Car of the year 2021 – Isuzu
Absolutely The Best : Isuzu
BEST 2WD PICKUP UNDER 2,000 c.c.
ALL-NEW ISUZU D-MAX
INFINITE…POTENTIAL
ALL-NEW ISUZU D-MAX INFINITE… POTENTIAL ตอกย้ำคุณสมบัติ “พลานุภาพ …พลิกโลก!” ด้วยการครองรางวัล BEST 2WD PICKUP UNDER 2,000 c.c. เพื่อแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในการเป็น “ยนตรกรรมที่เหนือกว่าคำว่าปิกอัพ” กับการสร้างมาตรฐานใหม่สู่ผลงานความสมบูรณ์แบบล่าสุดภายใต้แนวคิด BOLD, EMOTIONAL AND SMART
นำเสนอความโดดเด่นตั้งแต่งานดีไซน์ใหม่หมดในทุกมิตินับจากภายนอก ตลอดจนถึงภายใน โดยมีไฮไลต์เป็นขุมพลังใหม่เจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งตอบโจทย์ทั้งในด้านสมรรถนะ และอัตราการประหยัดน้ำมัน จากพื้นฐานเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชัน แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.9 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGS และอินเตอร์คูลเลอร์ ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ในรอบต่ำตั้งแต่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด มีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic ให้เลือก
ตามด้วยการอัปเกรดประสิทธิภาพ ความมั่นใจทุกสไตล์การขับขี่ ด้วยแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุด “ISUZU DYNAMIC DRIVE PLATFORM” จากโครงสร้างตัวถังเสริมเหล็ก Ultra-High Tensile, แชสซีส์ใหม่ขนาดใหญ่ ทำจากเหล็กกล้า Reinforce ที่รองรับแรงบิดได้สูงขึ้นถึง 23% ไปจนถึงตำแหน่งเครื่องยนต์แบบ Semi-Midship ที่ช่วยการกระจายนํ้าหนักได้ดีขึ้น และระบบช่วงล่างด้านหน้าใหม่ แบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริง และด้านหลังแหนบยาวแบบ Long Span ผลิตด้วยเทคโนโลยี WSSP (Warm Stress Shot Peening) อันแข็งแกร่ง และยืดหยุ่น
ประกอบกับความโดดเด่นในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ ที่ “สอบผ่าน” ในทุกด่านการทดสอบ เริ่มตั้งแต่ สถานีอัตราเร่ง Acceleration ที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงแรงบิดรอบต่ำระดับ 350 นิวตันเมตร ภายใต้การถ่ายทอดกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อันเต็มไปด้วยความต่อเนื่อง นับจากวินาทีกดคันเร่ง จนกระทั่งไปถึงความเร็วที่ต้องการ
ขณะที่แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุด “ISUZU DYNAMIC DRIVE PLATFORM” ก็ช่วย ส่งเสริมให้เกิดความสนุกสนานในการขับขี่ ที่มาพร้อมความคล่องตัว จากระบบพวงมาลัยที่เฉียบคม และความมั่นคงจากระบบช่วงล่าง ผ่านสถานีทดสอบทั้ง 2 ส่วน คือ Slalom และ Lane Change ไปอย่างง่ายดาย ในระดับที่สามารถขนานนามว่า “สปอร์ตปิกอัพ” ได้เลยทีเดียว
เหนือสิ่งอื่นใด ระหว่างการโชว์สมรรถนะอย่างเต็มความสามารถ ด้วยการกดคันเร่งเต็มพิกัดโดยคณะกรรมการ คือ “เซอร์ไพรส์” เรื่อง “อัตราความประหยัด” ที่เหนือความคาดหมาย จนทำเอาตัวเลขคะแนนได้หลั่งไหลมารวมกันที่ ALL-NEW ISUZU D-MAX INFINITE…POTENTIAL
รวมไปถึงภาพรวมทั้งหมด ตั้งแต่สไตล์งานดีไซน์ที่โดดเด่น พร้อมออปชันมาตรฐานที่ครบครัน ต่อเนื่องด้วยสมรรถนะที่ผ่านการพิสูจน์อย่างดุเดือดบนสถานีทดสอบก่อนจะปิดฉากอย่างสวยงามด้วยความประหยัดเชื้อเพลิง ส่งเสริมกันจนเกิดเป็นความ “คุ้มค่า” ที่สุดอย่างปฏิเสธไม่ได้เลยทีเดียว
BEST 4WD PICKUP UNDER 3,200 c.c.
ALL-NEW ISUZU D-MAX V-CROSS 4×4
เรียกได้ว่ายังครองตำแหน่ง “ราชันย์” อันเหมาะสมกับรางวัล BEST 4WD PICKUP UNDER 3,200 c.c. อย่างเหนียวแน่น สำหรับ ALL-NEW ISUZU D-MAX V-CROSS 4×4 ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติ แบบครบถ้วนรอบด้าน ตั้งแต่งาน “ดีไซน์” โดดเด่น, “ออปชัน” ตอบโจทย์ทุกความต้องการ และท้ายสุดกับ “สมรรถนะ” ที่ตอกย้ำฐานะความเป็น “สปอร์ตออฟโรด” อย่างชัดเจน
กับแรงขับเคลื่อนที่ล้ำสมัย โดยเทคโนโลยี BLUE POWER บนพื้นฐานเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชัน แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 3.0 ลิตร Ddi ที่พัฒนาขึ้นใหม่ในรหัส 4JJ3-TCX เสริมประสิทธิภาพด้วยระบบอัดอากาศเทอร์โบแปรผัน VGS และ อินเตอร์คูลเลอร์ จนได้พละกำลังสูงสุดระดับ 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงถึง 450 นิวตันเมตร ในรอบต่ำตั้งแต่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที ถ่ายทอดกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic และแป้นเปลี่ยนเกียร์ Sequential Paddle Shift ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะกรรมการงาน Car of The Year ได้สัมผัสกันอย่างเต็มอรรถรสในเรื่องอัตราเร่ง (Acceleration)
ก่อนตามไปตอกย้ำความมั่นใจบนสถานี Slalom และ Lane Change ในเรื่องของเสถียรภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดในชื่อ “ISUZU DYNAMIC DRIVE PLATFORM” ที่ผสานการทำงานของโครงสร้างตัวถังเสริมเหล็ก Ultra-High Tensile, แชสซีใหม่ขนาดใหญ่ขึ้นรูปด้วยเหล็กกล้าแบบ Reinforce รองรับแรงบิดได้สูงขึ้น 23%, ตำแหน่งเครื่องยนต์แบบ Semi-Midship เพื่อการกระจายนํ้าหนัก อันสมดุล ไปจนถึงระบบช่วงล่างด้านหน้าใหม่ แบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น (Double Wishbone) พร้อมคอยล์สปริง และด้านหลังแหนบยาวแบบ Long Span ผลิตด้วยเทคโนโลยี WSSP (Warm Stress Shot Peening) เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่นดีขึ้น
รวมไปถึงความสุดยอดในศักยภาพ การขับขี่ จากระบบ Terrain Command ที่พัฒนาขึ้นใหม่ให้ทํางานได้ฉับไว และแม่นยํายิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนโหมดขับขี่ ทั้ง 3 รูปแบบ คือ แบบ 2 ล้อความเร็วสูง (2H), แบบ 4 ล้อความเร็วสูง (4H) รวมถึงแบบ 4 ล้อความเร็วต่ำ (4L) โดยมีทัพเสริมเป็นระบบ Electronic Diff-Lock ทํางานด้วยระบบไฟฟ้าในการล็อกเฟืองท้าย เพื่อให้เครื่องยนต์ส่งกําลังสู่ล้อหลังทั้งด้านซ้าย และด้านขวาเท่าๆ กัน จากนั้นก็เปลี่ยนอุปสรรคยากๆ เบื้องหน้าเป็นเรื่องง่าย ซึ่งรวมไปถึงความสามารถในการลุยน้ำลึกที่ทำได้สูงสุดในระดับ 800 มิลลิเมตร เลยทีเดียว
BEST DIESEL 2WD PPV UNDER 3,200 c.c.
ALL-NEW ISUZU MU-X
การประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกลุ่มอีซูซุในประเทศไทยนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะตลาดรถปิกอัพเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงตลาดรถอเนกประสงค์ ซึ่งพัฒนามาจนถึงโมเดลล่าสุด ALL-NEW ISUZU MU-X ยนตรกรรมที่มาพร้อมอัตลักษณ์แห่งดีไซน์ ภายใต้ความหรูหรา และเทคโนโลยี ความปลอดภัยครบครัน ตลอดจนสมรรถนะที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ จนสามารถคว้ารางวัล BEST DIESEL 2WD PPV UNDER 3,200 c.c. ไปครอง
โดยความ “ครบครัน” ที่ว่านั้น ประกอบด้วย เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชัน แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 3.0 ลิตร Ddi ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ภายใต้พื้นฐานของเทคโนโลยี BLUE POWER และการยกระดับประสิทธิภาพด้วยระบบอัดอากาศเทอร์โบแปรผัน VGS และ อินเตอร์คูลเลอร์ ในการสร้างเรี่ยวแรงสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงถึง 450 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic และแป้นเปลี่ยนเกียร์ Sequential Paddle Shift สู่ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ
ขับเคลื่อนทุกสภาวะด้วยความมั่นใจ จากความปลอดภัยเต็มระบบ ตั้งแต่ แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุด “ISUZU DYNAMIC DRIVE PLATFORM” ที่ประกอบด้วย โครงสร้างตัวถังเสริมเหล็ก Ultra-High Tensile, แชสซีใหม่ขนาดใหญ่ขึ้นรูปด้วยเหล็กกล้า Reinforce ซึ่งรองรับแรงบิดได้สูงขึ้นถึง 23% ตามด้วยตำแหน่งการติดตั้งเครื่องยนต์แบบ Semi-Midship เพื่อการ กระจายนํ้าหนัก ปิดท้ายด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าใหม่แบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น (Double Wishbone) พร้อมคอยล์สปริง และด้านหลังแหนบยาวแบบ Long Span ผลิตด้วยเทคโนโลยี WSSP (Warm Stress Shot Peening) เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่ให้ความยืดหยุ่นได้ดี
ทั้งยังยกระดับความเหนือชั้น ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ อย่าง ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE ที่มีจุดเด่น คือ การออกแบบให้ทุกระบบทำงานผสานกันเป็นหนึ่ง ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ เจเนอเรชันล่าสุด ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ซึ่งใช้นวัตกรรมกล้องหน้าคู่แบบ 3D Imaging Stereo Camera ทำหน้าที่เสมือนดวงตาคอยตรวจจับเส้นถนน และวัตถุด้านหน้าแบบ real time อย่างแม่นยำ รวมทั้งเสริมด้วยเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน ทำหน้าที่ยกระดับประสิทธิภาพให้กับระบบ ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) ในการช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go, ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning), ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking), ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา BSM (Blind Spot Monitoring), ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
รวมไปถึงระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam), ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation), ระบบเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ MCB (Multi-Collision Brake), ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ (Parking Aid System) และระบบตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL (Manual Speed Limiter)
THE MOST POPULAR PICKUP
ALL-NEW ISUZU D-MAX INFINITE…POTENTIAL
นับตั้งแต่การออกสู่ตลาดครั้งแรกเมื่อปี 2545 จนสร้างกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นจากผู้ใช้รถในเมืองไทย กระทั่งกลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญในทุกครั้ง เมื่อเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่ของอีซูซุ ในฐานะผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการรถยนต์เมืองไทย จนมาถึงการให้กำเนิดเจเนอเรชัน 3 กับการตรึงที่มั่นในประเทศไทยเป็นเวทีใหญ่ เพื่อนำเสนอ ALL-NEW ISUZU D-MAX INFINITE…POTENTIAL พลานุภาพ…พลิกโลก! ออกสู่สายตาในฐานะของการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก ที่สามารถต่อยอดความสำเร็จได้อย่างสวยงาม และกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้ก่อเกิดกระแส “อีซูซุดีแมคซ์ฟีเวอร์” อีกครั้งด้วยการสร้างสรรค์ซึ่งตอบสนอง ทุกการใช้งาน ด้วยแนวคิด BOLD, EMOTIONAL AND SMART ซึ่งประกอบด้วยงานดีไซน์ใหม่หมดในทุกมิติ, ขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่, แพลตฟอร์มใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างดุลยภาพของการขับขี่ ไปจนถึงระบบความปลอดภัย พร้อมนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่เต็มพิกัด นำทางสู่ความสมบูรณ์แบบที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของรถปิกอัพ ไปพร้อมๆกับตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งวงการรถยนต์เมืองไทย และนำความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ออกไปสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ไม่เพียงเท่านั้น ขณะเดียวกันในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ยังถือเป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
ที่ตอกย้ำความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาเป็นเวลามากกว่า 50 ปี ด้วยการสร้างยอดจำหน่ายรวมของรถอีซูซุในประเทศไทยที่สูงกว่า 4 ล้านคัน … ซึ่งถือเป็นความเหมาะสมแล้ว กับการครองรางวัล THE MOST POPULAR PICKUP ไปอีกครั้ง จากเสียงตัดสินของคณะกรรมการในปีนี้
THE MOST HI-TECH & INNOVATIVE PICKUP
ALL-NEW ISUZU D-MAX
INFINITE…POTENTIAL
ALL-NEW ISUZU D-MAX INFINITE…POTENTIAL ถือเป็นยนตรกรรมที่ครองใจคณะกรรมการ และคู่ควรกับรางวัล THE MOST HI-TECH & INNOVATIVE PICKUP มากที่สุด ด้วยขีดความสามารถที่เหนือกว่าการเป็นแค่รถปิกอัพ โดยมีองค์ประกอบสำคัญ คือ เรื่องของ “เทคโนโลยี และนวัตกรรม” ล้ำสมัย
ที่ประกอบด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชัน แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ซึ่งมีให้เลือก 2 พิกัด คือ 3.0 Ddi BLUE POWER ใหม่ ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600–2,600 รอบต่อนาที ต่อเนื่องด้วยเครื่องยนต์ 1.9 Ddi BLUE POWER Gen 2 ซึ่งให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800–2,600 รอบต่อนาที
ขณะที่ระบบส่งกำลังนั้น มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic และแป้นเปลี่ยนเกียร์ Sequential Paddle Shift ตามด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ออกแบบใหม่ให้มีความสปอร์ตขึ้น ด้วยช่วงชักที่สั้น และเข้าเกียร์ง่าย ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดด้วยระบบ Genius Sport Shift จากไฟบอกตําแหน่ง เพื่อช่วยแจ้งเตือนการเปลี่ยนเกียร์ในรอบเครื่องยนต์ และความเร็วที่เหมาะสมรวมไปถึงการกำหนดให้ตำแหน่งเกียร์ 5 และ 6 เป็นโอเวอร์ไดร์ฟอีกด้วย
เหนือจากสมรรถนะก็คือความฉลาดล้ำ
The Potential of Intelligence ที่ก้าวไป
สู่มาตรฐานใหม่ของเทคโนโลยีแห่งความสะดวกสบาย ซึ่งประกอบด้วย ระบบกุญแจแบบ Keyless Entry มาพร้อมกับฟังก์ชัน Remote Engine Start สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมทภายในระยะ 20 เมตร, ระบบ Welcome Light จากชุดไฟส่องสว่างในห้องโดยสารที่เปิดอัตโนมัติ เมื่อเข้าใกล้รถในระยะ 2 เมตร, Follow Me Home สามารถเปิดไฟส่องสว่างได้นาน 30 วินาที หลังดับเครื่องยนต์
ตามด้วย ระบบ Walk Away Auto Lock ที่เพิ่มความมั่นใจด้วยระบบล็อกประตูอัตโนมัติ เมื่อเดินออกห่างจากตัวรถเกินระยะ 3 เมตร, ระบบ Auto Light Off ที่จะทำการปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และไฟในห้องโดยสาร เมื่อดับเครื่องยนต์และเปิดประตูรถ ไปจนถึงระบบควบคุมไฟเลี้ยวแบบ Smart Touch ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ไปจนถึงชุดไฟหน้าแบบ ISUZU Vision Bi-LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ที่จับคู่มากับชุดไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Multifunctional Daylight แบบ Built-in
ทั้งยังยกระดับความมั่นใจในการขับขี่ ด้วยระบบเตือนจุดอับสายตา BSM (Blind Spot Monitoring) ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเตือนที่มุมกระจกมองข้าง เสริมด้วยระบบ Parking Aid System พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะ 8 จุดรอบคัน, ระบบ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) สำหรับทำการแจ้งเตือนในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ตลอดจนระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensing Wiper ที่เพิ่มความสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยี Integrated Wiper Blade หรือระบบฉีดน้ำบนก้านปัดแบบ Blade Type ที่สะอาดหมดจด และไม่บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับกระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut ที่ทั้งช่วยกรองรังสีอินฟราเรด, รังสี UVA และ UVB รวมไปถึงช่วยลดอุณหภูมิในห้องโดยสาร ก่อนปิดท้ายด้วยความห่วงใยสุขภาพจากระบบ High Efficiency Filter ซึ่งเป็นระบบกรองอากาศเข้าห้องโดยสารที่สามารถดักฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5 เลยทีเดียว จากทั้งหมดทั้งมวลนี้เอง คือสิ่งยืนยันที่ส่งให้ ALL-NEW ISUZU D-MAX INFINITE…POTENTIAL “เป็นได้มากกว่าปิกอัพ” ด้วยความเหมาะสมกับรางวัลอย่างแท้จริง
BEST ECO-FRIENDLY PICKUP
ALL-NEW ISUZU D-MAX
INFINITE…POTENTIAL
“การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” หรือ “Eco-Friendly” ยังคงเป็นอีกหนึ่งวัตถุประสงค์หลักสำคัญแห่งการพัฒนาของ ISUZU D-MAX ที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่นเดียวกับ ALL-NEW ISUZU D-MAX INFINITE…POTENTIAL
โดยรุ่นใหม่นี้ได้ก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยพื้นฐานของเทคโนโลยี BLUE POWER จากเครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชัน แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ทั้งขนาด 3.0 Ddi BLUE POWER ใหม่ 190 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ 1.9 Ddi BLUE POWER Gen 2 ที่มีกำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่มาพร้อมความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้วยเคล็ดลับด้านเทคโนโลยี เช่น ห้องเผาไหม้ใหม่แบบ Optimum CombustionShape ดีไซน์พิเศษเพื่อให้น้ำมันผสมกับอากาศได้ดียิ่งขึ้น ผ่านการเลือกติดตั้งระบบหัวฉีดแบบ High Pressure แรงดันสูงถึง 250 MPa ที่ปรับจังหวะการฉีดน้ำมันใหม่ เพื่อสร้างละอองน้ำมันละเอียด นำไปสู่การเผาไหม้สมบูรณ์แบบ ตามด้วยการใช้เสื้อสูบแบบ Melt-in Liner ซึ่งใช้การชุบแข็งแบบเหนี่ยวนำด้วยคลื่นความถี่สูง อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอีซูซุ ที่ผู้ใช้ทั่วโลกยอมรับ พร้อมกับสลักลูกสูบเคลือบสารพิเศษ Diamond Like Carbon ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างไหลลื่น
รวมไปถึงการใช้ระบบ Electronic Thermostat ทำหน้าที่ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วน้ำด้วยระบบไฟฟ้า สำหรับสร้างอุณหภูมิภายในเครื่องยนต์ให้เหมาะสมทุกช่วงการใช้งาน และชุด Timing Gear แบบ Double Scissors Gear เพื่อช่วยลดระยะห่างของฟันเฟือง ให้เครื่องยนต์เดินได้เรียบ และเงียบขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งชุดเทอร์โบใหม่แบบ Electronic VGS Turbo ที่มีขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้ดีเยี่ยมในทุกรอบความเร็ว ก่อนจะปิดท้ายด้วยประสิทธิภาพการทำงานแบบความอัจฉริยะ จากการใช้กล่อง ECM ใหม่ ที่มีการประมวลผลแบบ Multi-Core อันแม่นยำ และตอบสนองได้อย่างรวดเร็วในการใช้งาน จนได้ผลสรุปค่าความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นตัวเลขที่ดีที่สุดในตลาดปิกอัพเมืองไทย ด้วยตัวเลขระดับ 161-168 กรัม/กม. และครองตำแหน่งไปกว่าครึ่งของการจัดอันดับ Top 20 Pickup ของ www.car.go.th ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับ “ป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล” หรือ “ECO Sticker” … รวมถึงเป็นผลให้สามารถคว้ารางวัล BEST ECO-FRIENDLY PICKUP ไปได้อย่างสวยงามเช่นกัน
BEST FUEL ECONOMY PICKUP UNDER 2,500 c.c.
ALL-NEW ISUZU D-MAX
INFINITE…POTENTIAL
อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ ALL-NEW ISUZU D-MAX INFINITE…POTENTIAL ที่ผู้ใช้ยอมรับ ต้องยกให้กับเรื่องของ “อัตราการประหยัดน้ำมัน” ซึ่งนอกจากการการันตีตัวเลขบน “ป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล” หรือ “ECO Sticker” แล้ว
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ยังได้ตอกย้ำศักยภาพความประหยัดผ่านภารกิจครั้งใหม่ “ISUZU LAST DROPS CHALLENGE น้ำมันไม่หมด…ไม่หยุดขับ! กับ บอย-ปกรณ์” ซึ่งเป็นการขับรถอีซูซุ ขณะไฟเตือนน้ำมันใกล้หมดโชว์ เพื่อเป็นการท้าพิสูจน์ระยะทางวิ่ง ว่าสามารถทำได้ไกลแค่ไหน และสิ้นสุดลงที่จังหวัดใด
เพื่อเป็นอีกหนึ่งบททดสอบความประหยัด หลังจากเมื่อกลางปีที่ “บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” ในฐานะ “ซูเปอร์พรีเซนเตอร์ของอีซูซุ” และคุณภัทร์ น้องชาย ได้มาร่วมพิชิตภารกิจ “อีซูซุ แม็คซ์ แชลเลนจ์ กับ บอย-ปกรณ์” บนเส้นทาง เซี่ยงไฮ้-ฉางซา ระยะทาง 1,212 กม. โดยน้ำมัน 1 ถังยังเหลือ และไฟเตือนน้ำมันใกล้หมดไม่ปรากฏ ซึ่งสามารถทำสถิติอัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ยไปได้ถึง 24.99 กม./ลิตร
ก่อนจะกลับมาร่วมสนุกอีกครั้งกับสองพี่น้องตระกูลฉัตรบริรักษ์ ในกิจกรรม “ISUZU LAST DROPS CHALLENGE น้ำมันไม่หมด…ไม่หยุดขับ! กับ บอย-ปกรณ์” โดยใช้รถ ALL-NEW ISUZU D-MAX INFINITE…POTENTIAL รุ่น Spacecab ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชัน ขนาด 1.9 ลิตร พร้อม เทอร์โบแปรผัน VGS และอินเตอร์คูลเลอร์ ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ตามมาตรฐานโรงงาน
และขับขี่ในสภาพการจราจรจริง ด้วยวิธีการขับขี่แบบใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การเปิดแอร์ตลอดเส้นทาง, การใช้ความเร็วเฉลี่ยในการขับขี่ 80-90 กม./ชม. จากบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กรุงเทพมหานคร (ถนนวิภาวดีรังสิต) มุ่งหน้าขึ้นเหนือบนถนนสายเอเชีย ในแบบเครื่องยนต์ดับที่ไหน หยุดขับที่นั่น จนกระทั่งปรากฏผลขึ้นที่เขตจังหวัดนครสวรรค์ กับการทำระยะทางไปได้ถึง 251.8 กม.
ทั้งนี้ทั้งนั้น นอกจากจะเป็นการสร้างบทพิสูจน์สมรรถนะความประหยัดแล้ว ส่วนหนึ่งยังเรียกได้ว่าเป็นการสนับสนุนนโยบายภาครัฐเช่นกัน ด้วยการเลือกใช้
น้ำมันไบโอดีเซล B10 เป็นเชื้อเพลิงหลักในการทำภารกิจ ซึ่งเป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐาน มาตรฐานใหม่ของประเทศไทย ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากการช่วยลดมลพิษ และลดฝุ่น PM 2.5 อีกด้วย
BEST HI-TECH & SAFETY PPV
ALL-NEW ISUZU MU-X
ALL-NEW ISUZU MU-X เรียกได้ว่า เป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ซึ่งผ่านการพัฒนามาตั้งแต่ยุคสมัยของ ISUZU MU-7 จนประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ความสมบูรณ์แบบขีดสุดอันโดดเด่นด้วยงานดีไซน์ภาพลักษณ์ที่นำเสนอความหรูหราล้ำสมัย
เหนืออื่นใดก็คือ ความก้าวหน้าแห่งเทคโนโลยีที่สามารถคว้ารางวัล BEST HI-TECH & SAFETY PPV ไปครองอย่างภาคภูมิใจ โดยนอกจากเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน เช่น โครงสร้างตัวถังเหล็กกล้า Ultra-High Tensile, ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก Anti-lock Brake System (ABS) พร้อมระบบเสริมแรงเบรก Brake Assist (BA) และระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake-force Distribution (EBD), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว Traction Control System (TCS), ระบบควบคุมการทรงตัวขณะขับขี่ Electronic Stability Control (ESC), ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย Trailer Sway Control (TSC), ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก Brake Override System (BOS), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA), ระบบ ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) และถุงลมนิรภัย SRS Airbags 6 ตำแหน่งแล้ว
ALL-NEW ISUZU MU-X ยังยกระดับความมั่นใจด้วยไฮไลต์ล่าสุด กับระบบความปลอดภัยในชื่อว่า ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE ที่มีการออกแบบให้ทุกระบบทำงานผสานกันเป็นหนึ่ง ผ่านระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่เจเนอเรชันล่าสุด ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ซึ่งใช้นวัตกรรมกล้องหน้าคู่แบบ 3D Imaging Stereo Camera ทำหน้าที่ราวกับดวงตาอัจฉริยะ คอยตรวจจับเส้นถนน และวัตถุด้านหน้าแบบ real time ด้วยความแม่นยำกว่ากล้องเดี่ยวแบบ Mono Camera ผสานด้วยเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน
โดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) นั้น จะประกอบไปด้วย ระบบ ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) ทำหน้าที่ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go, ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning), ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking), ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา BSM (Blind Spot Monitoring), ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
รวมถึง ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam), ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation), ระบบเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ MCB (Multi-Collision Brake), ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ (Parking Aid System) และระบบตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL (Manual Speed Limiter)…นั่นคือทั้งหมดในฐานะเครื่องยืนยันชั้นดี สำหรับเรื่องราวความเหมาะสมระหว่าง ALL-NEW ISUZU MU-X ที่มีต่อรางวัล BEST HI-TECH & SAFETY PPV
BEST CSR PROJECT OF THE YEAR
“ISUZU GIVES WATER…FOR LIFE” PROJECT
“ISUZU GIVES WATER…FOR LIFE” PROJECT (“อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต”) คือกิจกรรมเพื่อสังคมที่กลุ่มอีซูซุในประเทศไทย ยังคงดำเนินการด้วยความภาคภูมิใจอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 จนเข้าสู่ ปีที่ 9 ภายใต้วัตถุประสงค์หลัก คือ การให้ความช่วยเหลือโรงเรียนในจังหวัดต่างๆ ที่ประสบปัญหาเรื่องน้ำ ด้วยการจัดสร้างระบบน้ำดื่มสะอาดแบบครบวงจร ให้กับโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ ตามปณิธานที่ว่า “อีซูซุจะดำเนินโครงการนี้จนกว่าจะไม่มีโรงเรียนในประเทศไทยประสบปัญหาน้ำดื่มสะอาดอีกต่อไป”
โดยมีแรงสนับสนุนทั้งในด้านกำลังทรัพย์ และการส่งทีมสนับสนุนลงพื้นที่สำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อทำการวางแผนติดตั้งชุดอุปกรณ์ขุดเจาะน้ำบาดาลแบบครบวงจร พร้อมระบบกรองน้ำดื่มสะอาดตามมาตรฐาน และการจัดสร้างอาคารผลิตน้ำดื่ม ตลอดจนดำเนินการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์โดยรอบที่ถูกสุขลักษณะ เพื่อให้ได้มีน้ำดื่มสะอาดสำหรับอุปโภคและบริโภค ซึ่งจะช่วยยกระดับให้ทุกชีวิตมีคุณภาพที่ดีขึ้น
ล่าสุดในปีที่ผ่านมา ได้ส่งมอบโครงการเพิ่มเติม ซึ่งประกอบด้วย โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน, โรงเรียนบ้านสองแพรก จังหวัดระนอง, โรงเรียนบ้านโสกกล้า จังหวัดหนองคาย และโรงเรียนสินแร่สยาม จังหวัดราชบุรี รวมทั้งหมดแล้วกว่า 37 จังหวัด
และด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของโครงการที่มุ่งเน้นการทุ่มเทแก้ปัญหาเรื่องน้ำดื่มสะอาดแบบยั่งยืน จึงถือเป็นความเหมาะสมที่สุด สำหรับการได้รับรางวัลแห่งเกียรติยศทั้งในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ เช่น รางวัล “ผู้ประกอบธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคมดีเด่นแห่งเอเชีย 2014” (Asia Responsible Entrepreneurship Awards 2014) สาขาการส่งเสริมสุขภาพ (Health Promotion) เมื่อปี 2557 ณ ประเทศสิงคโปร์, รางวัล “The Great Awards” สาขา “ภาพยนตร์โฆษณาที่สุดแห่งปี” ในงาน “Daradaily the Great Awards ครั้งที่ 4” รางวัล “โครงการเพื่อสังคมยอดเยี่ยมแห่งปี 2559” จากงานประกาศรางวัล “Thailand Top Company Awards 2016” ที่จัดโดยนิตยสาร Business+ และล่าสุดกับรางวัล “องค์กรต้นแบบการทำความดีเพื่อสังคมยอดเยี่ยมแห่งปี 2018” (Best Role Model Organization for Social Contribution of the Year 2018) ในงานประกาศรางวัล Daradaily Awards ครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นรางวัลที่ 10 ของโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต”
รวมถึงรางวัล BEST CSR PROJECT OF THE YEAR จากงาน Thailand Car of The Year ปีล่าสุด ที่กลุ่มอีซูซุในประเทศไทย ยังคงถือครองความเหมาะสมอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง ตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน