สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ‘Esperienza Ferrari Thailand 2019’
1 ในอีเวนต์สำคัญที่คาวาลลิโน มอเตอร์ ผู้จำหน่าย Ferrari ซูเปอร์คาร์สัญชาติอิตาเลี่ยนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี Esperienza Ferrari Thailand เพื่อให้ผู้หลงใหลแบรนด์ “ม้าลำพอง” ได้สัมผัสสมรรถนะที่ซ่อนอยู่ และเรียนรู้เทคนิคการขับแบบมืออาชีพ…
ในปีนี้ Esperienza Ferrari Thailand 2019 มีการเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมที่จะเป็นเส้นทางในต่างจังหวัด มาเป็นการลองสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ในเมืองเพื่อให้เหมาะสมกับ 2 โมเดลที่นำมาให้ทดสอบ Ferrari Portofino และ Ferrari GTC4Lusso T ที่มาในคอนเซ็ปต์ของรถ Ferrari ที่คุณสามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน—‘The Ferrari You Can Drive Every Day’
ความพิเศษอีกอย่างของอีเวนต์ปีนี้คือการเชิญ 2 ผู้ฝึกสอน Ferrari Instructor ส่งตรงจากฐานบัญชาการใหญ่ในเมืองมาราเนลโล่ ประเทศอิตาลี เพื่อมาถ่ายทอดเทคนิคการขับทั้ง 2 โมเดลแบบเจาะลึกตั้งแต่การใช้โหมดขับขี่ที่เหมาะกับสภาพท้องถนน, จังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ และเทคนิคการควบคุมรถในระดับความเร็วสูง โดยคนแรก Marco Bonanomi นักแข่งรถอาชีพมากประสบการณ์ที่เคยลงขับรายการ FIA World Endurance Championship และ Marcello Puglisi นักแข่งจากศึก Ferrari Challenge
หลังจาก 2 ผู้ฝึกสอนชาวอิตาเลี่ยน แนะนำเทคนิคการขับ, รายละเอียดของเส้นทาง และข้อมูลสำคัญของรถเป็นที่เรียบร้อย ถึงเวลาสัมผัสของจริง โดยจาก 2 คันที่จอดอยู่ผู้เขียนไม่ลังเลที่จะเลือกขับ Ferrari Portofino เพื่อสัมผัส Esperienza—ประสบการณ์สุดพิเศษของรถสไตล์แกรนทัวริสโม่เปิดประทุนหลังคาแข็ง Retractable Hardtop ขุมกำลังเครื่องยนต์ V8 ที่มีกำลัง 600 แรงม้า ใช้เวลาแค่ 3.5 วินาที ทำความเร็วแตะ 100 กม./ชม. และความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม. รวมทั้งเป็นโมเดลใหม่สุดที่เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
(คลิก) มาถึงแล้ว “ม้าลำพองตัวใหม่” Ferrari Portofino เริ่มต้น 20.9 ล้าน
ภายในของ Portofino คันที่คาวาลลิโน มอเตอร์ เตรียมมาให้ทดสอบจะเป็นเบาะแบบ Standard จากที่มีให้เลือกทั้งหมด 3 สไตล์ แต่มีความพิเศษที่โลโก้ “ม้าลำพอง-Prancing Horse” ถูกปักด้วยด้ายสีแดง และหน้าจอแสดงรอบเครื่องยนต์สีเหลืองเพิ่มอารมณ์ความเร้าใจในการขับมากยิ่งขึ้น
Marcello ที่จะเป็นคนนั่งไปด้วยในการขับรอบนี้ ปล่อยให้ผู้เขียนทำความคุ้นเคยกับ Portofino สักพักหนึ่ง และสร้างความเป็นกันเองด้วยการบอกว่า ‘Drive as Fast as You Can’ หรือพูดง่ายๆ ขับเร็วยังไงก็ได้ตามที่ต้องการ ก่อนที่ Esperienza Ferrari Thailand 2019 จะเริ่มต้นขึ้นจากโพธาลัย เลเชอร์ ปาร์ค บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม-ทางพิเศษกาญจนาภิเษกช่วงลำลูกกา ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร
อย่างที่ทุกคนรู้ว่าการจราจรบนท้องถนนกรุงเทพมหานครช่วงเช้าค่อนข้างหนาแน่น แต่ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า Electric Power Steering (EPS) ทำให้ควบคุม Portofino ได้ง่าย เปลี่ยนเลนได้คล่องแคล่วเหมือนขับรถปกติ เรียกว่าเป็นซูเปอร์คาร์ที่เหมาะสมกับการขับใช้งานในทุกวันอย่างแท้จริง
พอหลุดจากช่วงรถติดเข้าสู่ทางพิเศษฉลองรัช เริ่มสัมผัสความแรงของเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบชาร์จ 3.9 ลิตร รหัส F154 ที่ครองรางวัล International Engine of the Year เครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 3 สมัยซ้อน (ปี 2016-2018) โดยมีการพัฒนาชิ้นส่วนใหม่พร้อมปรับปรุงซอฟต์แวร์ระบบควบคุมเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ Portofino จนสร้างกำลังได้สูงสุด 600 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตรที่ 3,000-5,250 รอบต่อนาที มากกว่า California T โมเดลแรกของ Ferrari ที่ใช้เครื่องยนต์รหัสนี้ราว 40 แรงม้าเลยทีเดียว
เสียงคำรามของเครื่องยนต์ และอัตราเร่งที่พร้อมจะส่งออกมาทุกครั้งที่กดคันเร่งลงไปต้องยอมรับว่า Portofino ขับสนุกมากๆ ถึงกำลังจะแตกต่างจากเครื่องยนต์ V12 6.5-litre ใน 812 Superfast ที่เคยมีโอกาสทดสอบก่อนหน้านี้ไม่นาน แต่อารมณ์ความเป็น Ferrari เป็นเอกลักษณ์ที่ค่ายรถสปอร์ตยุโรปหรือซูเปอร์คาร์แบรนด์อื่นจะเทียบได้จริงๆ
อีกองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Portofino ควบคุมได้ง่ายถึงจะขับด้วยความเร็วสูงคือการติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุม Electronic Rear Differential (E-Diff3) ที่จะทำงานร่วมกับระบบ F1-Trac ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน รวมทั้งระบบพวงมาลัย EPS ที่ถูกนำมาใช้งานเป็นครั้งแรกในโมเดลกลุ่มแกรนด์ทัวริสโม่ ช่วยลดอัตราทดพวงมาลัยได้มากถึง 7 เปอร์เซ็นต์ทำให้การตอบสนองดีขึ้น รวมถึงระบบกันสะเทือน Magnetorheological Damping System (SCM-E) ถูกเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี Dual-coil ช่วยลดอาการโคลงพร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพการซึมซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนที่ไม่เรียบที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนเมื่อลองขับบนถนนเมืองไทย
(คลิก) ปราบพยศ Ferrari 812 Superfast-โมเดลที่ทรงพลังที่สุด
ระหว่างที่ขับช่วงลำลูกกาเพื่อวนรถกลับขึ้นทางพิเศษกาญจนาภิเษกอีกรอบ Marcello แนะนำให้ลองสัมผัสบรรยากาศการขับแบบเปิดประทุนของ Portofino โดยหลังคา Retractable Hardtop ใช้เวลาเปิด-ปิดเพียง 14 วินาที และถึงสภาพอากาศบ้านเราจะร้อนยังไง แต่โอกาสขับ Ferrari เปิดประทุนไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ผู้เขียนรีบตอบตกลง ชะลอความเร็วเพื่อให้หลังคาถูกเลื่อนเก็บเข้าสู่ด้านท้าย
การเปิดหลังคาขับช่วยให้สัมผัสเสียงเครื่องยนต์ที่เร้าใจอันเป็นเอกลักษณ์ของ Ferrari มากขึ้นกว่าเดิม แต่การพูดคุยระหว่างผู้เขียนกับ Marcello แทบจะไม่ถูกรบกวนจากเสียงลมด้วยการติดตั้งระบบ Wind Deflector ที่สามารถลดแรงลมในห้องโดยสารได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์
อีกความพิเศษของรถสไตล์แกรนด์ทัวริสโม่คงจะเป็นพื้นที่ห้องโดยสาร โดยทีมออกแบบของ Ferrari Design Centre สร้างตัวถังแบบ Two-Box Fastback ที่มีความดุดัน เส้นสายที่โฉบเฉี่ยวมีความสปอร์ต แต่สามารถเดินทางพร้อมกัน 4 คนด้วยที่นั่งแบบ 2+2 หรือจะใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่ด้านท้ายก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบาก
สัมผัสบรรยากาศแบบเปิดประทุนสักพักก่อนจะปิดหลังคากลับมา เพียงไม่กี่นาที Portofino ของเราก็กลับมาสู่โพธาลัย เลเชอร์ ปาร์ค สิ้นสุดการสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ Esperienza Ferrari Thailand 2019 ที่ครบถ้วนทุกอย่างของความเป็น “ม้าลำพอง” Ferrari
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: คาวาลลิโน มอเตอร์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th