อ่านก่อน!! ตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อนๆที่กำลังจะเลือกซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า หลายท่านอาจจะมองไปที่รูปทรงรูปลักษณ์ภายนอก วัสดุ การประกอบ ออฟชั่น และราคา เพิ่งอย่างเดียว แต่การเลือกซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า มันต้องเลือกมากว่านั้น วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับดีๆ ว่าก่อนที่เพื่อนๆจะตัดสินใจซื้อรถไฟฟ้าจะต้องเลือกอย่างไร มาดูกัน
1.ความจุแบตเตอรี่ และ ระยะทางที่วิ่งได้
อันดับแรกที่ต้องเลือกนั้นก็คือ ความจุแบตเตอรี่ และระยะทางที่วิ่งได้ สำคัญมากที่เดียวครับ เพราะรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้า ไม่เหมือนรถเครื่องสันดาปที่น้ำมันหมดแล้วแวะปั๊มเติมได้ไม่กี่นาที แต่รถยนต์ไฟฟ้าถ้าไฟหมดต้องจอดชาร์จไฟอย่างน้อย 30 นาทีเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นดูจากพฤติกรรมการใช้รถของเราว่าวิ่งในแต่ละวันระยะทางไกลแค่ไหน ออกต่างจังหวัดบ่อยหรือไม่ เอาเป็นว่า มาตรฐานรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปที่คนนิยมกัน ถ้าใช้แบตเตอรี่ความจุ 60-90 kW จะสามารถวิ่งได้ไกล 300-400 กม.ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งถ้าหากอยากได้รถที่วิ่งระยะทางไกลมากขึ้น ก็ต้องเลือกรุ่นที่แบตมีความจุสูงมากขึ้นและแน่นอนว่าราคาของรถก็จะสูงตามขนาดความจุของแบตเตอรี่
2. ดูระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่
รถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ มีระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอร์รี่เต็ม 100% ไม่เท่ากัน ตามขนาดความจุ และชนิดของแบตเตอรี่ที่รถคันนั้นๆใช้ เช่น ชาร์จแบบธรรมดาที่ใช้ไฟบ้านเป็นกระแสสลับ (AC) ใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 12-16 ชม. หรือ ชาร์จแบบด่วนตามสถานีชาร์จที่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC ) ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที เป้นต้น
3. ดูความพร้อมว่าบ้านเรามีพื้นที่ และไฟฟ้า สามารถติดตั้งที่ชาร์จไฟฟ้าที่บ้านได้หรือไม่
เนื่องจากประเทศไทยยังมีสถานีชาร์จไฟฟ้ายังไม่ครอบคลุม และเพียงพอต้องการใช้งาน หรือหากมีสถานีชาร์จอยู่ใกล้ แต่อาจไม่มีหัวชาร์จที่ใช้ได้กับรถยนต์ไฟฟ้าของเราได้ เพราะมาตรฐานหัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละยี่ห้อแตกต่างกัน เพื่อความสะดวกอาจติดตั้งที่ชาร์จไฟที่บ้าน แต่จะต้องเปลี่ยนขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าให้มีขนาดใหญ่ขึ้นไม่น้อยกว่า 30 แอมป์ พร้อมเปลี่ยนสายเมนไฟฟ้าเข้าบ้านใหม่ เป็นต้น ทั้งนี้เราสามารถติดต่อติดตั้งจากช่างไฟฟ้าที่ชำนาญการจากการไฟฟ้านครหลวงได้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.mea.or.th/profile/3361/3440 แต่ถ้าเพื่อนๆอยู่คอนโดที่ยังไม่มีจุดชาร์จไฟฟ้าให้ก็อาจจะต้องพิจารณาเอาว่าถ้าซื้อมามันจะทำให้การใช้ชีวิตยุ่งยากขึ้นหรือไม่ ลองคิดดูดีๆครับ
4. ดูเรื่องการซ่อมบำรุง
เมื่อเปรียบเทียบค่าซ่อมบำรุงระหว่างรถที่ใช้น้ำมันกับรถ EV พบว่ารถ EV ไม่มีเครื่องยนต์ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิก ทำให้ค่าซ่อมบำรุงและค่าดูแลรักษาต่ำกว่ารถที่ใช้น้ำมัน เฉลี่ยแล้วต่ำกว่า 50% แต่รถไฟฟ้าหากเกิดเสียจะมีค่าอะไหล่ที่แพงกว่า เช่น ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ จะอยู่ที่ประมาณ 100,000-200,000 บาท จะเห็นได้ว่าผู้ใช้รถ EV จะสบายเรื่องการซ่อมบำรุงที่ไม่ค่อยจุกจิกไม่ต้องคอยเอารถเข้าศูนย์บ่อย ๆ แต่ถ้าหากเกิดพังขึ้นมา อาจต้องเสียเงินเป็นหลักแสนเลยทีเดียว แถมต้องวิ่งเข้าศูนย์อย่างเดียวไม่สามารถเปลี่ยน ซ่อม อู่ทั่วไปใกล้บ้านได้
5. ดูแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมีบริการหลังการขาย
เนื่องจากรถไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย จึงทำให้มีผู้นำเข้า และผู้ผลิต หลายรายนำรถยนต์ไฟฟ้า หลากหลายรูปแบบมาจำหน่าย เพราะฉะนั้นการเลือกแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่น่าเชื่อถือและได้มาตรฐานการผลิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ รวมทั้งต้องมีศูนย์บริการหลังจากขายที่ได้มาตรฐาน สามารถช่วยเหลือเวลารถเกิดมีปัญหา เพราะเราไม่สามารถซ่อมรถ EV นอกศูนย์บริการได้นั้นเอง
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th