Exclusive Talk: สเตฟาน จาค็อบบี กับ 1 ศตวรรษความแกร่งของกระบะเชฟโรเลต
หากถามถึงรถกระบะที่สร้างตำนานมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของการใช้ชีวิตในแบบอเมริกันชน ค่ายโบว์ไทด์ “เชฟโรเลต” มักจะเป็นสิ่งแรกที่จะนึกถึง..แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านยุคเริ่มต้นของกระบะเชฟโรเลตมาแล้ว 100 ปี แต่ชื่อเสียงและคุณภาพยังคงสะท้อนความมุ่งมั่นไม่เสื่อมคลาย ซึ่งในวันนี้เป็นโอกาสพิเศษที่ได้พูดคุยกับ มร.สเตฟาน จาค็อบบี รองประธาน จีเอ็ม และประธาน จีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เกี่ยวกับ 100 ปี แห่งการบุกเบิกเส้นทางของรถกระบะเชฟโรเลต
มร.สเตฟาน จาค็อบบี ถือเป็นหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ที่ผลักดันให้เชฟโรเลตเติบโตอย่างมั่นคง และยังเป็นผู้นำการดำเนินงานของจีเอ็มมากกว่า 100 ประเทศ รวมถึงเขตแดนในแอฟริกา, เอเชีย, แปซิฟิก, ยุโรป และตะวันออกกลาง มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ร่วม 30 ปี มีความชำนาญในการบริหารประสบการณ์ลูกค้าและโครงสร้างการค้าปลีก รวมถึงประสบการณ์ด้านการเงิน การขายและการตลาด ที่ทำให้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงผลกระทบจากการดำเนินงานทั้งสองด้านที่มีต่อผลกำไรและการสร้างการเติบโตให้ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ ยังเคยทำงานกับโฟล์คสวาเกน เอจี ตั้งแต่ พ.ศ. 2528 – 2544 ในฝ่ายการเงินและตำแหน่งผู้บริหารหลากหลายด้าน , ร่วมงานกับมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2544 โดยรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยุโรป และกลับเข้าทำงานที่โฟล์คสวาเกน เอจี อีกครั้งในปี พ.ศ. 2547 ในตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย จากนั้นในปีพ.ศ. 2550 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการของโฟล์คสวาเกน กรุ๊ป ออฟ อเมริกา และเข้าร่วมงานกับวอลโว่ คาร์ คอร์ปอเรชั่นในปีพ.ศ. 2553 ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการ แค่เห็นจากประวัติแล้วถือว่าเป็นรุ่นใหญ่ที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
เมื่อตั้งคำถามว่า “กระบะเชฟโรเลตมีดีอะไร ทำไมถึงอยู่มาได้ถึง 100 ปี” มร.จาค็อบบี ตอบแบบไม่ลังเลและชัดเจนว่า “รถกระบะเชฟโรเลตเปรียบเสมือนกับไลฟ์สไตล์ของคนอเมริกัน ไม่เพียงแค่เป็นรถอเมริกันแท้ๆ แต่มันเป็นสัญลักษณ์และเป็นตัวแทนของอเมริกันชน รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทาง รถกระบะบิ๊กไซส์ “ซิลเวอราโด” ที่นำมาจัดแสดงในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 เพียงแค่เห็นรูปโฉมก็จะรู้สึกได้ทันทีว่า ซิลเวอราโด นี่ล่ะที่จะถูกเลือกให้เป็นคู่หูในการเดินทาง
หากเปรียบคนอเมริกันกับเชฟโรเลตก็เหมือนเป็นดีเอ็นเอเดียวกัน เพียงแต่เป็นดีเอ็นเอของการใช้ชีวิตและการเดินทาง รถกระบะจึงเปรียบเสมือนชีวิตของคนอเมริกัน ไปไหนต้องไปด้วยกัน รถกระบะก็เหมือนกับกางเกงยีนส์นั่นล่ะ”
“แล้วถ้าอย่างนั้นรถกระบะกับคนไทยก็มีความคล้ายกันน่ะสิ เพราะทุกวันนี้ไลฟ์สไตล์คนไทยกลุ่มใหญ่ได้หันมาใช้รถกระบะในชีวิตประจำวันและท่องเที่ยวเดินทางมากขึ้น” ผู้เขียนพูดเสริม
“มีความคล้ายกัน” มร.จาค็อบบี ตอบ “แต่ในตลาดของไทยส่วนใหญ่จะเป็นรถกระบะขนาดกลางอย่างโคโลราโด ส่วนในอเมริกาจะเป็นกระบะขนาดใหญ่อย่างซิลเวอราโด ถึงขนาดจะมีความต่างกัน แต่ปัจจัยในการใช้งานเหมือนกัน ที่อเมริกามีการเปิดตัวโคโลราโดเมื่อ 2 ปีก่อน และได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับการวางแผนการตลาดใหม่ในปี 2015 ที่มุ่งเน้นทำตลาดในกลุ่มรถกระบะกับรถเอสยูวีแทน”
“ถ้าอย่างนั้นคงไม่ได้เห็นเชฟโรเลตทำตลาดในกลุ่มรถยนต์นั่งในไทยอีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่”
มร.จาค็อบบี ตอบกลับ “ตอนนี้ยังไม่มีแผน ยังคงโฟกัสที่รถกระบะกับรถเอสยูวีเป็นหลัก แต่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส เพราะถ้าจะกลับมาทำต้องวางแผนให้ดี รวมทั้งหาช่องทางหรือแนวทางที่ชัดเจน เนื่องจากรถในกลุ่มนี้มีการแข่งขันสูง”
ถามต่อด้วยความสงสัย “แล้วอนาคตของกระบะเชฟโรเลตจะไปในทิศทางไหน เพราะปัจจุบันถือว่ามีหลายอย่างที่ค่อนข้างตอบโจทย์ หรือจะมีการพัฒนาด้านเครื่องยนต์หรือเทคโนโลยีอื่นๆ เป็นพิเศษหรือเปล่า”
มร.จาค็อบบี เอนหลังพิงเบาะโซฟา ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วตอบคำถามว่า “สำหรับรถยนต์แล้วหลายอย่างต้องเดินหน้าพัฒนาไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมรรถนะพละกำลัง แรงม้า แรงบิด ระบบความปลอดภัย และเทคโนโลยีต่อพ่วงต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลที่ถือว่าเป็นผู้เล่นหลักในตลาดรถกระบะ เชฟโรเลตเองพยายามที่จะเป็นผู้นำในเรื่องของพละกำลังเครื่องยนต์ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซล ดูราแม็กซ์ ที่มีอยู่ในโคโลราโดและเทรลเบลเซอร์ก็สามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้อย่างน่าภูมิใจ
ส่วนเรื่องของระบบความปลอดภัยก็ต้องเน้นไปด้วยกัน แต่ไม่ทิ้งเรื่องความสะดวกสบายทั้งในส่วนของห้องโดยสารและการใช้งานอื่นๆ รถกระบะของเชฟโรเลตมีการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่าง “ไฮ คันทรี่ สตรอม” ที่เพิ่งเปิดตัว มีทั้งพละกำลัง ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย มีการเชื่อมต่อเทคโนโลยี My Link ซึ่ง My Link เป็นอีกจุดเด่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานที่หลากหลายของผู้ใช้รถ เพราะผู้ใช้รถชาวไทยไม่ได้แตกต่างไปจากผู้ใช้รถในญี่ปุ่น ยุโรป หรืออเมริกาเหนือ ที่เลือกใช้รถกระบะเพื่อทำธุรกิจ ทำการบรรทุก และเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ยิ่งปัจจุบันมองว่าตลาดรถในเมืองไทยกำลังฟื้นตัวและจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดหลักยังคงเป็นรถกระบะขนาดกลาง มีข้อมูลจากการสำรวจพบว่าคนไทยน่าจะหันมาใช้รถยนต์ขนาดเล็กมากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วคนไทยยังคงชอบการใช้งานจากรถกระบะมากกว่า และที่สำคัญตอบคำถามที่ว่าทำไม My Link ถึงมีความสำคัญและติดตั้งอยู่ในรถทุกรุ่นของเชฟโรเลต นั่นเป็นเพราะทุกวันนี้ทุกคนใช้สมาร์ทโฟน และต้องการเชื่อมต่อทุกสิ่งกับสมาร์ทโฟนที่ใช้ รวมถึงในรถยนต์ด้วยเช่นกัน
นอกเหนือจากรถยนต์ที่จะต้องมีสมรรถนะที่ดีเยี่ยม มีความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่ช่วยให้การใช้งานต่างๆ ง่ายขึ้นแล้ว รถยนต์ยังจะต้องทำให้ผู้ใช้รถมีความสุขและสนุกสนานไปกับไลฟ์สไตล์ที่ได้จากรถยนต์ที่ใช้งานด้วยเช่นกัน” มร.จาค็อบบี ตอบพร้อมรอยยิ้ม
ผู้เขียนยิ้มตอบแล้วตั้งคำถามขึ้นใหม่ว่า “คิดว่าแรงงานฝีมือคนไทยเป็นอย่างไรบ้าง หลายคนชอบรถนำเข้าเพราะประกอบจากต่างประเทศ แต่อีกกลุ่มหนึ่งก็มองว่าฝีมือประกอบของคนไทยดีกว่า คุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร”
“วัฒนธรรมแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน บอกไม่ได้ว่าที่ไหนดี ที่ไหนไม่ดี แต่สำหรับแรงงานฝีมือคนไทยต้องยอมรับว่ามีความทุ่มเทและมีความจริงจังมาก จากที่ได้สำรวจการทำงานภายในโรงงานประกอบเครื่องยนต์ที่ จ.ระยอง ทำให้เห็นว่าทุกคนมีความมุ่งมั่นและทุ่มเทมาก แม้ว่ามีการทำงานกัน 3 กะ ยกเว้นวันเสาร์ แต่ทุกคนยังคงมีพลังในการทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของฝ่ายบริหารที่ต้องส่งเครื่องยนต์ที่ประกอบในไทยไปยังอเมริกาเหนือ เพื่อนำเป็นไปขุมพลังให้กับโคโลราโดที่จำหน่ายที่นั่นซึ่งขายดีมาก เป็นการยืนยันว่าผลผลิตเครื่องยนต์จากแรงงานฝีมือไทยได้มาตรฐานมาก และไม่เพียงเท่านั้น เรื่องของความปลอดภัยในการปฏิบัติงานยังเป็นตัวช่วยยืนยันถึงคุณภาพ เพราะที่ผ่านมา 1,500 วัน ยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับพนักงานในสายการผลิตเครื่องยนต์เลยสักครั้งเดียว”
“แล้วในอนาคตรถกระบะเชฟโรเลตจะเป็นอย่างไร จะมีอะไรที่พิเศษกว่านี้อีกหรือไม่” ผู้เขียนถาม
มร.จาค็อบบี ตอบทันทีว่า “เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ แต่ทีมงานในระดับปฏิบัติและระดับบริหารพยายามที่จะทำให้ดีที่สุด ที่แน่ๆ คือ ในอนาคตโครงสร้างตัวถังจะต้องมีน้ำหนักเบาลง แต่แข็งแรงมากขึ้น เครื่องยนต์ต้องประหยัดเชื้อเพลิงและต้องต้องโจทย์การใช้งานในเรื่องของการรองรับน้ำหนักบรรทุก ความจุสัมภาระ พละกำลังในการลากจูง การขับในแบบออฟโรด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความท้าทายในการที่ทีมงานจะต้องสนองตอบต่อผู้บริโภคให้ได้”
“ก่อนจะจบการสนทนา มีอะไรอยากจะบอกไปถึงผู้บริโภคชาวไทยบ้าง”
มร.จาค็อบบี ยิ้มพร้อมตอบด้วยอย่างสบายใจว่า “ขอบคุณคนไทยที่ให้การตอบรับกับเชฟโรเลตอย่างดีเสมอมา และเราจะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ามากขึ้น รวมถึงผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพ สานต่อตำนาน 100 ปี ของรถกระบะเชฟโรเลตให้มีชื่อเสียงต่อไป และด้วยผลิตภัณฑ์หลักอย่าง โคโลราโด, ไฮคันทรี่, เทรลเบลเซอร์ และ ไฮคันทรี่ สตรอม รุ่นล่าสุด จะช่วยตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างเหมาะสม และนี่เป็นโอกาสดีที่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ของความเป็นอเมริกันอย่างแท้จริง ซึ่งเชฟโรเลตมีความแตกต่างหากได้ลองสัมผัสด้วยตนเอง ขอเชิญชวนให้เข้ามาชมที่บูธเชฟโรเลต ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 และที่โชว์รูมเชฟโรเลตทั่วประเทศ”
และนี่คือ แนวคิดและคำตอบที่ชัดเจนของ มร.สเตฟาน จาค็อบบี รองประธาน จีเอ็ม และประธาน จีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ที่พร้อมบุกเบิกต่อเส้นทางของรถกระบะเชฟโรเลตต่อไปอย่างมั่นคง
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th