เอาละ ไม่อินโทรนานแล้วกัน ใส่กันเนื้อๆ เลยดีกว่า ในตอนนี้ ระบบเบรกแบบ ABS หรือ Anti – Lock Brake System คือ “ระบบป้องกันล้อล็อก” มันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานกันไปแล้ว ย้อนไปในสมัยที่ยังไม่มี ABS เกิดเหตุต้องเบรกฉุกเฉิน คนขับกระทืบเบรกด้วยสัญชาติญาณ จะเกิดอาการ “ล้อล็อก” เอี๊ยดดดดดดดดดดดด ล้อหยุดครับ ...

ในเรื่อง “นิสัยการเบรก” นั้น มันมีผลมากกับการขับรถ ถ้าเราใช้เบรกได้ไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการเบรกของรถ “ลด” ลง แม้ว่าตัวรถจะไม่มีปัญหาใดๆ เลยก็ตาม “คนขับ” จึงมีส่วนสำคัญมากๆ ในการควบคุมเบรก รถมันไม่ได้เบรกเองครับ เรานี่แหละต้อง “ควบคุมด้วยตัวเอง” แม้ว่าตัวรถจะมีระบบช่วยเหลือเบรกอะไรต่างๆ มากมายก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องปลอดภัยเสมอ

ต่อเนื่องจากคอนเซ็ปต์ คำว่า “รู้อะไรไม่สู้ รู้งี้ !!!” ผมก็จะหมายถึงประมาณว่า “การกระทำที่เกิดจากความไม่รู้ รู้ไม่ถ่องแท้ รู้มาแบบผิดๆ” อะไรก็ตาม ที่ส่งผลถึงพฤติกรรมการขับรถหรือใช้รถที่เสี่ยงต่ออันตรายได้ เราไม่ได้มาแฉหรือ Bully อะไรทั้งสิ้น แต่จะมาเล่าสู่กันฟังให้ท่านได้ทราบ และปรับเปลี่ยนให้ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยอย่างสูงสุดครับ สำหรับเนื้อหาต่อไปนี้ จะพูดเกี่ยวกับ

หลังจากที่พูดกันถึงการวางของไว้บนหน้าปัดรถแล้วเมื่อครั้งก่อน เราก็นึกไปถึงนิสัยการชอบวางของกองไว้บน “แผงลำโพงหลัง” หรือภาษาบ้านเราว่า “แผงซาวด์” มาจาก Sound Concept เป็นศัพท์ร้านเครื่องเสียงสมัยก่อนชอบเรียกกัน จริงๆ แล้ว ถ้าเป็นสากล ต้องเรียกว่า Rear Speaker Deck อย่าไปบอกฝรั่งว่าแผงซาวด์ๆ ฝรั่งงงแน่นอน…

รู้อะไรไม่สู้ รู้งี้ !!! คำนี้ผมชอบมากๆ เลย เพราะมันเป็น “สัจธรรมมนุษย์” ที่มักจะไม่คิดอะไรล่วงหน้า อยากทำอะไรก็ทำ ต้องรอเห็ดเกิด เอ้ย เหตุเกิด เสียก่อน จนสร้างความเสียหาย แล้วก็มาอุทาน “รู้งี้ ไม่ทำหรอก” นี่แหละครับ เลยทำให้ต้องบอกกล่าววิธีป้องกันกันก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายแรงจนสายเกินแก้…

การปรับเบาะนั่งเวลาขับรถเป็นเรื่องพื้นฐานที่หลายคนมักจะไม่สนใจ เพราะการปรับเบาะนั่งให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในระหว่างการขับ นอกจากจะช่วยเพิ่มความสบายและคลายความเมื่อยล้าในระหว่างการขับรถแล้ว

เมืองไทยกับเรื่องของน้ำท่วมขังหลังจากฝนตกหนัก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่สามารถพบเจอได้กันเป็นประจำ

ปัจจัยที่ทำให้ยางรถยนต์แบนและไม่สามารถเดินทางต่อไปได้มีหลายอย่าง แต่บางเหตุผลไม่จำเป็นถึงขนาดต้องลงแรงเปิดฝากระโปรงหลัง ดึงแผ่นรองพื้นขึ้น ยกแม่แรง ยางอะไหล่ รวมถึงกากบาทขันน็อตล้อออกมา

รถยุคใหม่ล้วนมีกระจกหน้าต่างหรือกระจกไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ดูเหมือนว่าการใช้งานจะไม่มีอะไรซับซ้อน สะดวกแค่กดปุ่มขึ้น-ลง ใช้ได้หลายปีกว่าจะเสีย เมื่อเสียก็เปลี่ยนหรือซ่อมกันไป

คงไม่มีใครอยากเจอกับเหตุการณ์วิกฤติอย่างเช่นการลากรถบนท้องถนน แต่ถ้าถึงคราวจำเป็นเราก็ต้องลากเพื่อให้รถไปถึงอู่หรือที่หมาย แต่ถ้าคิดว่าแค่ลากส่งๆ ไปให้ถึงอู่โดยไม่เข้าใจถึงรูปแบบของรถ รับรองเลยว่ารถ “พัง” เพิ่มขึ้นแน่นอน