เปรียบเทียบ CITY e:HEV SV กับรุ่น RS ราคาต่างกัน 7 หมื่อนบาท น่าซื้อไหม ?
เปรียบเทียบ CITY e:HEV SV กับรุ่น RS ราคาแตกต่างกัน 70,000 บาท ออปชั่นต่างกันตรงไหน ควรเลือกตัวไหน น่าซื้อหรือไม่ ?
ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ได้แนะนำ Honda City e:HEV Sedan ออกสู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2563 วางราคาจำหน่ายอยู่ที่ 839,000 บาท ก่อนที่จะเปิด City e:HEV HatchBack ตามออกมาในปี 2564 วางขายในราคา 849,000 บาท เป็นทางเลือกสำหรับคนไม่ต้องการใช้งานรถเครื่องยนต์เทอร์โบ แต่มองหาความประหยัด ลดค่าใช้จ่ายจากน้ำมันเชื้อเพลิง
ถามว่าขายดีไหม ? ถ้าเทียบกับ HONDA CITY TURBO หากไปดูยอดจดทะเบียนรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ ในปี 2565 มียอดรวมทั้งหมด 46,222 คัน แบ่งออกเป็นรุ่นไฮบริด 4,218 คัน คิดแล้วก็เพียงแค่ 9% เมื่อเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน
คำถามว่าทำไม ? คำตอบก็น่าจะประเมินได้หลากหลาย ส่วนหนึ่งคือเรื่องของราคาที่ค่อนข้างจะรุนแรงพอตัวกับการเป็น บีเซ็กเมนต์ แต่มีค่าตัวทะลุ 8 แสนบาท บวกเข้ากับกระแสรถไฟฟ้าที่ถาโถม แถมบางรุ่นมีราคาที่ถูกกว่า คนที่มองหารถไซส์นี้แถมประหยัดเชื้อเพลิง ก็อาจจะกระโดดข้ามไปสู่เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างรถพลังไฟฟ้าเลยทีเดียว
การปรับโฉมล่าสุดที่บางทีก็ไม่อยากเรียกว่าไมเนอร์เชนจ์มากนัก เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา การแต่งหน้าทาปาก นอกจากเพิ่มความสดใหม่ให้กับภาพรวมของรถรุ่นนี้แล้ว การปรับเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ คือ ทางเลือกที่จะไปเพิ่มตัวเลือกเพื่อแข่งขันในตลาดให้กับรุ่นไฮบริดด้วย
การแนะนำ 5 รุ่นย่อย ทั้งในรุ่นเครื่องยนต์ VTEC TURBO 1.0 ลิตร จำนวน 3 รุ่น และ ขุมพลังไฮบริด e:HEV ซึ่งเป็นทำงานร่
ราคาจำหน่าย ฮอนด้า ซิตี้ ไมเนอร์เชนจ์ 5 รุ่นย่อย คือ
- HONDA CITY e:HEV มี 2 รุ่นย่อย
- e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
- e:HEV SV ราคา 769,000 บาท
- HONDA CITY Turbo มี 3 รุ่นย่อย
- RS ราคา 749,000 บาท
- SV ราคา 679,000 บาท
- V ราคา 629,000 บาท
ฮอนด้า ซิตี้ ถูกตัดรุ่นย่อยเดิมในเครื่องยนต์เทอร์โบออกแล้วโยกไปเพิ่มเป็นตัวล่างในรุ่นไฮบริดอย่างรุ่น SV เข้ามา ซึ่งมีราคาจำหน่ายถูกว่าตัวท็อป รุ่น RS ประมาณ 70,000 บาท ส่วนจะมีความแตกต่าง คุ้มค่า น่าสนใจที่จะจ่ายประหยัดกว่าจนต้องเลือกซื้อตรงไหน Grandprixonline ขอนำเสนอข้อมูลช่วยตัดสินใจกันไว้ในบทความนี้
การออกแบบภายนอก
CITY e:HEV SV
- กระจังหน้าโครเมียม ลายใหม่ พร้อม โลโก้ Honda ตกแต่งด้วยสีฟ้า
- ไฟหน้าดีไซน์เหมือนรุ่น Tubro แบบมัลติรีเฟลกเตอร์ ฮาโลเจน
- ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
- ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED
- ไฟท้ายดีไซน์เดิม แบบ LED
- โลโก้ Honda ด้านหลังตกแต่งด้วยสีฟ้า
- กระจกมองข้าง ปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
- เสาอากาศครีบฉลาม Shark Fin
- ระบบไล่ฝ้ากระจกบังลมหน้า – หลัง
- มือจับเปิดประตูสีโครเมียม
- ล้ออัลลอย สีเทาทูโทนขนาด 16 นิ้ว ยาง 185/60 R16
CITY e:HEV RS
- กระจังหน้า สีดำเงา Gloss Black
- โลโก้ Honda ด้านหน้าตกแต่งด้วยสีฟ้า และตัวอักษร RS สีแดง
- กันชนหน้า กันชนหลัง สเกิร์ตข้าง ดีไซน์สปอร์ต เฉพาะรุ่น RS
- ไฟหน้าดีไซน์เดิมกับรุ่นก่อนหน้า แบบ LED พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า แบบ LED
- มือเปิดประตูภายนอก สีเดียวกับตัวรถ
- สปอยเลอร์หลัง ดีไซน์สปอร์ตแบบ RS สีดำเงา Gloss Black
- โลโก้ Honda ด้านหลังตกแต่งด้วยสีฟ้า และตัวอักษร RS สีแดง
- กระจกมองข้าง สีดำเงา Gloss Black
- ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
- ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว สีดำทูโทน ยาง 185/60 R16
เปรียบเทียบ CITY e:HEV SV การออกแบบภายใน
CITY e:HEV SV
- ภายในตกแต่งโทนสีดำ
- เสริมด้วยวัสดุบุนุ่มสีแดง บริเวณคอนโซลกลาง และด้านข้างประตู
- พวงมาลัยหุ้มหนัง ปรับ 4 ทิศทาง
- พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน ควบคุมระบบเครื่องเสียง รับ-วางสายโทรศัพท์
- ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)
- USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง
- บังแดดฝั่งคนขับ พร้อมกระจกแต่งหน้า
- ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
- ไฟส่องสว่างที่เก็บสัมภาระด้านท้าย
- มือจับภายในห้องโดยสาร 3 ตำแหน่ง
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมหน้าจอแสดงผลดิจิตอล
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ระบบกุญแจ Honda Smart Key System
- ระบบสตาร์ทรถด้วยกุญแจรีโมท Remote Engine Start
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
- ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง Rear Seat Reminder
- มาตรวัดดิจิตอล เข็มไมล์สีขาว พร้อมหน้าจอ MID แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว
- กระจกหน้าต่างไฟฟ้า 4 บาน ปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติเฉพาะฝั่งคนขับ
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
- ระบบ Auto Brake Hold
- มือเปิดประตูภายในห้องโดยสาร โครเมียม
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง
- ที่วางแขน ระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า
- ช่องเก็บของ และ ช่องเก็บขนาดเล็ก ด้านหลังเบาะนั่งคู่หน้า
ความแตกต่างที่เพิ่มเข้ามาใน CITY e:HEV RS
- ภายในตกแต่งโทนสีดำ
- วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีแดงเมทัลลิก
- วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ตกแต่งด้วยตะเข็บด้ายสีแดง
- พวงมาลัยหุ้มหนัง ตกแต่งด้ายสีแดง ปรับ 4 ทิศทาง
- ระบบเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift
- มาตรวัดดิจิตอล เข็มไมล์สีแดง พร้อมหน้าจอ MID แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว
- ที่บังแดดฝั่งคนขับ และ ผู้โดยสารตอนหน้า พร้อมกระจกแต่งหน้า
- ที่วางแขน เบาะนั่งด้านหลัง พร้อมที่วางแก้ว
- มือจับภายในห้องโดยสาร 4 ตำแหน่ง
ระบบความบันเทิง
CITY e:HEV SV
- เครื่องเสียงระบบสัมผัส Advanced Touch จอขนาด 8 นิ้ว
- รองรับระบบ Apple Car Play / Android Auto แบบไร้สาย Wireless
- รองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone
- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย และรับสายโทรศัพท์
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียง SIRI
- ช่องชาร์จไฟ 12V 1 ตำแหน่ง
- ช่องเชื่อมต่อด้านหน้า USB 2 ช่อง
- ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 2 ช่อง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ลำโพง 4 ตำแหน่ง
ความแตกต่างที่เพิ่มเข้ามาใน CITY e:HEV RS
- ลำโพง 8 ตำแหน่ง
ระบบความปลอดภัย
CITY e:HEV SV
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS
- ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ Auto Door Lock by Speed
- ระบบล็อครถอัตโนมัติ Walk Away Auto Lock
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
- ระบบสัญญาณกันขโมย
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
- กล้องมองภาพขณะถอยจอด ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
- อุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราว TPRK
ระบบ Honda SENSING (ตัวเดียวกับที่อยู่ใน Honda Civic)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High-Beam
- ระบบเตือน และ ช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ RDM with LDM
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LKAS
- ระบบเตือนการชนรถ และ คนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก CMBS
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า Adaptive Cruise Control ACC พร้อมฟังก์ ชั่นตามรถคันหน้าที่ความเร็วต่ำ Low-Speed Follow (LSF)
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Lead Car Departure (LCDN)
ความแตกต่างที่เพิ่มเข้ามาใน CITY e:HEV RS
- ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT
- สั่งการทำงานของรถยนต์ ล็อค – ปลดล็อค
- สั่งสตาร์ทรถยนต์
- สั่งเปิดสัญญาณไฟ
- แสดงพิกัดตัดรถ Find My Car
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วย ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง และม่านถุงลมนิรภัย
ระบบ Honda SENSING
- กล้องแสดงภาพมุมอับสายตา Honda LaneWatch
สมรรถนะช่วงล่าง
- ระบบเบรก
- คู่หน้า ดิสก์เบรก
- คู่หลัง ดิสก์เบรก
- ช่วงล่างด้านหน้า McPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
- ช่วงล่างด้านหลัง Torsion Beam
ขุมพลังขับเคลื่อน
เครื่องยนต์เบนซิน รหัส LEB-MMD ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,600 – 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร ที่ 4,500 – 5,000 รอบ/นาที รองรับน้ำมันสูงสุด E20 แบตเตอรี่ Lithium-ion ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พละกำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 3,500 – 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ที่ 0-3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ปล่อย CO2 ที่ 85g./km. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.4 วินาที เคลมอัตราการประหยัดน้ำมัน 27.8 กม./ลิตร
ไฮบริดมีให้เลือก 6 สี คือ
- สีแดง Ignite Red Metallic
- สีเงิน Lunar Silver Metallic
- สีเทา Meteoroid Grey Metallic
- สีดำมุก Crystal Black Pearl (จ่ายเพิ่ม 6,000 บาท)
- สีน้ำเงิน Obsidian Blue Metallic (จ่ายเพิ่ม 6,000 บาท)
- สีขาวมุก Platinum White Pearl (จ่ายเพิ่ม10,000 บาท)
เปรียบเทียบ CITY e:HEV SV สรุปโดยรวม
หากมองในภาพรวม สิ่งชัดเจนที่สุดที่คุณจะได้เมื่อคุณจ่ายเพิ่ม 70,000 บาท เพื่อที่จะได้ชุดแต่งภายใน และดีไซน์การตกแต่งภายในที่แตกต่าง ลำโพง 8 ตัว ไปจนถึงระบบความปลอดภัยที่เพิ่มเข้ามาอย่าง Honda LaneWatch และถุงลมนิรภัยที่เพิ่มมาเป็น 6 ตำแหน่ง ส่วนเรื่องของระบบขับเคลื่อนและสมรรถนะการขับขี่ยังคงเดิม เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ฮอนด้า เมื่ออกรถรุ่นใดมาเมื่อมีโอกาสไมเนอร์เชนจ์ จะไม่เข้าไปยุ่งหรือปรับปรุบเรื่องสมรรถนะเลย
แม้ครั้งนี้จะบอกว่ามีการปรับขนาดของหน้ายางเพิ่มขึ้น แต่จากที่ได้ไปทดลองขับมาล่าสุด พบว่าไม่ได้แตกต่างจากรุ่นเดิมเลยแม้แต่น้อย แต่ยังคงเป็นรถที่วางสมดุลสมรรถนะมาค่อนข้างดี แม้จะเป็นรถเก๋งเล็ก แต่ช่วงล่างเซ็ทมาค่อนข้างลงตัว ใช้ความเร็วสูงในทางตรง รักษาความนิ่งได้ดี เก็บอาการตอนเข้าโค้งได้สมฐานะ ไม่ได้มีอาการโยน หรือ วูบวาบให้กังวลมากนัก โดยยังคงเป็นรถไฮบริดที่ขับสนุก ให้อัตราเร่งช่วงต้นที่ดีและต่อเนื่อง แถมด้วยความประหยัดตามแบบฉบับของรถไฮบริด
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับรุ่นย่อยและราคาลงมาเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าบางกลุ่มที่อาจจะยังไม่พร้อมหรือลังเลว่าจะไปใช้ชีวิตกับรถไฟฟ้า เพราะรถไฮบริดราคานี้ ทั้ง SV และ RS คู่แข่งโดยตรงคงไม่ใช่รถญี่ปุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ ICE แล้วละ แต่ด้วยราคาและออปชั่นความปลอดภัยที่เมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าแบรนด์จีนบางรุ่นแล้วก็ยังด้อยกว่า
ถามว่า ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี รุ่น เอสวี เหมาะกับใคร ก็คงต้องตอบว่า.. หากเงิน 70,00 บาท คิดเป็นค่าผ่อนแล้วไม่มากเกินรับไหว แล้วได้ความสวยงามตามสไตล์ฮอนด้า ก็ควรไป รุ่น RS เพราะมันครบกว่าทั้งด้านรูปลักษณ์และเทคโนโลยีในตำนานอย่าง LaneWatch
เหมาะจริง ๆ คงเข้ากับคนที่อยากได้ความประหยัด ในยุคราคาน้ำมันผันผวนและคงไม่มีโอกาสได้ใช้ราคาน้ำมันถูกเหมือนในอดีต และยังไม่มั่นใจกับรถไฟฟ้าอย่างแท้จริง พร้อมตัดสินใจซื้อมาเพื่อใช้งานกันไปยาวสักหน่อย ตอนขายต่อราคาไม่ตกมากเพราะพะยี่ห้อฮอนด้า และเตรียมทำให้ใจเตรียมพร้อมไปสู่การเข้าสังคมรถไฟฟ้าในอนาคตนั่นละกระมัง
โปรโมชั่นพิเศษ
ดอกเบี้ย 2.09% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี รุ่น e:HEV เพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 5 กรกฎาคม 2566 – 30 กันยายน 2566
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ภาพ : ฝ่ายภาพ GRANDPRIX
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th