EQC-รถไฟฟ้ารุ่นแรกจากเมอร์เซเดส, ชาร์จครั้งเดียววิ่งทะลุ 450 กม.พร้อมขายจริงปีหน้า
EQC รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกภายใต้แบรนด์ EQ ของ Mercedes-Benz เผยโฉมอย่างเป็นทางการที่กรุงสต๊อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในรูปโฉมของรถสไตล์ครอสส์โอเวอร์เอสยูวีที่มีกำลังสูงสุด 408 แรงม้า สามารถขับได้ไกลเกิน 450 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง โดยเตรียมขายจริงในปี 2019
New Mercedes-Benz EQC จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง (น้ำหนักรวม 650 กิโลกรัม) ส่งกำลังผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Asynchronous Motors ด้วยระบบขับเคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่แยกการควบคุมเพลาแต่ละข้างเพื่อให้ได้อารมณ์การขับแบบ All-wheel Drive มีกำลังสูงสุด 300 กิโลวัตต์หรือ 408 แรงม้า และแรงบิด 765 นิวตันเมตร โดยจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 180 กม./ชม. ใช้เวลา 5.1 วินาทีทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.
https://youtu.be/1iT3TKHLq90
ระยะทางในการขับซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่จะทำให้คนตัดสินใจซื้อ Mercedes เคลมเอาไว้ว่า EQC วิ่งได้ไกลเกิน 450 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง โดยจะกินไฟราว 22.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อการขับ 100 กิโลเมตร แต่ตัวเลขทั้งหมดนี้ยังเป็นข้อมูลชั่วคราวภายใต้มาตรฐานการทดสอบ NEDC ของยุโรป
ความเร็วในการชาร์จไฟของ Mercedes EQC ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ และกำลังไฟเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์อื่นๆ โดยจะมีปลั๊กชาร์จไฟแบบปกติ (Onboard Charger-OBC) เหมือนกับโมเดล Plug-in Hybrid ของพวกเขาเพื่อใช้งานที่บ้าน รองรับกำลังไฟฟ้าสูงสุด 7.4 กิโลวัตต์ แต่หากใช้ Mercedes-Benz Wallbox จะชาร์จเร็วขึ้นประมาณ 3 เท่า เช่นเดียวกับการใช้บริการที่สถานีชาร์จไฟที่จ่ายไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charging)
Mercedes ยังเตรียมติดตั้งหัวชาร์จไฟให้รองรับการใช้งานทั่วโลกทั้งแบบ CCS (Combined Charging Systems) ในยุโรป และสหรัฐฯ, CHAdeMO ในญี่ปุ่นหรือ GB/T ในจีน โดยครอสส์โอเวอร์เอสยูวีคันนี้รองรับการชาร์จไฟที่กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ และใช้เวลาประมาณ 40 นาที ชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ที่เหลือกำลัง 10 เปอร์เซ็นต์ให้ขึ้นไปอยู่ระดับ 80 เปอร์เซ็นต์
อย่างที่บอกว่าความสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า และระยะทางการขับขึ้นอยู่กับรูปแบบการขับขี่ของแต่ละคน แต่ทีมวิศวกร Mercedes ติดตั้งโหมดการขับขี่ให้ใช้งานถึง 5 รูปแบบไล่เรียงจาก Comfort, ECO, Max Range, Sport และการปรับแต่งตามความชอบ Individually Adaptable
Max Range เป็นโหมดการขับที่เพิ่มเข้ามาจากรถ Mercedes ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน โดยจะช่วยควบคุมให้ขับได้ระยะทางไกลที่สุดเท่าที่กำลังไฟฟ้าของแบตเตอรี่หลงเหลืออยู่ แต่ที่สำคัญคือระบบช่วยเหลือ ECO Assist ที่จะส่งสัญญาณเตือนคนขับว่าตอนไหนควรยกเท้าออกจากคันเร่งเพื่อสะสมพลังไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่ รวมทั้งเตือนไม่ให้ขับเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งประมวลผลจากเนวิเกเตอร์, ป้ายสัญญาณจราจร และเรดาห์ตรวจจับเพื่อช่วยเลือกเส้นทางสู่จุดหมายที่สั้นที่สุดอีกด้วย
ในส่วนของงานดีไซน์ภายใต้หลักการ Progressive Luxury รูปทรงภายนอกของ EQC ไม่ได้ล้ำสมัยขนาดรถต้นแบบ Generation EQ ที่เปิดตัวในงานปารีส มอเตอร์โชว์ 2016 แต่เป็นการผสมผสานระหว่างยุคดิจิตอลกับอนาล็อกให้เป็นครอสส์โอเวอร์เอสยูวีที่มีความลงตัว และเส้นสายบนตัวถังที่ลาดต่ำให้อารมณ์แบบรถสไตล์คูเป้
เช่นเดียวกับดีไซน์ภายในห้องโดยสารเลือกใช้โทนสีดำเป็นหลัก แผงควบคุมบริเวณคอนโซลกลางค่อนข้างใกล้เคียงกับรถ Mercedes รุ่นปัจจุบัน โดยที่นั่งฝั่งคนขับพวกเขาใช้คำว่า “Cut-out” เพื่อแยกพื้นที่เป็นเหมือนค๊อกพิตต์ควบคุมพิเศษ ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลขับขี่จะเป็นแผงยาวต่อกับหน้าจอตรงกลางให้ความรู้สึกล้ำสมัยมากขึ้น
ในส่วนของการทดสอบบนถนนจริง Mercedes เปิดเผยว่าก่อนรถคันจริงที่ผลิตจากโรงงานในเมืองเบรเมน ประเทศเยอรมนี เพื่อส่งมอบให้ลูกค้าในปี 2019 รถต้นแบบ (Prototype) และรถทดลองประกอบ (Pre-production) จะมีระยะทางการขับมากกว่า 1 ล้านกิโลเมตรใน 4 ทวีป (ยุโรป, อเมริกาเหนือ, เอเชีย และแอฟริกา) โดยกำหนดโปรแกรมทดสอบที่แตกต่างมากกว่า 500 รูปแบบ เช่นเดียวกับ Mercedes-Benz รุ่นใหม่ๆ รวมทั้งต้องผ่านการทดสอบพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: media.daimler.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th