รู้จักเทคโนโลยี REEV–ไปได้ไกลกว่าด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าลูกผสมที่พัฒนาขึ้นใหม่
ในช่วงปีที่ผ่านมามีการพูดถึงกลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle: NEV) มากขึ้น โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Battery Electric Vehicle: BEV) เหมือนที่ผ่านมา แต่กลายเป็นพลังงานไฮบริดที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น จนกลายเป็นรถยนต์ทางเลือกใหม่กับระบบขับเคลื่อน REEV รถยนต์ไฟฟ้า
หากพูดตามหลักวิชาการเทคโนโลยี REEV (Range-Extended Electric Vehicle) เป็นการนำเครื่องกำเนิดพลังงานหรือเครื่องปั่นไฟฟ้าสำรอง – Auxiliary Power Unit (APU) – ที่ปกติจะถูกใช้งานในเครื่องบินพาณิชย์มาย่อขนาดลงเพื่อสามารถใช้งานในรถยนต์ทั่วไป โดยจะใช้เครื่องยนต์สันดาป (ICE) ทำหน้าที่ปั่นไฟเพื่อเก็บพลังงานในแบตเตอรี่ ก่อนจะส่งผ่านสู่มอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนเหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้า BEV ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนในปัจจุบัน
ทำให้บางครั้ง REEV อาจจะถูกเรียกอีกในชื่อหนึ่งว่า EREV (Extended-Range Electric Vehicle) โดยถูกจัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ไฮบริด Series Hybrid แต่รถยนต์ REEV ที่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) แม้ว่าระบบขับเคลื่อนจะตรงกันข้ามในทุกด้านทั้งขนาดเครื่องยนต์, ปริมาณถังน้ำมัน และขนาดแบตเตอรี่ก็ตาม
สำหรับวงการรถยนต์เมืองไทย เทคโนโลยี REEV ถูกพูดถึงอย่างเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรก น่าจะเป็นตอนที่ Chevrolet แบรนด์รถสัญชาติอเมริกัน ลองนำ Volt คอมแพ็กต์แฮตช์แบ็กเข้ามาให้สื่อมวลชนไทยได้ทดลองขับในสนามโกคาร์ทของมอเตอร์สปอร์ตแลนด์ (แดนเนรมิตเก่า) เมื่อประมาณปี 2012 แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่อาจเข็นโปรเจ็กต์นี้ให้กลายเป็นจริง และเจ้ารถคันนี้ก็กลายเป็นอดีตไปพร้อมกับ Chevrolet ที่ตัดสินใจถอนตัวจากประเทศไทย เมื่อปี 2020
ส่วนหนึ่งของความล้มเหลวที่ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของอเมริกันต้องเผชิญตอนนั้น ต้องยอมรับว่าพวกเขา “มาก่อนเวลา” ตอนนั้นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV อาจจะเป็นที่รู้จักบ้างแล้ว แต่ผู้ใช้รถยนต์ส่วนใหญ่ยังมองว่าไม่มีความจำเป็น และเทคโนโลยี REEV ต้องใช้ต้นทุนในการผลิตสูงกว่ารถยนต์ไฮบริด (ทั้งแบบ Series Hybrid และ Mild Hybrid) ที่มีขายอยู่แล้วในตอนนั้น รวมทั้งรัฐบาลไทยไม่ได้สนใจสนับสนุนรถยนต์พลังงานทางเลือกแบบนี้เท่าไรนัก
แต่เมื่อย่างเข้าสู่ทศวรรษใหม่ แรงกดดันจากทั้งองค์กรสิ่งแวดล้อม, เหตุการณ์สภาวะโลกร้อน, การใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป และความพยายามที่จะให้รถยนต์ทุกคันที่ขายในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) เปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ทั้งหมดภายในปี 2030 ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งฝั่งยุโรป, ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ พยายามเร่งพัฒนาเทคโนโลยีพลังไฟฟ้า
แต่สุดท้ายด้วยปัญหาต้นทุนแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ที่ยังคงมีราคาสูง, โครงข่ายพื้นฐานในการชาร์จไฟฟ้าที่ยังไม่ครอบคลุม และความไม่พร้อมของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่เป็นเหมือนกลุ่มอำนาจเก่าของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก รวมทั้งสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ควรเป็น ทำให้อียู ตัดสินใจเลื่อนแผนการยุติขายรถยนต์เครื่องสันดาปไปจนถึงปี 2035 และทำให้เทคโนโลยี REEV ถูกนำมาปัดฝุ่นเพื่อกลับมาพัฒนาอีกครั้ง เพื่อทำหน้าที่เชื่อมการแปลงผ่านระหว่างเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) สู่รถยนต์ที่ไร้มลพิษในอนาคต ที่อาจจะไม่ใช่พลังงานไฟฟ้าที่เรารู้จักในตอนนี้
เทคโนโลยี REEV ในปี 2025
หลังจากการผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ประสบความสำเร็จกับการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แต่กระแสความต้องการที่เริ่มเข้าสู่ช่วงชะลอตัว และความพร้อมในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้เทคโนโลยี REEV เริ่มถูกนำมาพูดถึงอีกครั้ง
เริ่มจาก Changan Automobile นำเสนอเทคโนโลยี Deepal REEV ของพวกเขาในงาน Techsauce Global Summit 2024 ที่กรุงเทพ เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หลังจากกระแสตอบรับที่ดีจากการเปิดตัวในประเทศจีน โดยรถยนต์ REEV ของพวกเขาจะมาพร้อมเทคโนโลยี Super Range 2.0
ตามข้อมูลของ Changan ระบุว่าเทคโนโลยี Super Range 2.0 มีการอัพเกรดระบบการฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูง, การจุดระเบิดพลังงานสูง และการหล่อเย็นและหล่อลื่นแบบแปรผัน รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Golden Shield ที่รับประกันอายุการใช้งานยาวนาน, มีความปลอดภัย, ประสิทธิภาพสูง และการเติมพลังงานอย่างรวดเร็ว วิเคราะห์ข้อมูลด้วยอัลกอริทึมอัจฉริยะ Vehicle Cloud AI สำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยแบตเตอรี่แบบเชิงรุก ซึ่งมีความแม่นยำเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
Changan เปิดตัวเทคโนโลยี Deepal REEV ในงาน Techsauce Global Summit 2024
เทคโนโลยี REEV ของ Changan จะสามารถทำงานในหลายโหมดทั้ง Electric Mode ซึ่งใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว และสามารถขับขี่ได้ในระยะไกล โดย Range-Extending Mode จะใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเมื่อระดับพลังงานในแบตเตอรี่ลดต่ำลง ซึ่งจะสามารถจ่ายไฟให้กับมอเตอร์และชาร์จแบตเตอรี่ได้
นอกจากนี้จะมีระบบ Regenerative Braking จะทำงานโดยการเปลี่ยนพลังงานจลน์เป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ และ Camping Mode เมื่อยานพาหนะหยุดนิ่ง และระดับแบตเตอรี่ต่ำ เครื่องยนต์ และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟไปเก็บไว้
นับถอยหลังสู่การเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่ REEV
ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2025 ปลายเดือนมี.ค.นี้
เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นของ REEV ทำให้คาดว่าในปีนี้เราจะได้เห็น Changan และผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนอีกหลายแบรนด์นำรถยนต์กลุ่มนี้เข้ามาทำตลาด หลังจากเผยโฉมรถกระบะ Changan P201 หรือ Hunter ให้คนไทยได้สัมผัสคันจริงในงานมหกรรมยานยนต์ 2024 เมื่อปลายปีทีผ่านมา และคาดว่าจะพร้อมรับจองในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ปลายเดือนมีนาคมนี้
Changan P201 สเปคที่จำหน่ายในประเทศจีน มีตัวเลือก 2 รุ่นแบ่งเป็นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) 174 แรงม้า และรุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ที่จะเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังสู่ล้อหน้าสูงสุด 94 แรงม้าอีก 1 ตัว โดยจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร ที่มีกำลังสูงสุด 190 แรงม้า เพื่อปั่นไฟฟ้าสู่แบตเตอรี่ Lithium Iron Phosphate ความจุ 31.18 kWh โดยตามมาตรฐานทดสอบ CLTC จะสามารถขับด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนเป็นระยะทางสูงสุด 180 กิโลเมตร และหากเป็นการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์จะมีระยะการขับไกลถึง 1,031 กิโลเมตร
เช่นเดียวกับ Neta ที่เริ่มขยับตัวรับกระแส REEV ถึงจะเป็นแบรนด์รองแต่พวกเขาพร้อมนำเสนอเทคโนโลยี Super EREV (Super Extended Range Electric Vehicle) ด้วยการนำ NETA S Shooting Brake รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Wagon เข้ามาแสดงเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ เมื่อปลายปีที่แล้ว ภายใต้คอนเซ็ปท์ “New Energy, Super Intelligent, More FUN” โดยตามข้อมูลระบุว่าจะมีระยะการขับรวมสูงสุด 1,200 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ถัง และการชาร์จไฟฟาเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์
Leapmotor C10 REEV เพิ่มทางเลือกใช้เครื่องยนต์สร้างไฟฟ้าที่ยุโรป
สำหรับ Super EREV ของ Neta พวกเขาบอกว่าจะมีความพิเศษที่มีระบบสามารถให้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ผลิตกระแสไฟและจ่ายตรงไปยังมอเตอร์ขับเคลื่อนตัวรถ โดยไม่ต้องผ่านแบตเตอรี่ สามารถใช้ในกรณีที่แบตเตอรี่เกิดอุบัติเหตุหรือได้รับความเสียหาย ไม่สามารถใช้งานต่อได้ แต่สำหรับระบบ Super EREV ผู้ขับขี่ยังสามารถรถเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยได้ด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ Leapmotor แบรนด์น้องใหม่จากเครือ Stellantis ที่เพิ่งเข้ามทำตลาดในประเทศไทย พร้อมเปิดตัว C10 ครอสส์โอเวอร์เอสยูวีพลังไฟฟ้าไปแล้วนั้น มีการเพิ่มทางเลือกส่งโมเดล C10 EREV เปิดตัวในงานบรัสเซลส์ มอเตอร์โชว์ 2025 ที่ประเทศเบลเยียม เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยสเปคเบื้องต้นขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าไกล 145 กิโลเมตร และหากทำงานร่วมกับเครื่องยนต์จะมีระยะทางเพิ่มขึ้นเป็น 950 กิโลเมตร หากดูจากสถานการณ์ตลาดรถยนต์บ้านเราเวลานี้ คงจะไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะไม่นำเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย
ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่ครองตลาดมาก่อนอย่าง MG, Great Wall Motor และ BYD คงไม่ยอมอยู่เฉย รวมทั้ง Geely ที่ถึงจะใหม่ในเมืองไทย แต่พวกเขาถือว่าเป็นกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่แดนมังกร คาดว่าเตรียมปล่อยโมเดล REEV เข้ามาขายในประเทศไทยอย่างแน่นอน เพื่อแก้เกมที่ยอดขาย รถยนต์ไฟฟ้า เริ่มทรงตัว
เตรียมพบกลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ NEV พร้อมเทคโนโลยี REEV และรถยนต์รุ่นใหม่จากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำกว่า 30 แบรนด์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 (46th Bangkok International Motor Show 2025) ซึ่งจัดขึ้นที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และฟอรั่ม ฮอลล์ 4 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม-6 เมษายน 2568
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: บริษัทรถยนต์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
REEV รถยนต์ไฟฟ้า