เทรลเบลเซอร์ Z71 ยิ่งเลอะ ยิ่งรีดสมรรถนะ
เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ รุ่นนี้เป็นการปรับลุคให้ดูสปอร์ตดุดัน ทรงพลังและพรีเมียมมากขึ้น พ่วงท้ายด้วยรหัส “Z71” (ซี เซเว่นตี้วัน) กลายเป็นการเติมความสมบูรณ์แบบให้กับเจ้าเอสยูวีคันนี้ ด้วยลุคที่สะดุดตาพร้อมกับสมรรถนะที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นในเมืองและนอกเมือง มันช่างตอบโจทย์สำหรับคนชอบลุยจริงๆ กับ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ Z71 (Chevrolet Trailblazer Z71) คันนี้
สำหรับเทรลเบลเซอร์ Z71 มีคุณสมบัติอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง มาไล่เรียงกันจากตัวถังกันก่อน เริ่มจาก…
- กระจังหน้าใหม่ ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา
- ไฟหน้า พร้อมไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวันแบบแอลอีดี
- กระโปรงหน้าตกแต่งด้วยสติกเกอร์สีดำด้าน
- กระจกมองข้าง พร้อมมือเปิดประตูสีดำ
- ตกแต่งประตูด้วยคิ้วกันกระแทกสีดำ
- สติกเกอร์ Z71 4X4 ที่ฝากระโปรงท้าย
- ล้ออัลลอยสีดำสไตล์สปอร์ตใหม่ขนาด 18 นิ้ว
- คิ้วขอบหน้าต่างสีดำ / เสาหลังคากลางสีดำเงา
- มีสีตัวถังให้เลือก 8 สี คือ สีน้ำเงิน Blue Me Away, สีขาว Abalone White, สีขาว Summit White, สีเงิน Switchblade Silver, สีเทา Satin Steel Gray, สีน้ำตาล Auburn Brown, สีแดง Pull Me Over Red และ สีดำ Black Meet Kettle
ส่วนภายในห้องโดยสารเพิ่มเติมรายละเอียดเข้าไปให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น..
- คอนโซลกลางและแผงคอนโซลหน้าใหม่
- เบาะที่นั่งใหม่หุ้มหนัง ตกแต่งด้วยสีดำ Jet Black
- จอมาตรวัดพร้อมภาษาไทย
- ปรับตำแหน่งของสวิทช์เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นและถูกต้องเหมาะสมกับการใช้งาน
- ออกแบบและจัดวางห้องโดยสารใหม่ ให้เหมาะกับการใช้งาน
- หัวหมอนรองศีรษะเบาะที่นั่งคู่หน้าปักลาย Z71 4X4
- ลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร
ในส่วนของขุมพลัง ยังคงเป็นเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ รหัส XLDE25 เครื่องยนต์บล็อก 4 สูบแถวเรียง เพลาลูกเบี้ยวคู่เหนือฝาสูบ 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุ 2,499 ซีซี คอมมอนเรลเทอร์โบ ไดเรคอินเจคชั่น พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน Variable Geometry Turbocharger (VGT) และอินเตอร์คูลเลอร์ แรงม้าสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที และมีแรงบิด 440 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แถมยังมีศักยภาพในการลากจูงถึง 2,950 กก. สำหรับรถพ่วงที่มีเบรก และ 750 กก. สำหรับรถพ่วงที่ไม่มีเบรก ทรงพลังจริงๆ
โดยแชสซีส์นั้นมีการติดตั้งยางรองแท่นเครื่องยนต์แท่นเกียร์และยางรองตัวถังใหม่ เพื่อลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือน เสริมด้วยระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันและระบบป้องกันการลื่นไถล และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแร็กแอนด์พีเนียน ผ่อนแรงด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Power Steering) ช่วยปรับน้ำหนักแปรผันตามความเร็ว ที่มีน้ำหนักเบาช่วยให้ขับได้ง่ายและเบามือเมื่อใช้ความเร็วต่ำหรือขณะจอดรถ อีกทั้งระบบพวงมาลัยไฟฟ้านี้จะมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อขับด้วยความเร็วสูง แต่ไม่หนักจนเกินไป ค่อนข้างเหมาะกับสาวๆ มากเลยทีเดียว ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระ ปีกนกสองชั้นพร้อมคอยล์สปริงและช็อกอัพแก๊ส ด้านหลังแบบ 5 ลิงค์พร้อมคอยล์สปริงและช็อกอัพแก๊ส ให้ความรู้สึกนุ่มนวลแต่ยึดเกาะถนนมากกว่าเดิม ด้านระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรก ขนาด 300 มม. พร้อมครีบระบายความร้อน และด้านหลังแบบดิสก์เบรก ขนาด 318 มม.พร้อมครีบระบายความร้อนเช่นกัน และหม้อลมเบรกขนาด 10.5 นิ้ว
ด้านความสะดวกสบาย ยังคงจัดเต็มด้วยฟังก์ชั่นรีโมท สตาร์ท ที่สั่งเครื่องยนต์ให้ทำงานได้แม้จะอยู่ห่างจากรถถึง 100 เมตร และยังปรับอุณหภูมิอัตโนมัติให้อีกด้วย , กระจกหน้าต่างคู่หน้าจะเลื่อนลงเล็กน้อยเพื่อช่วยในการปิดประตูให้ง่ายยิ่งขึ้น, ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา (Side Blind Zone Alert), ระบบแจ้งเตือนการจราจรขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert), เซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝน, ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ, เซนเซอร์ตรวจจับวัตถุขณะจอดรถด้านหน้าและด้านหลัง, กล้องมองหลัง, ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร (Lane Departure Warning), ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Alert), ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง, ถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่า (สำหรับผู้ขับขี่), ระบบแจ้งเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัย สำหรับผู้โดยสารแถวสอง, ระบบสื่อสารบันเทิง หน้าจอสีขนาด 8 นิ้ว ระบบสัมผัส พร้อมระบบแผนที่นำทางรองรับการเชื่อมต่อสื่อสารกับโทรศัพท์ ผ่านแอปเปิล คาร์เพลย์ (Apple Car Play) และแอนดรอยด์ ออโต้ (Android Auto)
ส่วนระบบความปลอดภัย จัดให้ทั้งคานกันกระแทกด้านข้าง, ถุงลมนิรภัยคู่หน้าพร้อมถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก(ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบช่วยการเบรกกะทันหัน (PBA), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC), ระบบป้องกันการลื่นไถลทั้งขณะออกตัวและในโค้ง (TCS), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC), ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (HSA), ระบบรักษาเสถียรภาพขณะลากจูง (Trailer Sway Control) และระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (Anti-Rolling Protection)
ในเรื่องของการใช้งานจริง ทริปนี้ทางเชฟโรเลตจัดให้ขับกันที่ จ.เชียงราย ผ่านเส้นทางวัดม้าทอง มุ่งสู่มณีเทวา รีสอร์ท เพื่อแวะพักรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนที่จะขับขึ้นเหนือสู่ดอยตุง และขับขึ้นฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ แล้วจบด้วยเส้นทางสู่แม่น้ำโขงบริเวณสามเหลี่ยมทองคำและเข้าพักที่โฟร์ซีซันส์ เต็นท์ แคมป์ ซึ่งมีเส้นทางทั้งบนถนนหลวงและทางออฟโรดอีกพอประมาณให้ได้สัมผัสถึงการทำงานที่รวดเร็วของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ไว้ใจได้ในทุกสถานการณ์
เดิมทีผู้เขียนคุ้นเคยกับเทรลเบลเซอร์ตั้งแต่รุ่นแรก เมื่อได้ลองขับในรุ่น Z71 นี้ ทำให้สัมผัสได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนในส่วนของสมรรถนะการขับขี่ ด้วยพละกำลังของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังถือว่าทำได้ประทับใจเช่นเดิม แม้ว่าอัตราเร่งในช่วงต้นจะไม่ได้จัดจ้าน แต่โดยรวมแล้วทำความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง สัมพันธ์กับพวงมาลัยไฟฟ้าที่มีน้ำหนักเบาและช่วยให้บังคับควบคุมได้ง่ายขึ้น การปรับถ่วงน้ำหนักของพวงมาลัยทำได้ดี ให้การตอบสนองที่แม่นยำ โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชอบขับรถคันใหญ่น่าจะชอบพวงมาลัยไฟฟ้าของเจ้า Z71 คันนี้
ด้านระบบช่วงล่างนั้นปรับแต่งได้มีความพอดี นุ่มนวลมากกว่าเดิมและให้ความแข็งเล็กน้อยพอสัมผัสได้นิดๆ แต่เวลาที่ขับเข้าโค้งกลับไม่ทำให้ตัวรถโยนหรือโคลง ตรงนี้ช่วยให้ผู้โดยสารด้านหลังสบายใจขึ้นเยอะ รวมทั้งการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารที่ดีขึ้นกว่าเดิม เสียงเครื่องยนต์และเสียงลมปะทะดังเข้ามาน้อยลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
อีกเรื่องที่ต้องชมจริงๆ คือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ต้องขับผ่านเส้นทางวัดม้าทอง มุ่งสู่มณีเทวา รีสอร์ท มีเส้นทางที่เป็นดินลูกรังและเป็นเนินสูง แถมยังมีฝนตกลงมาตลอดทั้งคืน ทำให้พื้นถนนนั้นเปียก เละ ลื่นและเป็นร่องน้ำ เทรลเบลเซอร์ Z71 กระโจนพุ่งขึ้นเนินสูงที่ค่อนข้างชันด้วยระบบขับเคลื่อนสองล้อแล้วไปติดอยู่กลางทาง ล้อหมุนฟรี ปั่นให้ดินโคลนกระเด็นเลอะเต็มคัน ทำให้ต้องปรับเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยการปรับหมุนปุ่มที่อยู่ถัดจากคันเกียร์ลงมา ซึ่งระบบทำงานได้ค่อนข้างเร็ว เมื่อจอแสดงผลที่แผงมาตรวัดแจ้งว่าระบบขับเคลื่อนพร้อมทำงานแล้ว เมื่อกดคันเร่งเล็กน้อยล้อทั้งสี่แข็งขันช่วยกันตะกุยพื้นผิวที่ชุ่มและลื่น ส่งเสียงคำรามพอประมาณ รถค่อยๆ เคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู่เนินชันได้อย่างสบายใจทั้งคนขับและผู้โดยสาร ซึ่งนี่แหละยิ่งใช้งานในพื้นที่ทุรกันดารหรือต้องสมบุกสมบันถึงจะรีดสมรรถนะออกมาได้อย่างชัดเจน
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นรถเอสยูวีที่ปรับหน้าตาให้ดูพรีเมียม สปอร์ต ดุดันมากขึ้น พร้อมด้วยสมรรถนะที่ยังคงไว้ใจได้เหมือนเดิม อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 10-12 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นความสิ้นเปลืองที่ยอมรับได้ เป็นอีกหนึ่งเอสยูวีที่น่ามองไว้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ซึ่งเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ Z71 มีราคาจำหน่ายที่ 1,499,000 บาท ส่วนสีขาวเมทัลลิก Abalone White Metallic ต้องจ่ายเพิ่มอีก 10,000 บาท แต่สำหรับ Z71 คันนี้ ขอแนะนำสีดำ Black Meet Kettle จะเหมาะมากๆ …อยากให้ลองขับดูแล้วจะรู้ว่าดียังไง.
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th