เปิดปากครั้งแรก! คาร์ลอส กอส์น สาวไส้ผู้บริหารนิสสัน-จนท.รัฐบาลญี่ปุ่นจัดฉากยัดข้อหาทุจริต
ปรากฏตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก คาร์ลอส กอส์น อดีตประธานใหญ่กลุ่มพันธมิตรรถยนต์ เรโนลต์-นิสสัน-มิตซูบิชิ เปิดแถลงข่าวหลังหลบหนีออกจากญี่ปุ่น เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา สาวไส้ผู้บริหารนิสสัน มอเตอร์ หวั่นสูญเสียอำนาจหากถูกจับยุบรวมเป็นบริษัทเดียว แอบวางแผนกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลซามูไรเพื่อทำลายชื่อเสียงของเขาด้วยการยัดข้อหายักยอกเงิน 5,000 ล้านเยน (ราว 1.46 พันล้านบาท) โดยย้ำพร้อมต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ หากได้รับการตัดสินอย่างยุติธรรม
กอส์น กลายเป็นข่าวใหญ่ส่งท้ายปี 2019 หลังหลบหนีออกจากประเทศญี่ปุ่นด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวสู่กรุงเบรุต เมืองหลวงของประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางความตกตะลึง และไม่พอใจของทางการแดนซามูไร แม้กระทั่งทีมทนายความของเขาที่เป็นผู้เก็บพาสปอร์ตทั้ง 3 เล่มเอาไว้ตามเงื่อนไขการประกันตัว ก็ไม่อาจให้คำตอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังจาก 1 สัปดาห์ที่ได้รับอิสรภาพในกรุงเบรุต เมืองที่เขาเติบโตมาในวัยเด็ก อดีตผู้ทรงอิทธิพลของอุตสาหกรรมรถยนต์โลก ปรากฏตัวในชุดสูทที่คุ้นตากับเนคไทสีชมพู ผมสีดำขลับของเขาเปลี่ยนเป็นสีเทาที่ถูกปัดไปข้างเดียว ก่อนจะทักทายกองทัพนักข่าวจากทั่วโลกด้วยภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส และอาราบิก พร้อมเปิดใจครั้งแรกว่า “ผมเฝ้ารอช่วงเวลานี้มาตลอดในทุกๆ วัน ตลอดระยะเวลากว่า 400 วัน นับตั้งแต่ผมถูกฉุดกระชากอย่างโหดร้ายออกจากโลกที่ผมเคยรู้จัก ตัดขาดจากครอบครัวของผม, เพื่อนๆ, วงสังคม, จากเรโนลต์, นิสสัน และมิตซูบิชิ รวมทั้งผู้คนกว่า 450,000 ทั้งหญิง และชายที่ทำงานให้กลุ่มบริษัทนี้”
“มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอธิบายความรู้สึกที่ถูกลิดรอนเสรีภาพ และความรู้สึกซาบซึ้งยินดีของผมที่สามารถกลับมาเจอครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา รวมทั้งบรรดาคนที่ผมรัก ในวันนี้ยังถือเป็นการย้ำเตือนความทรงจำเมื่อ 1 ปีก่อนที่ผมปรากฏตัวต่อหน้าพวกคุณหลายคน รวมทั้งผู้พิพากษาญี่ปุ่น และอัยการในกรุงโตเกียว โดยผมได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ระหว่างที่ถูกจับใส่กุญแจมือที่มีสายรัดรอบเอวระหว่างนำตัวของผมเข้าสู่ห้องพิจารณาคดี”
หลังจากกล่าวจบ กอส์น เริ่มต้นเผยเบื้องหลังกระบวนการยุติธรรมญี่ปุ่นที่เขากล่าวหาว่าไร้ความเป็นกลาง โดยอัยการที่ดูแลคดีนี้พูดข่มขู่ให้ยอมรับสภาพเพื่อจะไม่ได้ต้องเผชิญสถานการณ์ที่เลวร้ายมากกว่าเดิม “เขาบอกให้ผมยอมรับสารภาพผิด และทุกอย่างจะจบลง ถ้าหากไม่ยอมทำตามจะไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นที่ถูกเล่นงาน แต่พวกเขาบอกว่าจะจัดการครอบครัวของผมด้วย”
อ่านเพิ่มเติมคลิก: วิเคราะห์เส้นทางหนี คาร์ลอส กอส์น
อดีตผู้บริหารคนดังถูกจับบนเครื่องบินส่วนตัวที่สนามบินฮาเนดะ ในกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2018 เล่าถึงช่วงเวลาโหดร้ายระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำว่าเขาต้องอยู่ในห้องขังที่มีขนาดเล็กปราศจากหน้าต่าง ถูกปล่อยตัวให้ออกไปเดินข้างนอก 30 นาทีต่อวัน และต้องทนอยู่ในห้องขังเท่านั้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยเหตุผลว่าเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ โดยได้สิทธิ์อาบน้ำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และไม่ได้พูดคุยกับใครเลยเป็นเวลา 6 วันในช่วงหยุดเทศกาลปีใหม่ที่แล้ว รวมถึงการห้ามใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ และมีโอกาสพบล่ามเพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น
ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงของการแถลงข่าว กอส์น นำเสนอเอกสารหลักฐานต่างๆ บนจอโปรเจ็กเตอร์ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนเพื่อโค่นเขาลงจากตำแหน่งประธานกลุ่มพันธมิตร Alliance และตำแหน่งบอสใหญ่ของนิสสัน มอเตอร์ ที่ตอนนี้กลายเป็นฝ่ายที่กำลังเผชิญความย่ำแย่อย่างหนัก
“ในช่วงเวลาที่ผ่านมามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของนิสสัน ลดลงมากกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 3 แสนล้านบาท) เช่นเดียวกับเรโนลต์ ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีเท่าไรนัก ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ลดลงกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1.5 แสนล้านบาท) หากมองในฐานะผู้ถือหุ้นนิสสัน พวกเขาคงอยากจะถามว่าใครควรได้รับการปกป้องมากกว่า?”
ทำให้กอส์น เชื่อว่าการที่เขาถูกจับกุมข้อหายักยอกเงินเป็นการวางแผนระหว่างผู้บริหารระดับสูงของนิสสัน มอเตอร์ โดยมีสาเหตุจากการที่ผลประกอบการของบริษัทกำลังถดถอย “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างนิสสันกับอัยการ เท่าที่ผมรู้ไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนส่งคุณเข้าคุกด้วยข้อกล่าวหาลักษณะนี้ แม้ว่าเขาจะกระทำผิดจริงก็ตาม”
กอส์น ยอมรับว่าการที่เขาต้องเผชิญข้อกล่าวหาที่เลวร้ายมาจากแผนการก่อตั้งบริษัทเพื่อการลงทุน (Holding Company) เพื่อนำนิสสัน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรโนลต์ โดยจะยุบรวมบอร์ดบริหารเหลือเพียงชุดเดียว แต่ยังปล่อยอำนาจการบริหารอย่างอิสระแยกจากกันเหมือนเดิม
จากนั้นกอส์น เปิดเผยชื่อ 6 บุคคลที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการวางแผนทำลายชื่อเสียงของเขา และ 1 ในนั้นคือ ฮิโรโตะ ไซคาวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารนิสสัน มอเตอร์ ที่เปรียบเสมือนศิษย์รักของเขา โดยอดีตผู้บริหารคนดังยืนยันว่าเขาจะขอต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ พร้อมตอบคำถามว่าเขาจะใช้ชีวิตที่เหลือในฐานะนักโทษหนีคดีว่า “ผมรู้ดีถึงสิ่งที่คุณเรียกว่า Mission Impossible ผมพร้อมจะต่อสู้คดีในทุกแห่งบนโลกนี้หากผมได้รับการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรม ผมพร้อมจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และนั้นคือสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผม”
นอกจากนี้กอส์น ตอบโต้ข้อกล่าวหาสำคัญอย่างการได้รับประโยชน์จากการนำเงินบริษัทไปซื้อบ้านในเมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล และกรุงเบรุต ด้วยการนำเสนอเอกสารยืนยันว่าทั้งหมดได้รับการอนุมัติจากบอร์ดบริหารนิสสัน รวมทั้งข้อหานำงบประมาณบริษัทไปใช้ในทางที่ผิดจัดงานปาร์ตี้หรูที่พระราชวังแวร์ซายส์ ในกรุงปารีส เมื่อปี 2016 เพื่อฉลองการแต่งงานกับคาโรล ภรรยาคนที่ 2 และวันเกิดอายุ 50 ปีของเธอ “เราเป็นสปอนเซอร์หลักของแวร์ซายส์ มาตลอด และความยิ่งใหญ่ของแวร์ซายส์ เหมาะสมกับภาพลักษณ์ของกลุ่มพันธมิตรของเรา”
อย่างไรก็ตามเรื่องที่ทุกคนอยากรู้มากที่สุดคือวิธีการที่กอส์น ใช้หลบหนีออกจากบ้านพักในกรุงโตเกียว เพื่อมาขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่สนามบินในเมืองโอซาก้า เพื่อเดินทางสู่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องเพื่อบินสู่กรุงเบรุต โดยเขาปฏิเสธจะพูดถึงรายละเอียดพร้อมบอกว่าการแถลงข่าวครั้งนี้เพื่ออธิบายเหตุผลที่ต้องหนีออกจากประเทศญี่ปุ่น และหนึ่งในคำถามที่ทุกคนอยากรู้มากที่สุดว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในกล่องเครื่องดนตรีเพื่อเลี่ยงการตรวจจับของกล้องวงจรปิดเป็นความจริงหรือไม่ อดีตผู้บริหารคนดังยิ้มรับ ก่อนจะขอคำถามใหม่จากนักข่าวแทน
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: NY Times
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th