Aston Martin DBS 770 Ultimate ที่สุดของรุ่นด้วยกำลัง 770 แรงม้า
Aston Martin DBS 770 Ultimate ถูกเผยโฉมออกมาเพื่อเป็นรุ่นพิเศษผลิตจำกัดของ DBSเจเนเรชันปัจจุบันซึ่งมาพร้อมกับการเพิ่มกำลังขับเคลื่อน ปรับช่วงล่าง รวมทั้งปรับดีไซน์ของรถให้แตกต่างจากรุ่นทั่วไป แต่ที่สำคัญคือถูกระบุว่าเป็นรถที่ทรงพลังที่สุดในสายการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์ในสหราชอาณาจักรรายนี้หากไม่รวม Valkyrie ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมด้วย
ภายนอกของ Aston Martin DBS 770 Ultimate แม้จะยังสามารถจดจำได้ทันทีว่าเป็นรถรุ่นใด แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงในหลายส่วนเพื่อสร้างความพิเศษให้กับรถ ไม่ว่าจะด้วยการมี Splitter ขนาดใหญ่ใต้กันชนหน้า เปลี่ยนฝากระโปรงหน้าใหม่มาพร้อมกับช่องระบายอากาศที่ลึกขึ้น เปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ ขณะที่ด้านหลังมีการออกแบบ Diffuser ใหม่ ส่วนล้ออัลลอยที่มาพร้อมกับรถเป็นขนาด 21 นิ้วลายเฉพาะซึ่งมีทั้งสีเงิน Satin Silver สีดำ Satin Black หรือดำ Satin Black ปัดเงา และให้ยางสมรรถนะสูง Pirelli P Zero มาพร้อมกับรถ โดยมีขนาด 265/35R21 ที่ล้อหน้า ส่วนล้อหลังมีขนาด 305/30R21
ในห้องโดยสารมีโลโก้รุ่นพิเศษที่ที่ท้าวแขนรวมทั้งคิ้วบันไดซึ่งระบุหมายเลขการผลิตของรถด้วย ในขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานที่มาพร้อมกับรถซึ่งแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานมีเบาะ Sport Plus Seat หุ้มด้วยหนัง Semi-Aniline และ Alcantara แป้นชิฟต์เกียร์คาร์บอนไฟเบอร์ รวมถึงมีการแต่งที่มีเอกลักษณ์ด้วยการแทรกสีสันในส่วนต่างๆ แต่หากยังไม่พอใจผู้ซื้อก็สามารถเลือกแต่งตามรสนิยมได้กับฝ่าย Q by Aston Martin
ขุมกำลังในรถรุ่นพิเศษเป็นเครื่องยนต์ V12 5.2 ลิตร เทอร์โบคู่ที่ได้รับการอัพเกรดให้มีกำลัง 770 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 900 นิวตัน-เมตร จากการปรับส่วนต่างๆ รวมทั้งเพิ่มบูสต์เทอร์โบขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อหลังของรถเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีดที่ได้รับการปรับตั้งใหม่พร้อมมี Limited-slip Differential ช่วยในการส่งกำลัง
นอกจากการปรับเครื่องยนต์เพื่อให้มีกำลังเพิ่มขึ้นแล้ว ทางผู้ผลิตรถยนต์หรูจากสหราชอาณาจักรยังมีการใช้แกนพวงมาลัย Solid-mounted ใหม่เพื่อให้พวงมาลัยมีการตอบสนองดีขึ้น รวมไปถึงทำงานกับช่วงล่างของรถโดยปรับตั้งค่าระบบกันสะเทือนและซอฟต์แวร์สำหรับ Adaptive Damping System ใหม่ พร้อมกับเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นที่ด้านหน้าขณะที่ด้านด้านหลังทนต่อการบิดตัวได้มากขึ้น ในขณะที่การหยุดรถเป็นหน้าที่ของดิสก์เบรกคาร์บอนเซรามิกขนาด 410 มม. ที่ล้อหน้าและขนาด 360 มม. ที่ล้อหลัง
DBS 770 Ultimateจะถูกผลิตจำกัด 499 คัน โดยที่เป็นตัวถังคูเป้ 300 คันและเปิดประทุน 199 คัน ซึ่งรถทั้งหมดมีเจ้าของเรียบร้อยแล้ว ขณะที่การผลิตรถจะเริ่มในไตรมาสแรกของปี 2023 นี้เลย ส่วการส่งมอบรถคาดว่าจะเริ่มในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ส่วนราคารถทางผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องเปิดเผยออกมาเพราะขายรถไปหมดแล้ว
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th