How to Drive Real Life Mario Kart? ทุกขั้นตอนที่คุณต้องรู้ก่อนขับ Mario Kart บนถนนจริงที่โตเกียว
Review Mario Kart รีวิว
หลายคนคงเคยเห็นรูปหรือคลิปวิดีโอที่มีคนแต่งตัวเป็นคาแรกเตอร์จาก Super Mario ซีรีส์เกมสุดฮิตของ Nintendo ออกมาขับรถโก-คาร์ทบนถนนจริงของญี่ปุ่น ตามโซเชียลเน็ตเวิร์ก จนอยากรู้ว่าต้องติดต่อหรือเตรียมตัวอย่างไร เพื่อจะได้สัมผัสประสบการณ์เหมือนได้เข้าไปอยู่ในเกม Mario Kart แบบนั้นบ้าง
ทีมงาน Grand Prix Online ส่งตัวแทนไปทดลองขับจริงมาแล้วที่กรุงโตเกียว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พร้อมรวบรวมขั้นตอนทุกอย่าง ตั้งแต่การติดต่อจอง, เอกสารที่จำเป็น, การเดินทาง และวิธีการขับที่ปลอดภัย
World 1-1
เริ่มต้นด้วยการเลือกสาขาที่จะไปเล่นในเว็บไซต์ maricar.com หากคุณไปเที่ยวโตเกียว ตามข้อมูลในเว็บไซต์คลาดเคลื่อนเล็กน้อย แต่จากที่เราสอบถามพวกเขาโดยตรงจะมีร้านที่ชินากาวะ, อากิฮาบาระ และรปปงงิ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญภูเขาฟูจิ, โอซาก้า และเกาะโอกินาวา แต่การขับที่โตเกียว แตกต่างแค่จุดสตาร์ทเท่านั้น เพราะเส้นทางขับผ่านย่านสำคัญหลักๆ แทบจะเหมือนกัน
World 2
พอเลือกสาขาที่จะไปเรียบร้อย ส่งอีเมลสอบถามข้อมูลการจองไปที่ shop@maricar.com หรือในเว็บไซต์ คลิกที่ Contact จะมีแบบฟอร์มให้กรอกข้อมูล เขียนรายละเอียดจำนวนคนที่จะเล่น, เวลาที่คุณต้องการ และคอร์สเส้นทางที่อยากขับ
ถ้าไม่ส่งไปถามช่วงดึก ประมาณ 1-2 ชั่วโมง จะมีการตอบกลับมาเพื่อคอนเฟิร์มช่วงเวลาที่ว่าง, คอร์สที่มีให้เลือก (ระยะเวลาตั้งแต่ 1 ชั่วโมง ถึงนานสุด 3 ชั่วโมง) โดยราคาจะมีส่วนลดถ้าเราโพสต์ลง Facebook หรือรีวิวใน Trip Advisor (แน่นอนว่าทุกคนต้องโพสต์อยู่แล้ว) และประเภทใบอนุญาตขับขี่ที่คุณจะนำมาใช้ขับ
นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อทางช่องทางอื่นๆ ทั้งส่งข้อความใน Messenger ของ Facebook, Line หรือโทรศัพท์ข้ามประเทศสายตรงไปเลย เพราะสตาฟของ MariCar ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติอยู่แล้ว
World 3
ใบอนุญาตขับขี่เป็นเรื่องสำคัญที่สตาฟ MariCar ค่อนข้างซีเรียส จะย้ำให้ทุกคนที่มาขับต้องพกติดตัวตลอดเวลาที่อยู่บนถนน โดยหากเป็นคนไทย ง่ายที่สุดคือการทำใบขับขี่ระหว่างประเทศ (International Driving Permit) หรือที่เราคุ้นกันในชื่อใบขับขี่สากล
ขั้นตอนไม่ยุ่งอยากอะไร หากอยู่ในกรุงเทพฯ สามารถยื่นขอที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 ถ้าเป็นต่างจังหวัดก็ไปที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด โดยเอกสารที่ต้องเตรียมในการยื่นขอใบขับขี่ระหว่างประเทศเข้าไปดูที่ https://goo.gl/H5KR4s
World 4
เพื่อไม่เสียเวลา มุดท่อวาร์ปมาอยู่ที่โตเกียวกันเลย ผู้เขียนเลือกขับรอบบ่าย 2 โมง เพราะไปช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ อากาศค่อนข้างหนาว อุณหภูมิอยู่ที่เลขตัวเดียว ถ้าเลือกขับรอบค่ำอาจได้ตะลุยด่านน้ำแข็งแทน แถมช่วงนี้พระอาทิตย์ทำงานน้อย ทำให้ได้สัมผัสบรรยากาศการขับทั้งช่วงสว่าง-กลางคืน พร้อมกันทีเดียวเลย
MariCar ที่ชินากาวะ เดินทางสะดวก จากการเป็นอีกสถานีรถไฟหลักของโตเกียว หากพักอยู่ในย่านฮิตของนักท่องเที่ยวไทยอย่าง อูเอโนะ, ชินจูกุ หรืออาซากุสะ นั่งรถไฟ JR Loop Line หรือรถไฟใต้ดิน (Subway) มาประมาณ 15-30 นาทีเท่านั้น
ในเว็บไซต์ของร้านบอกว่าใช้เวลาเดินจากสถานี JR Shinagawa ประมาณ 12 นาที แต่หากลงสถานี Kita-Shinagawa จะเดินแค่ 3 นาที ด้วยความที่ไปครั้งแรก ทำให้ผู้เขียนเลือกแบบหลัง พอถึงสถานี JR Shinagawa ให้เดินออกมาตามป้ายบอกทางเพื่อไปต่อรถไฟสาย Keikyu ที่จะเป็นสถานีแยกออกมา ถ้าหาไม่เจอ เดินเข้าไปถามที่ Information เจ้าหน้าที่จะช่วยเหลือได้แน่นอน โดยนั่งต่อไปเพียงแค่สถานีเดียว ค่าตั๋วแค่ 140 เยน
พอถึงสถานี Kita-Shinagawa ไม่ยากแล้ว หากใครปักหมุดร้านใน Google Map หรือพรินต์แผนที่จากเว็บไซต์ติดมาด้วย เดินตามที่เขียนแนะนำ ออกจากสถานีเลี้ยวซ้าย พอเจอบริษัทเช่ารถ Nippon Rental Car ตรงสี่แยก ให้เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง เดินลอดใต้สะพานจนถึงทางแยก เบี่ยงขวานิดเดียวก็จะเห็นซอยร้าน MariCar สังเกตง่ายๆ จะมีรถโก-คาร์ทจอดอยู่ด้านหน้า
World 5
มาถึงร้าน MariCar สตาฟเข้ามาต้อนรับเราแบบเป็นกันเอง ไม่ต้องกลัวว่าจะสื่อสารไม่รู้เรื่องนะครับ อย่างที่บอกในตอนแรกว่าสตาฟส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ พูดภาษาอังกฤษได้ แจ้งเวลาที่เราจอง, คอร์สที่เลือก หรือหากใครพรินต์อีเมลคอนเฟิร์มมาด้วยก็ส่งให้ไปเลย
เช็กความถูกต้องเสร็จ เราต้องจ่ายเงินตามคอร์สที่เลือก จะใช้เงินสดหรือบัตรเครดิตตามความสะดวก จากนั้นจะขอตรวจใบอนุญาตขับขี่ของเราว่าถูกต้องหรือไม่ เสร็จเรียบร้อยจะแจกสายรัดข้อมือ เพื่อให้รู้ว่าคุณอยู่กลุ่มไหน เพราะตอนบ่ายน่าจะเป็นช่วงที่พีคสุด มีทั้งคนที่เพิ่งขับเสร็จจากรอบก่อน และมารอขับ เดินสวนกันไปมาเต็มร้าน
World 6
มาถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย การแปลงร่างเข้าสู่โลกของ Mario Kart ทางร้านจะมีชุดให้เลือกหลายแบบ โดยหลักๆ เป็นคาแรกเตอร์จากซีรีส์เกม Super Mario ที่มีเยอะสุดต้องเป็น Mario ตามด้วยน้องชาย Luigi, เจ้าหญิง Peach, ไดโนเสาร์ Yoshi, ราชาปิศาจ King Koopa และองครักษ์เห็ด Toad
ทางร้านยังมีออปชันเสริมช่วยสร้างบรรยากาศให้เหมือนในเกมมากขึ้น ทั้งหมวก, มงกุฎเจ้าหญิง, กระเป๋าสะพายกระดองเต่าสีเขียว-สีแดง ที่แฟน Mario คุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ที่เป็นจุดขายของ Mario อย่างหนวดหนาเหนือริมฝีปากต้องจ่ายเพิ่ม 200 เยน ถือว่าไม่แพง เพราะกาวเหนียวติดหนึบตลอดการขับ 2 ชั่วโมง
แต่คนที่ไม่อินกับ Mario ต้องมาขับตามที่เพื่อนร่วมทริปหรือแค่อยากซิ่งโก-คาร์ทบนถนนจริงสักครั้ง สามารถเลือกคอสเพลย์เป็นไอ้มดแดง Kamen Rider, ซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวล, คาแรกเตอร์การ์ตูน Pixar หรือถ้าจะน่ารักหน่อย ก็ต้อง Winnie-the-Pooh
เกือบลืมบอกไป คนที่ตัวใหญ่สูงเกิน 180 ซม. อาจมีปัญหาในการใส่ชุดคาแรกเตอร์ต่างๆ ที่เป็นชุดแบบจัมป์สูท ทางร้านเตรียมเสื้อแจ็กเกตสีน้ำเงิน-แดงแบบ Mario เป็นอีกทางเลือก โดยหากขับช่วงหน้าหนาวแบบผู้เขียน สตาฟจะแนะนำให้สวมทับเสื้อหนาวที่เราใส่มา เพราะรถโก-คาร์ทเปิดโล่ง เราต้องออกไปโต้ลมเต็มๆ ตลอดการขับ ที่สำคัญอีกอย่าง หยิบถุงมือที่ร้านมีบริการให้ฟรีติดตัวไปด้วย
ส่วนกระเป๋าสะพายหรือหากใครมีของอื่นๆ ติดตัวมาด้วย ทางร้านมีตู้ล็อกเกอร์บริการฟรี ให้เราเก็บของต่างๆ พร้อมตั้งรหัส ไม่ต้องกังวลเรื่องของหาย เพราะมีพนักงานนั่งเฝ้าตลอดเวลา และถ้าคุณลืมรหัส ก็มีกุญแจพร้อมเปิดให้ทันที แต่โทรศัพท์หรือแว่นตาสามารถนำไปใส่ถุงเก็บของที่ติดอยู่ข้างพวงมาลัยได้
World 7
เตรียมตัวเรียบร้อย (หลักๆ ทุกคนจะเสียเวลาไปกับการเลือกชุด และอุปกรณ์เสริม 555) สตาฟที่จะเป็นคนขับนำให้กรุ๊ปต่างๆ จะเรียกลูกค้าที่ตัวเองต้องดูแลมาอธิบายรายละเอียด โดยคอร์สของเราเป็นหนุ่มยุโรปตะวันออกผมยาว Valentino ที่ดูเหมือนจะขี้เล่น แต่อธิบายขั้นตอนทั้งหมดอย่างละเอียด ตั้งแต่การขึ้นลงรถโก-คาร์ทที่ถูกต้อง, ตำแหน่งวางเท้าเพื่อให้เหยียบคันเร่ง และเบรกได้ไม่ผิดพลาด, การสตาร์ทเครื่องยนต์, ความปลอดภัยในการขับที่เขาแนะนำให้ทุกคนควรหันไปมองข้างหลังก่อนเปลี่ยนเลนทั้งซ้าย-ขวา ถึงจะมีกระจกมองข้างให้ แต่มีมุมอับที่อาจมองไม่เห็น, ย้ำเรื่องการพกใบอนุญาตขับขี่ และที่สำคัญ ห้ามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูประหว่างขับรถเด็ดขาด
ข้อสุดท้าย ใครที่เป็นพวกติดโซเชียลเน็ตเวิร์กอยากได้รูปมาอัพโชว์เพื่อนๆ ไม่ต้องกลัวจะไม่มีภาพสวยๆ เพราะสตาฟที่ขับนำจะเป็นคนลงมาถ่ายรูปให้เราเวลาติดไฟแดงหรือผ่านสถานที่สำคัญ ด้วยประสบการณ์ที่รู้มุมกล้องเป็นอย่างดี พอจบคอร์ส เขาจะส่งรูปให้ทุกคน หากใช้ iPhone จะส่งผ่าน AirDrop ไม่กี่นาทีได้เป็นร้อยรูป ถ้าใช้เครื่อง Android เลือกว่าจะให้ส่งผ่าน Line หรือเว็บฝากไฟล์ตามความสะดวก
คอร์สที่ผู้เขียนเลือกเป็นการขับ 2 ชั่วโมง ในจุดแรกหอคอยโตเกียว จะมีการจอดให้แวะพักเข้าห้องน้ำ และถ่ายรูปประมาณ 10 นาที แต่ช่วงขับผ่านห้าแยกชิบูยา จุดเช็กอินหลักของนักท่องเที่ยว ถ้าเจอไฟเขียวจะวนกลับมาจนได้หยุดจอดถ่ายรูป Valentino เป็นคนลงมาเก็บภาพทั้งหมู่และเดี่ยว ระหว่างติดไฟแดงเรายังกลายเป็นจุดสนใจของคนที่กำลังรอข้ามถนนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปจนแอ็คท่าแทบไม่ทัน ใครเลือกคอร์สนี้เตรียมพร้อมมาล่วงหน้าด้วยล่ะ
World 8-4
มาถึงด่านสุดท้ายเป็นการขับออกสู่ถนนจริง ขั้นตอนสตาร์ทต้องใช้เวลาพอสมควร จากสภาพอากาศที่หนาว รถของ MariCar ใช้เครื่องยนต์ 50 c.c. ระดับเดียวกับมอเตอร์ไซค์ป๊อป ทำให้การออกตัวเป็นไปแบบนุ่มนวล ไม่กระชากรุนแรง
ช่วงแรกพยายามสร้างความคุ้นเคยกับรถ จังหวะการเหยียบคันเร่งหรือระยะเบรก พวงมาลัยมีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์ปกติ ควรจับสองมือในตำแหน่งที่ถูกต้อง ระดับความเร็วของรถขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของคนขับ แต่ถ้ากดคันเร่งลึก สามารถทำความเร็วประมาณ 50 กม./ชม. ได้แบบสบายๆ และถ้าเป็นช่วงลงเนิน ทำความเร็วได้ดีขึ้น (แต่ญี่ปุ่นจำกัดความเร็วถนนในเมืองที่ 60 กม./ชม.)
ข้อแนะนำที่อยากเพิ่มเติม กรณีที่คอร์สของคุณมีจำนวนคนขับเยอะ และกลัวจะหลุดขบวน บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของร้านหรือสตาฟที่ขับนำไว้ก่อน แต่จากที่ขับจริง มีครั้งเดียวที่ติดไฟแดง Valentino ที่ขับนำจะจอดรอริมถนนอีกฝั่ง โดยหากคุณถูกตำรวจเรียกปรับหรือเกิดอุบัติเหตุเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวเท่านั้น
ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงที่อยู่บนถนน ขับผ่านย่านสำคัญๆ ได้รู้ว่าคนญี่ปุ่นมีมารยาทในการขับรถที่ดีมาก ไม่มีการขับไล่จี้หรือทำให้คนขับโก-คาร์ทรู้สึกหวาดเสียว พร้อมให้เปลี่ยนเลนทุกครั้งที่เราเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว แต่สิ่งสำคัญที่สุด หากใครอยากไปขับ Mario Kart บนถนนจริง ต้องไม่ลืมว่าเกมนี้เรามีชีวิตเดียว ไม่มีเก็บเห็ดอัพเพิ่มตัวหรือกด Continue เริ่มต้นใหม่เหมือนเวลาเล่นเกมอยู่หน้าจอทีวีที่บ้านนะครับ
เรื่อง พูนทวี สุวัตถิกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
Review Mario Kart รีวิว