แอร์รถยนต์ควรล้างตอนไหน ล้างอย่างไร
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถและท้องถนนทุกวันเป็นเวลาหลายชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงานที่อาจต้องเจอการจราจรที่ติดขัด หรือการเดินทางเพื่อกิจธุระหรือท่องเที่ยวในต่างจังหวัด นอกจากการดูแลรถยนต์และเครื่องยนต์ให้พร้อมสำหรับการเดินทางแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้รถต้องให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้าม คือ คุณภาพอากาศในรถและการทำความสะอาดแอร์ หากละเลยการดูแลบำรุงรักษาระบบแอร์ในรถ สามารถส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ และยังมีผลต่ออายุการใช้งานของตู้แอร์ และคอมเพรเซอร์แอร์ด้วย
ประโยชน์ของการทำความสะอาดระบบแอร์รถยนต์
การดูแลทำความสะอาดระบบปรับอากาศไม่ได้ช่วยให้แอร์ในรถเย็นสบายเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์และข้อดีอีกมากมายที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ซึ่งรวมไปถึงการช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้แอร์ และคอมเพรเซอร์แอร์ ลดการสะสมของสิ่งสกปรก และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อม
เมื่อใดจึงควรล้างแอร์
โดยทั่วไป ระยะเวลาที่ควรตรวจเช็คและทำความสะอาดแอร์รถยนต์คือประมาณ 1 ปีขึ้นไปต่อครั้ง หรือทุกๆ 20,000 กิโลเมตรขึ้นไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานรถยนต์ของแต่ละคนด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนำของกินขึ้นมารับประทานบนรถ ปริมาณฝุ่นที่ติดมากับรองเท้า การใช้น้ำหอมดับกลิ่นในรถที่มีลักษณะเป็นเจล นอกจากนี้ หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาอย่าง กลิ่นอับภายในรถ หรือจากช่องลมแอร์ ลมแอร์ออกน้อยลงไม่แรงเต็มที่ แสดงว่ารถของคุณกำลังส่งสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาล้างตู้แอร์แล้ว
วิธีล้างตู้แอร์
การทำความสะอาดตู้แอร์มีทั้งหมด 3 วิธี ซึ่งได้แก่
- การล้างตู้แอร์แบบถอดตู้ ซึ่งเริ่มจากการรื้อตู้แอร์และนำคอยล์เย็นออกมาล้างด้วยน้ำยาทำความสะอาด ซึ่งควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมและมีคุณภาพ เนื่องจากน้ำยาทำความสะอาดที่คุณภาพไม่ดีพอ อาทิ ผงซักฟอก โซดาไฟ ล้างออกยากและอาจล้างได้ไม่หมดจด ทั้งนี้สามารถสังเกตได้ว่าเวลาเปิดแอร์จะรู้สึกว่ามีกลิ่นผงซักฟอก หากยังล้างออกไม่หมดจะสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ และในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้อาจมีอาการแสบตาและจมูกเมื่อมีการสูดดมน้ำยาที่ล้างไม่สะอาดเข้าไปในร่างกาย นอกจากผลกระทบทางสุขภาพแล้ว การมีน้ำยาทำความสะอาดตกค้างยังส่งผลให้เกิดการกัดกร่อนคอยล์เย็นได้ด้วย การถอดล้างตู้แอร์แบบนี้จะต้องนำน้ำยาแอร์ออกมาจากระบบ ทำให้ระบบเป็นสูญญากาศ และเติมน้ำยาแอร์ใหม่ รวมถึงต้องเปลี่ยน
ดรายเออร์อีกด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่ยุ่งยากและเสียเวลานาน - การล้างตู้แอร์แบบไม่ถอดตู้ เป็นการทำความสะอาดที่ง่ายและรวดเร็วด้วยเครื่องล้างตู้แอร์ โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมในการล้างตู้แอร์เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อตู้แอร์ โดยทั่วไปก่อนการล้างด้วยวิธีนี้ ช่างจะนำกล้องขนาดเล็กเข้าไปส่องตรวจสอบสภาพตู้แอร์ก่อนการล้างเสมอ เพื่อให้เห็นสภาพความสกปรกของตู้แอร์และเพื่อประเมินสภาพว่าตู้แอร์นั้นมีสภาพที่สามารถล้างได้หรือไม่ วิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัย ใช้เวลาน้อย และประหยัดค่าใช้จ่าย
- การฉีดสเปรย์ทำความสะอาดตู้แอร์โดยไม่ต้องรื้อตู้ออกมา ด้วยการฉีดสเปรย์ทำความสะอาดให้ทั่วคอยล์เย็นซึ่งคราบน้ำยาจะค่อยๆ ออกมาพร้อมกับน้ำแอร์ตามท่อน้ำทิ้ง ควรฉีดสเปรย์ 2-3 เดือนต่อครั้ง หากเจ้าของรถอยู่ในเมืองที่ต้องเจอกับฝุ่นเยอะ อย่างไรก็ดี วิธีการนี้เหมาะสำหรับตู้แอร์ที่ไม่สกปรกมาก โดยค่าใช้จ่ายและราคาค่าฉีดสเปรย์มักจะสูงกว่าการล้างตู้แอร์แบบถอดตู้และไม่ถอดตู้
เคล็ดลับง่ายๆ ที่ช่วยยืดความถี่ในการล้างแอร์
วิธีง่ายใกล้ตัวที่ช่วยให้คุณไม่ต้องล้างแอร์บ่อยๆ คือการเคาะพรมทันทีเมื่อลงจากรถ เนื่องจากพัดลมแอร์มีตำแหน่งอยู่ใกล้กับพรมรองเท้า และเมื่อมีการสะสมสิ่งสกปรกไว้ พัดลมแอร์จะดูดสิ่งสกปรกเข้าไป ทำให้ตู้แอร์ตันเร็วขึ้น ถ้าผู้ขับขี่สามารถทำได้เป็นประจำจนติดเป็นนิสัย ก็จะสามารถยืดความถี่ในการล้างตู้แอร์ได้มากกว่า 2 ปี ต่อ 1 ครั้งเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังแนะนำให้เปลี่ยนไส้กรองอากาศแอร์ตามระยะที่ผู้ผลิตรถกำหนดเป็นประจำด้วย เพื่อที่ระบบแอร์จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th