Car of the year 2021 – Mazda
Absolutely The Best : Mazda
BEST HATCHBACK UNDER 1,300 c.c.
MAZDA 2 1.3 SP SPORTS
BEST DIESEL SEDAN UNDER 1,600 c.c.
MAZDA 2 XDL
BEST DIESEL SEDAN UNDER 1,600 c.c.
MAZDA 3 2.0 SP SPORTS
BEST PETROL SUV UNDER 2,000 c.c.
MAZDA CX-30 2.0 SP
BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c.
MAZDA CX-8 SKYACTIV-D 2.2 XDL
BEST PETROL SUV UNDER 2,500 c.c.
MAZDA CX-8 G 2.5SP
BEST HATCHBACK UNDER 1,300 c.c.
MAZDA 2 1.3 SP SPORTS
ยังคงเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ถ่ายทอดความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่เรียบง่าย แต่งดงามทั้งภายนอกและภายใน ที่แสดงถึงความรู้สึกหรูหรา โดดเด่น ซึ่งเป็นเหตุผลให้ MAZDA2 1.3 SP SPORTS สามารถคว้ารางวัล BEST HATCHBACK UNDER 1,300 c.c. มาครองได้สำเร็จ ความยอดเยี่ยมจะมีอะไรบ้าง ติดตามได้ใน Car of The Year 2021 ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่ลงตัว สะดวกต่อการใช้งาน
MAZDA2 1.3 SP ได้รับการออกแบบและจัดวางอย่างเหมาะสมกับการใช้งานของมนุษย์เป็นหลัก ตามคอนเซปต์ HMI (Human Machine Interface) ช่วยให้ผู้ขับรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับรถ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ แสดงผลข้อมูลการขับขี่ Active Driving Display และ ปุ่มความคุมอัจฉริยะ Center Commander ที่ถูกจัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ลงตัว รวมถึงการติดต่อสื่อสารอย่างไร้ขีดจำกัดกับ Mazda Connect ที่รองรับทั้ง Apple CarPlay® และ Android Auto™ เชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รวมถึงระบบ Infotainment ที่มีให้เลือกมากมาย พร้อมให้เพลิดเพลินไปตลอดการเดินทาง
ขุมพลังแห่งความประหยัด SKYACTIV 1.3 ลิตร
MAZDA2 1.3 SP มาพร้อมกับเครื่องยนต์ SKYACTIV เบนซิน 1.3 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 93 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตัน-เมตร ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนวลโหมด Activematic ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม และประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร ผลการทดสอบตามมาตรฐานยุโรป UN R101Combine Mode ซึ่งได้รับมาตรฐานไอเสียยูโรระดับ 5
นอกจากนี้ MAZDA2 1.3 SP ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงหรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ ผู้ขับขี่แก้พวงมาลัยน้อยลง ควบคุมรถง่าย และแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถเข้าโค้งและออกจากโค้งได้อย่างนุ่มนวล ลดอาการเมื่อยล้าสะสมจากการขับรถทางไกลของผู้ขับขี่ และการโคลงตัวไปมาของผู้โดยสาร MAZDA2 1.3 SP จึงเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่ให้การตอบสนองดี และขับขี่สนุกที่สุดในคลาส
ระบบความปลอดภัยล้ำสมัย
MAZDA2 1.3 SP มาพร้อมระบบความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ที่เหนือระดับ อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) และระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง, ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเบรก BA, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ DSC, ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS, ระบบแสดงภาพ 360° รอบทิศทาง, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sport Paddle Shift) และกล้องมองหลัง รวมถึงระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP และประหยัดพลังงาน i-ELOOP เพิ่มการขับขี่ไร้กังวลที่ทั้งประหยัดและปลอดภัย
และนี่คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ MAZDA2 1.3 SP ได้รับการคัดเลือกให้เป็น BEST HATCHBACK UNDER 1,300 c.c. ประจำปี 2021 จากคณะผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งนี้
BEST DIESEL SEDAN UNDER 1,600 c.c.
MAZDA2 XDL
ยังเป็นรถที่มีความโดดเด่นและลงตัว ในเรื่องของดีไซน์ MAZDA2 XDL เครื่องยนต์สกายแอคทีฟกรีนดีเซล 1.5 ลิตร ที่การันตีความเป็นสุดยอดด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลที่มีความแรงและความประหยัดได้อย่างเหนือชั้น 26.3 กม./ลิตร ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว จนทำให้คณะกรรมการลงคะแนนอย่างเอกฉันท์ จนสามารถคว้ารางวัล BEST DIESEL SEDAN UNDER 1,600 c.c. ในปี 2021 มาครองได้สำเร็จ ซึ่งความพิเศษมีอะไรบ้าง มาติดตามกัน…
เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ คลีนดีเซล 1.5 ลิตร ที่สุดของความประหยัดและความแรง
MAZDA2 XDL มาพร้อมขุมพลัง เครื่องยนต์ สกายแอคทีฟ คลีนดีเซล 1,500 ซี.ซี. พร้อมเทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้แรงม้าสูงถึง 105 แรงม้า และให้แรงบิดสูง 250 นิวตัน-เมตร พร้อมหัวฉีดโซลินอยด์ ที่ฉีดน้ำมันได้แม่นยำ และมีประสิทธิภาพอัตราส่วนการอัดต่ำ เผาไหม้หมดจด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานข้อบังคับมลพิษระดับ Euro 5 ของยุโรป สามารถประหยัดน้ำมันถึง 26.3 กม./ลิตร โดยส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นอีก ด้วยระบบ i-ELOOP ที่ช่วยเปลี่ยนพลังงานจากการลดความเร็วเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยทำงานร่วมกับระบบ i-Stop ดับเครื่องยนต์เมื่อจอดนิ่ง
ระบบ G-Vectoring Control Plus ควบคุมง่ายขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น
ระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ในรุ่น MAZDA2 จะช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ ผู้ขับขี่แก้พวงมาลัยน้อยลง ควบคุมรถง่าย และแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถเข้าโค้งและออกจากโค้งได้อย่างนุ่มนวล ลดอาการเมื่อยล้าสะสมจากการขับรถทางไกลของผู้ขับขี่ และการโคลงตัวไปมาของผู้โดยสาร MAZDA2 จึงเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ให้การตอบสนองดี และขับขี่สนุกที่สุดในคลาส
เทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE
ที่สุดของความปลอดภัย
MAZDA2 XDL อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ช่วยส่งสัญญาณเตือน หากตรวจพบรถในเลนด้านข้างที่กําลังแซงขึ้นมา และอยู่ในจุดที่ผู้ขับอาจมองไม่เห็น, ระบบ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง ซึ่งจะส่งสัญญาณเสียงเตือน พร้อมไฟกะพริบเตือนที่กระจกมองข้างในขณะขับรถถอยหลัง หากตรวจพบความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุกับรถที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาด้านหลัง และ THE NEXT LEVEL OF EXCITEMENT นวัตกรรมใหม่
สุดล้ำอีกขั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS เพื่อควบคุมสมรรถนะการขับขี่อย่างเหนือชั้น และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ i-Activsense ครบครันด้วยฟังก์ชันที่พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อให้คุณเร้าใจกับทุกเส้นทางที่เป็นตัวเองอย่างไร้ข้อจำกัด ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ที่มีเฉพาะในมาสด้าเท่านั้น
พ่วงด้วยระบบช่วยการทรงตัว DSC (Dynamic Stability Control), TCS (Traction Control System และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist) ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ น้ำหนักในการเหยียบแป้นเบรกสัมพันธ์กับแรงเบรก จึงเบรกให้นุ่มนวลได้ไม่ยาก และมีแรงเบรกในระดับ 4 ล้อ ที่เหมาะสมกับกำลังของเครื่องยนต์ มาพร้อม ABS และ EBD ที่ช่วยกระจายแรงเบรก และระบบ ESS (Emergency Signal System) ไฟฉุกเฉินทำงานอัตโนมัติเมื่อเบรกรุนแรง
นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสาร MAZDA2 XDL ยังได้ออกแบบตามคอนเซปต์ Human-Machine Interface ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน และไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยเวลาขับรถ โดยติดตั้งอุปกรณ์สนับสนุนการขับขี่ที่น่าสนใจ ทั้ง Active Driving Display จอสกรีนใสแสดงข้อมูลการขับขี่ในระดับสายตาของผู้ขับขี่, Sports Paddle Shift ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และ Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และเพิ่มความสะดวกสบายด้านการติดต่อสื่อสารด้วยระบบ Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay แสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ควบคุมด้วย Center Commander ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ จัดวางในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก อยู่ด้านหลังชุดเกียร์ ใกล้มือผู้ขับ
และนี่ก็เป็นบทสรุปโดยรวมว่า ทำไม MAZDA2 XDL ถึงได้เป็น “ที่สุด” ในการรับโหวตจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งนี้ ให้ได้รับรางวัล BEST DIESEL SEDAN UNDER 1,600 c.c.
BEST DIESEL SEDAN UNDER 1,600 c.c.
MAZDA3 2.0 SP SPORTS
นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในกลุ่มรถเซ็กเมนต์ HATCHBACK สำหรับ MAZDA3 2.0 SP SPORTS ที่ได้รับการออกแบบเรียบง่ายแต่มีความหรูที่โดดเด่น พร้อมด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟแพลตฟอร์มเจเนอเรชันใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE ทำงานผสานกับระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงหรือ GVC Plus ที่ช่วยให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารสะดวกสบายยิ่งขึ้น จนได้รับการโหวตมากที่สุดจากคณะกรรมการให้เป็น BEST HATCHBACK UNDER 2,000 c.c. ในปีนี้
เครื่องยนต์ SKYACTIV-G ปรับใหม่ ตอบสนองดีขึ้น
สำหรับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตรของ MAZDA3 ได้รับการพัฒนาก้าวขึ้นไปอีกระดับ ส่งผลให้เครื่อง SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร มีแรงบิดเพิ่มขึ้นจากเครื่องรุ่นก่อนอีก 3 นิวตัน-เมตร ด้วยเทคโนโลยีฉีดเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ผนวกกับหัวฉีดดีไซน์ใหม่ ส่งผลให้มีอัตราส่วนกำลังอัดสูง แรงบิดเพิ่มขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1 ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร* ส่งกำลังผ่านเกียร์ Skyactive-Drive 6 สปีด พร้อมแมนวลโหมด
ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้นจะปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถสามารถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของล้อทั้ง 4 ให้ดียิ่งขึ้น ผู้ขับขี่แก้พวงมาลัยน้อยลง ควบคุมรถง่าย และแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถเข้าโค้งและออกจากโค้งได้นุ่มนวล ลดอาการเมื่อยล้าสะสมจากการขับรถทางไกลของผู้ขับขี่ และการโคลงตัวไปมาของผู้โดยสาร ซึ่งทำงานผสานกับระบบช่วงล่างที่เซตอัพมาใหม่ โดยเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงที่ด้านหน้า และกึ่งอิสระ ทอร์ชันบีม ที่ด้านหลัง ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถรับรู้ถึงความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
MAZDA3 2.0 SP SPORTS มาพร้อมแพลตฟอร์มเจเนอเรชันใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE ที่ได้รับการพัฒนาจากท่วงท่าการเดินของมนุษย์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและมีสมดุล ต่อยอดไปสู่การพัฒนาตัวรถในหลายจุด เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับรถที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ทำให้การควบคุมการขับขี่ทำได้ง่ายและเป็นธรรมชาติเสมือนการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยพัฒนาตั้งแต่ยางรถยนต์ที่ซับแรงกระแทกจากพื้นถนน ขึ้นมาสู่ระบบช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบใหม่ ให้สามารถตอบสนองต่อแรงกระทำจากพื้นถนนได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระจายแรงออกไปสู่โครงสร้างตัวถังอย่างมีประสิทธิภาพ และต่อเนื่องไปถึงผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ผ่านเบาะนั่งที่ได้รับการออกแบบใหม่ เพื่อรักษาความสมดุลให้ใกล้เคียงกับท่วงท่าการเดินของมนุษย์ และช่วยลดความอ่อนล้าจากการขับขี่
ห้องโดยสารที่ออกแบบมาเพื่อการขับขี่โดยเฉพาะ
สำหรับภายในห้องโดยสารของ MAZDA3 2.0 SP SPORTS เลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมียมคุณภาพสูง ผ่านการออกแบบและพัฒนาใหม่ทั้งหมดในทุกรายละเอียด โดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเบาะดีไซน์ใหม่ที่โอบกระชับ รองรับสรีระ ช่วยให้กระดูกเชิงกรานตั้งตรง แนวกระดูกสันหลังคงรูปตัว S เหมือนขณะเดิน เพื่อให้การขับขี่ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติและสมดุล ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่ สะดวกยิ่งขึ้นด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง
แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิทัลแบบ TFT LCD หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน การเชื่อมต่อสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัดด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน สัมผัสกับห้องโดยสารที่เงียบขึ้น และระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
ระบบความปลอดภัยมีทั้งเชิงป้องกัน และช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนถนน
มาสด้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี i-Activsense สำหรับ MAZDA 3 2.0 SP SPORTSได้รับการคิดค้นและพัฒนาขีดความสามารถอย่างจริงจัง โดยเน้นการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ประกอบด้วย
– ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)ทีสามารถควบคุมความเร็ว ของรถ ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
– ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart Brake Support) ที่สามารถตรวจจับรถคันหน้า จักรยาน รวมถึงคนเดินถนน
– ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Smart Brake Support-Reverse Crossing)
– ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert)
– ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Smart Brake Support-Reverse) ที่สามารถตรวจจับวัตถุในวงกว้างและสูงขึ้น ด้วยจำนวนเซ็นเซอร์ที่มากขึ้น
– ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive LED Headlamps) ที่ได้รับการพัฒนาให้ลำแสงละเอียดยิ่งขึ้น
– ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring)
– ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor)
– ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane Keep Assist System)
– ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (Lane Departure Warning System)
– ระบบเตือนเมื่อเกิดความอ่อนล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert)
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Mazda Radar Cruise Control) และปกป้องทันทีจากอุบัติเหตุ ด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง
…และนี่คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ MAZDA3 2.0 SP SPORTS ได้รับการคัดเลือกให้เป็น BEST HATCHBACK UNDER 2,000 c.c. ประจำปี 2021 จากคณะกรรมการผู้เข้าทดสอบ
BEST PETROL SUV UNDER 2,000 c.c.
MAZDA CX-30 2.0 SP
ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องสำหรับ MAZDA CX-30 2.0 SP ครอสโอเวอร์เอสยูวีที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีรุ่นใหม่ และความสะดวกสบายทุกที่นั่งและการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ จึงทำให้ได้รับผลโหวตจากคณะกรรมการให้เป็น “ที่สุด” ของรถยนต์ครอสโอเวอร์เอสยูวี ในการทดสอบ Car of The Year 2021 ซึ่งความโดดเด่นแบบเหนือชั้นจะมีอะไรบ้าง มาติดตามกัน…
การออกแบบที่ลงตัว และมีเอกลักษณ์
MAZDA CX-30 2.0 SP เน้นความเรียบหรูด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแต่โฉบเฉี่ยวและทรงพลัง ภายใต้คอนเซปต์ Less is More ตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกสู่ห้องโดยสาร ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถสัมผัสได้ถึงความพิถีพิถัน รวมถึงการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง เพื่อยกระดับตลาดรถยนต์ครอสโอเวอร์เอสยูวีของประเทศไทย ด้วยความหรูหรา ความเงียบของห้องโดยสาร ความสะดวกสบายทั้งในตำแหน่งขับขี่และผู้โดยสาร รวมไปถึงความปลอดภัยตลอดการขับขี่
สำหรับการออกแบบภายใน MAZDA CX-30 2.0 SP ถูกพัฒนาตามหลักปรัชญา HUMAN CENTRIC PHILOSOPHY ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งที่ออกแบบให้โอบกระชับ รองรับกับสรีระ ช่วยให้กระดูกเชิงกรานตั้งตรง แนวกระดูกสันหลังคงรูปตัว S เหมือนขณะกำลังเดิน พวงมาลัยและคันเร่งได้รับการจัดวางอย่างลงตัว มอบความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับรถ รวมถึงฟังก์ชันและการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถให้อยู่ในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
อัดแน่นด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล TFT LCD หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน การเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัดด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน สร้างอารมณ์สุนทรีย์ ด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง สะดวกสบายตลอดเส้นทางภายในห้องโดยสารที่เงียบ โปร่งสบาย พร้อมหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยเบาะหลังแบบพับได้ 60:40 แยกอิสระจากกัน และประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ขุมพลังของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ขับสนุกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
MAZDA CX-30 2.0 SP มาพร้อมกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC Dual S-VT Electronic Direct Injection ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 165 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดที่ 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมันสูงสุดที่ E85 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 Speed Skyactiv-Drive พร้อมระบบ Manual Mode ขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์ สกายแอคทีฟขนาด 2.0 ลิตร รุ่นล่าสุดของมาสด้า มีการพัฒนาท่อไอดีและรูปทรงของลูกสูบที่เหมาะสม ระบบการฉีดน้ำมัน วาล์วควบคุมน้ำหล่อเย็น เพื่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังมาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE ที่พัฒนาจากท่วงท่าของมนุษย์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและมีสมดุล มอบความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมไปถึงผู้ใช้ถนน อีกทั้งยังมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ GVC Plus ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของล้อทั้ง 4 ให้ดียิ่งขึ้น ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติ ลดการแก้พวงมาลัยน้อยลง ซึ่งจะช่วยลดความอ่อนล้าจากการขับขี่ ผู้โดยสารสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยการโคลงตัวที่ลดลง
ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันเต็มรูปแบบ
มาสด้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี i-Activsense สำหรับ MAZDA CX-30 2.0 SP ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขีดความสามารถอย่างจริงจัง โดยเน้นการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ประกอบด้วย
– ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
– ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า (Cruising & Traffic Support)
– ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ (Advanced Smart Brake Support)
– ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Smart Brake Support-Reverse)
– ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Smart Brake Support-Rear Crossing)
– ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring)
– ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert)
– ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA
– ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control)
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control System)
– ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Launch Assist)
– ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน (Emergency Signal System)
จากความโดดเด่นที่เหนือชั้น ทำให้ MAZDA CX-30 2.0 SP ได้รับการโหวตจากคณะกรรมการว่ามีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งในคลาสเดียวกัน จนทำให้สามารถคว้ารางวัล BEST PETROL SUV UNDER 2,000 c.c. มาครองได้สำเร็จ
BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c.
MAZDA CX-8 SKYACTIV-D 2.2 XDL
ยังเป็นรถ SUV ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในด้านขุมพลัง ประโยชน์การใช้สอย เทคโนโลยีทันสมัยและสมรรถนะในการขับที่มั่นคง ทำให้ MAZDA CX-8 SKYACTIV-D 2.2 XDL กลายเป็นรถ SUV ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการจนมาถึงตอนนี้ และได้รับผลโหวตจากคณะกรรมการให้เป็น BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c. ซึ่งความพิเศษที่มัดใจใครหลายๆ คน จะมีอะไรบ้าง เรามาดูกัน
เน้นการออกแบบที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า
ในการออกแบบ MAZDA CX-8 SKYACTIV-D 2.2 XDL ยังคงความประณีต พิถีพิถัน ภายใต้ปรัชญา KODO Design : Soul of Motion ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม จากคอนเซปต์ “Less is More” เพื่อลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เหลือแต่ความสง่างาม เริ่มตั้งแต่ดีไซน์จากภายนอกสู่ภายในห้องโดยสาร เลือกใช้เฉพาะวัสดุตกแต่งที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น มุ่งเน้นการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่
โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ความสะดวกสบาย สามารถรองรับการใช้งานจริงของผู้โดยสารในทุกตำแหน่ง ที่นั่ง โดยมีรูปแบบของห้องโดยสารที่นั่งให้เลือก ทั้งแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง และแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง สำหรับห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง มาพร้อมเบาะที่นั่งแถวสองแบบ Captain Seat 2 ที่นั่ง แยกซ้าย-ขวา อัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกกับคอนโซลกลางที่เป็นทั้งกล่องเก็บของ ที่วางแก้วน้ำ ช่อง USB สำหรับชาร์จไฟ 2 ช่อง และม่านบังแดดที่ประตูคู่หลัง มอบความสบายระดับเอ็กซ์คลูซีฟ
เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เบาะนั่งในตำแหน่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง มาพร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า และระบบบันทึกตำแหน่งของเบาะ 2 ตำแหน่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri Zone พร้อมแผงควบคุมบริเวณเบาะนั่งแถวที่สอง ระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่าน Center Display จอสีแบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
ส่วนห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง มาพร้อมกับเบาะที่นั่งแถวสองแบบ 3 ที่นั่ง สามารถปรับพับแยกได้แบบ 60:40 พร้อมพนักวางแขน ที่วางแก้วน้ำ และช่อง USB สำหรับชาร์จไฟ 2 ช่อง ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับครอบครัวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเบาะที่นั่งแถวสามของทั้ง 2 แบบ รองรับผู้โดยสารที่มีความสูงได้ถึง 170 ซม. และสามารถปรับพับแยกได้อย่างแบนราบแบบ 50:50 เพื่อมอบพื้นที่ในการวางสัมภาระ การตกแต่งภายในห้องโดยสารเลือกใช้สีโทนเข้ม วัสดุตกแต่ง Real Wood ผสมผสานกับสีเงินซาตินโครม มาพร้อมเบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red ตัดเย็บอย่างประณีตด้วยเส้นด้ายสีน้ำตาลเข้ม
ขุมพลังดีเซล ประหยัด ขับสนุก ทุกการใช้งาน
MAZDA CX-8 SKYACTIV-D 2.2 XDL มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร (SKYACTIV-D 2.2) ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาใหม่ พร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งกว่าเดิมในทุกรอบความเร็ว ให้แรงม้าสูงสุดถึง 190 แรงม้า ต่อ 4,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดถึง 450 นิวตันเมตร ต่อ 2,000 รอบต่อนาที โดยในรุ่น XDL EXCLUSIVE มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ i-ACTIV AWD ที่ช่วยปรับระบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพถนน และประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.5 กิโลเมตรต่อลิตร
นอกจากนี้ MAZDA CX-8 SKYACTIV-D 2.2 XDL อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ
i-Activsense รอบคัน ที่จะช่วยคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยระบบความปลอดภัยที่มีการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert) นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Mazda Radar Cruise Control) อีกทั้งยังช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ขณะเดินทางไกล ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support) ที่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับคนเดินถนน เพิ่มความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ใช้ถนน
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา นี่คือความคุ้มค่าแบบเหนือชั้น ซึ่งเหล่าคณะกรรมการผู้ทดสอบได้ลงความเห็นให้ MAZDA CX-8 SKYACTIV-D 2.2 XDL คือรถที่คุ้มค่า และเหมาะสมกับรางวัล BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c. มากที่สุดในการทดสอบ Car of The Year 2021
BEST PETROL SUV UNDER 2,500 c.c.
MAZDA CX-8 G 2.5SP
MAZDA CX-8 2.5 SP นับเป็นหนึ่งในรถ SUV ที่เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่หรูหราตอบสนองได้ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น การใช้งานที่ลงตัว ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร แถมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน จนทำให้คณะกรรมการลงความเห็นว่า นี่คือรถที่ทรงคุณค่าในการใช้งานทุกด้าน จนได้รับผลโหวตให้เป็น BEST PETROL SUV UNDER 2,500 c.c. ใน Thailand Car of The Year 2021
การออกแบบที่ครอบคลุม เน้นการใช้งาน
MAZDA CX-8 2.5 SP ได้ออกแบบเน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม จากคอนเซปต์ “Less is More” เพื่อลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เหลือแต่ความสง่างาม เริ่มตั้งแต่ดีไซน์จากภายนอกสู่ภายในห้องโดยสาร เลือกใช้เฉพาะวัสดุตกแต่งที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น มุ่งเน้นการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่
โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ความสะดวกสบาย สามารถรองรับการใช้งานจริงของผู้โดยสารในทุกตำแหน่งที่นั่ง ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง มาพร้อมกับเบาะที่นั่งแถวสองแบบ 3 ที่นั่ง สามารถปรับพับแยกได้แบบ 60:40 พร้อมพนักวางแขน ที่วางแก้วน้ำ และช่อง USB สำหรับชาร์จไฟ 2 ช่อง ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับครอบครัวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเบาะที่นั่งแถวสามของทั้ง 2 แบบ รองรับผู้โดยสารที่มีความสูงได้ถึง 170 ซม.
และสามารถปรับพับแยกได้อย่างแบนราบแบบ 50:50 เพื่อมอบพื้นที่ในการวางสัมภาระ การตกแต่งภายในห้องโดยสารเลือกใช้สีโทนเข้ม เบาะนั่งในตำแหน่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง มาพร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า และระบบบันทึกตำแหน่งของเบาะ 2 ตำแหน่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri Zone พร้อมแผงควบคุมบริเวณเบาะนั่งแถวที่สอง ระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่าน Center Display จอสีแบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
ขุมพลังของเครื่องยนต์ สกายแอคทีฟ เบนซิน 2.5 ลิตร
ตอบสนองทุกการใช้งาน
MAZDA CX-8 2.5 SP มาพร้อมกับเครื่องยนต์ สกายแอคทีฟ เบนซิน 2.5 ลิตร แบบ 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร (SKYACTIV-G 2.5) ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาใหม่ พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองดียิ่งขึ้น ให้แรงม้าสูงสุดถึง 194 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 258 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมแมนวลโหมด Activematic ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า เน้นการพัฒนาให้มีความแรง แต่ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รองรับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 E10 และ E20
ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
MAZDA CX-8 2.5 SP มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense รอบคัน ที่จะช่วยคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยระบบความปลอดภัยที่มีการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert) นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Mazda Radar Cruise Control) อีกทั้งยังช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ขณะเดินทางไกล, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support) ที่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับคนเดินถนน เพิ่มความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ใช้ถนน
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือบทสรุปของ MAZDA CX-8 2.5 SP ถึงได้เป็น “ที่สุด” ในการรับโหวตจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งนี้ให้ได้รับรางวัล BEST PETROL SUV UNDER 2,500 c.c.