Dodge Charger Daytona รุ่นใหม่เปลี่ยนจากรถซีดานสู่มัสเซิลคาร์ไฟฟ้า
Dodge เปิดตัว Charger Daytona รุ่นใหม่ออกมา โดยนอกจากมีให้เลือกทั้งตั้วถังคูเป้ 2 ประตูและซีดาน 4 ประตูเพื่อแทนที่ทั้งรถเจเนเรชันก่อนหน้าและ Challenger แล้ว รถรุ่นล่าสุดเปลี่ยนมาเป็นรถอเมริกันมัสเซิลคาร์ไฟฟ้าใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนด้วย
Dodge Charger Daytona ไฟฟ้าอยู่บนแพลตฟอร์ม STLA Large Platform พร้อมกับสถาปัตยกรรม 400V รวมทั้งมีมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และแบตเตอรีความจุสูง โดยรุ่นเริ่มต้นคือ R/T มาพร้อมกับกำลัง 503 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 548 นิวตัน-เมตร สามารถทำความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 97 กม./ชม. ด้วยเวลา 4.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 221 กม./ชม.
ส่วนรุ่นที่มีกำลังขับเคลื่อนมากขึ้น Scat Pack มาพร้อมกับกำลัง 680 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร การทำความเร็วจาก 0-97 กม./ชม. ลดลงเหลือ 3.3 วินาที สามารถทำระยะทางควอเตอร์ไมล์ด้วยเวลา 11.5 วินาที รวมทั้งยังมี Power Shot ให้ใช้ด้วยการควบคุมที่พวงมาลัยซึ่งจะปลดล็อกเพิ่มกำลังขึ้นอีก 40 แรงม้าเป็นเวลา 15 วินาที อย่างไรก็ตามความเร็วสูงสุดของ Scat Pack จะลดลงจาก R/T เหลือ 216 กม./ชม.
รถมัสเซิลคาร์รุ่นใหม่ทั้ง R/T และ Scat Pack มาพร้อมกับแบตเตอรีความจุ 100 kWh ซึ่งทำให้รุ่นที่มีกำลังน้อยกว่าเดินทางได้ 510 กิโลเมตรเมื่อชาร์จไฟเต็มหนึ่งรอบ ส่วนรุ่นที่มีกำลังมากกว่าเดินทางได้ 418 กิโลเมตรเมื่อชาร์จไฟเต็ม โดยรถมาพร้อมกับระบบชาร์จไฟ 11 kW เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทำให้ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงเพื่อชาร์จไฟจาก 5-80 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งรองรับการชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC 350 kW ซึ่งลดเวลาชาร์จไฟลงเหลือ 33 นาที
ในด้านการออกแบบภายนอกของรถนำสไตล์มาจากรถคอนเซ็ปต์Charger Daytona SRT จึงทำให้ตัวรถมีความเรียบไหลลื่นที่ย้อนกลับไปสู่รถเจเนเรชันแรกพร้อมกับใส่ความทันสมัยเข้าไปในรถ อย่างด้านหน้าของรถมีการปรับดีไซน์มาจากรถรุ่นแรกพร้อมมีโลโก้ Fratzog ด้านข้างของรถมีเส้น Shoulder Line ที่ขยายกว้างขึ้นในส่วนท้ายของรถ ขณะที่ด้านหลังของรถมีไฟท้าย LED เต็มความกว้างของรถที่ทำให้คิดถึงรถรุ่นแรกพร้อมมีโลโก้ Fratzog
ทางผู้ผลิตยังระบุระดับความแรงของรถด้วยโลโก้ R/T หรือ Scat Pack Racing Bee ที่ซุ้มล้อหน้าของรถ นอกจากนี้รุ่น R/T ยังมาพร้อมกับล้ออัลลอย Tech Silver ขนาด 18 นิ้ว ส่วนรุ่นที่มีแรงม้ามากกว่ามากับล้ออัลลอย Satin Carbon ขนาด 20 นิ้ว
ห้องโดยสารของรถมาพร้อมกับความทันสมัยด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว จอ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้วและระบบ uConnect5 ล่าสุด พวงมาลัยหนังด้านล่างแบน เกียร์เลือกระบบขับเคลื่อนแบบ Pistol Grip-style ส่วนเบาะรถหุ้มด้วยผ้าและไวนิลเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีแท่นชาร์จไร้สาย ไฟ LED Ambient Lighting และเบาะสปอร์ตให้เลือก
นอกจากการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแล้ว ในปี 2025 รถมัสเซิลคาร์รุ่นนี้จะมีทางเลือกในการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปตามออกมา ซึ่งจะใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th