบเหนือชั้น ซึ่งเหล่าคณะกรรมการผู้ทดสอบได้ลงความเห็นให้ FORD RANGER XL STREET คือรถที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับรางวัล BEST 2WD PICKUP UNDER 2,500 c.c. มากที่สุดในการทดสอบ Car of The Year 2021
BEST DIESEL 2WD PPV UNDER 2,000 c.c.
FORD EVEREST 2.0 Turbo Titanium
นับว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง สำหรับรถ FORD EVEREST 2.0 Turbo Titanium รถอเนกประสงค์สัญชาติอเมริกัน ที่โดดเด่นทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน รวมถึงการใช้งานที่หลากหลายสไตล์ และเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ จึงทำให้ได้รับผลโหวตจากคณะกรรมการให้เป็น “ที่สุด” ของรถยนต์ PPV ขับเคลื่อน 2 ล้อ ในการทดสอบ Car of The Year 2021 ซึ่งความโดดเด่นแบบเหนือชั้นจะมีอะไรบ้าง มาติดตามกัน…
ความเห็นของคณะกรรมการ
ภายนอก-ภายใน ปรับให้มีความสปอร์ตและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
FORD EVEREST 2.0 Turbo Titanium มาพร้อมดีไซน์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองมากขึ้น บวกกับฟีเจอร์ช่วยในการขับขี่และอุปกรณ์เสริมที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ด้วยระบบไฟหน้า LED ปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED, ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมเซ็นเซอร์แบบแฮนด์ฟรี, ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว
ภายในยกระดับให้มีความหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยเบาะหุ้มด้วยหนังปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมสวิตช์ปรับแรงลมแยกส่วน สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 แยกอิสระ 60:40 ปรับเอนได้และสามารถเลื่อนหน้า-ถอยหลังได้ ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 แยกอิสระ 50:50 เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยกุญแจรีโมทอัจฉริยะที่ทำงานคู่กับปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
FORD EVEREST 2.0 Turbo Titanium ยังได้ติดตั้งระบบ SYNC 3 ทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ซึ่งรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบบลูทูธ และกล้องมองหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้งาน Apple Maps และระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance) ที่ช่วยต่อสายไปยังหมายเลข 1669 ให้อัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มระบบตรวจจับลมยาง (Tire Pressure Monitoring System) และ กุญแจรีโมทอัจฉริยะทำงานคู่กับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์
ขุมพลัง 2.0 Turbo
พร้อมระบบความปลอดภัย ตอบโจทย์การใช้งานอย่างครบถ้วน
FORD EVEREST 2.0 Turbo Titanium มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร (เทอร์โบเดี่ยว) ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมโหมดบวก/ลบ ทำให้การขับเคลื่อนและควบคุม รวมถึงการเร่งแซงทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ FORD EVEREST 2.0 Turbo Titanium ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ อาทิ ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน, ระบบจะช่วยรักษาแรงเบรกในกรณีที่มีการหยุดรถอย่างฉุกเฉิน (BA), ระบบช่วยการทรงตัวขณะลากจูง TSC (ติดตั้ง Trailer Sway Control เพิ่มเติม), ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Rollover Mitigation),ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TC) และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP (Traction Control and Electronic Stability Program), ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist), ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย-หัวเข่าคนขับ), เซ็นเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง, กล้องมองภาพขณะถอยจอด และจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
จากความโดดเด่นที่เหนือชั้น ทำให้ FORD EVEREST 2.0 Turbo Titanium ได้รับการโหวตจากคณะกรรมการว่ามีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งในคลาสเดียวกัน จนทำให้สามารถคว้ารางวัล BEST DIESEL 2WD PPV UNDER 2,000 c.c. มาครองได้สำเร็จ
BEST 4WD PICKUP UNDER 2,000 c.c.
FORD RANGER RAPTOR
นับว่าเป็นรถที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ปิกอัพอย่างสิ้นเชิง สำหรับ FORD RANGER RAPTOR รถปิกอัพระดับพรีเมียมที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความล้ำสมัย พร้อมด้วยขุมพลังเทอร์โบคู่ พร้อมด้วยระบบช่วงล่าง ระดับโลก Fox Shox ที่สามารถใช้งานได้ทุกการเดินทาง ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่เหล่าคณะกรรมการลงมติความเห็นว่า FORD RANGER RAPTOR คือที่สุดของกลุ่ม BEST 4WD PICKUP UNDER 2,000 c.c.
จุดเด่นที่คณะกรรมการ
สัมผัสและลงความเห็น
ในด้านการออกแบบ FORD RANGER RAPTOR เน้นความดุดันสไตล์อเมริกัน ด้วยการวางชุดกันชนหน้ายึดติดกับเฟรมรถ แผงกันชนหน้าสี Super Alloy ชุดโคมไฟแบบ Projector Lens แบบ Bi-LED ไฟตัดหมอกแบบ LED พร้อมช่องรีดอากาศ บันไดข้างอะลูมิเนียม ออกแบบรองรับการระบายทราย โคลน ป้องกันหินกระแทกตัวถังรถ กันชนท้ายเสริมชุดตะขอเกี่ยว 2 ชุด เซนเซอร์ท้ายเสมอถัง ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยาง All-Terrain BF Goodrich ขนาด 285/70R17 เส้นผ่าศูนย์กลางยาง 831 มิลลิเมตร กว้าง 285 มิลลิเมตร
ภายในเติมเต็มในฟังก์ชันการใช้งานในรูปแบบปิกอัพพรีเมียม ถ่ายทอดดีเอ็นเอ ของฟอร์ดเพอร์ฟอร์แมนซ์อย่างชัดเจน อาทิ เบาะคนขับด้านหน้าปรับด้วยไฟฟ้า เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง เบาะนั่งหุ้มด้วย Alcantara แดชบอร์ดหน้าบุนุ่ม เดินตะเข็บด้ายสีน้ำเงิน โลโก RAPTOR บนแผงหน้าปัด แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift ผลิตจาก Magnesium แถบบอกตำแหน่งองศา
พวงมาลัย On-Center Marker สลักตัวโลโก RAPTOR ที่ขอบพวงมาลัย ปุ่มสตาร์ท Push Start Button ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว รองรับ วิทยุ AM/FM, ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3 รองรับ Apple CarPlay และ Andriod Auto ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ระบบนำทาง Navigation System ลำโพง 6 ตัว
ขุมพลัง Diesel 2.0 Bi-Turbo
พร้อมระบบช่วงล่าง
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซี.ซี. เทอร์โบคู่ โดยเทอร์โบคู่ทำงานร่วมกันระหว่าง High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ช่วยเพิ่มพละกำลังเครื่องยนต์ให้สูงขึ้นเมื่อผู้ขับขี่ต้องการอีกด้วย จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ผลิตจากเหล็กกล้า-อะลูมิเนียมอัลลอย และคอมโพสิท เพื่อให้มีความทนทานและมีน้ำหนักเบา ทำให้สามารถขับขี่ออฟโรดความเร็วสูงและทนต่อแรงกระแทก
ที่อาจเกิดจากการขับขี่โดยเฉพาะ
ช่วงล่าง FORD RANGER RAPTOR มาพร้อมโช้คอัพแบบ Position Sensitive Damping (PSD) ที่ผลิตโดย FOX ซึ่งจะเพิ่มแรงต้านเมื่อมีการกระแทกเต็มช่วงยุบกระบอกสูบ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรดให้ดียิ่งขึ้น และจะลดแรงต้านเมื่อขับขี่บนถนนทางเรียบเพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวล ระบบกันสะเทือนวัตต์ลิงก์ Watt-Link Coil Over Shock ยังได้รับการออกมาเพื่อรับมือกับการขับขี่ความเร็วสูงบนสภาพผิวถนนที่ขรุขระโดยเฉพาะ ขณะเดียวกัน ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมรถได้อย่างสมบูรณ์และได้รับความสบายอย่างเต็มที่ จับคู่กับพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPAS ทำให้ควบคุมได้ง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ FORD RANGER RAPTOR มาพร้อมกับระบบโหมดการขับเคลื่อน Terrain Management System (TMS) ระบบปรับสภาพการขับขี่อัจฉริยะที่มาพร้อม 6 โหมด เพื่อตอบรับทุกประสบการณ์การขับขี่ โดยใช้ปุ่มบนพวงมาลัย ให้คุณควบคุมได้ดังใจ ไม่ว่าจะเป็น จากโหมดธรรมดา สู่โหมดสปอร์ต, ลุยพื้นหญ้า, ฝ่าก้อนกรวด, ลุยหิมะ,โคลน, ทราย หรือหิน และโหมดบาฮา (Baja off-road sport mode) ทำให้พร้อมลุยทุกเส้นทางออฟโรด
นอกจากนี้ ยังเพิ่มเทคโนโลยีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System), ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System), ระบบเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถ และคนเดินถนน (AEB : Autonomous Emergency Braking) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง รวมไปถึงระบบความปลอดภัยแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านถุงลมนิรภัย), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP), ระบบช่วยการทรงตัวขณะลากจูง (TSC) ซึ่งต้องติดตั้ง Trailer Sway Control เพิ่มเติม, ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HLA), Load Adaptive Control (LAC) และระบบป้องกันรถพลิกคว่ำ (ROM)
และนี่คือความพิเศษของ FORD RANGER RAPTOR ที่เหล่าคณะกรรมการต่างลงคะแนนว่า คือรถที่ดีที่สุดในกลุ่ม BEST 4WD PICKUP UNDER 2,000 c.c.