Fiat 500 3+1 ทางออกสำหรับผู้ต้องการความสะดวกที่เบาะหลัง

หลังการเปิดตัว Fiat 500 ใหม่ในแบบเปิดประทุนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แล้วตามด้วย 500 แฮทช์แบ็กในเดือนมิถุนายน ในที่สุด Fiat ก็มีทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้งานเบาะหลังในรถซิตี้คาร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของตนด้วย 500 3+1 ซึ่งเป็นการเพิ่มประตูขนาดเล็กที่เบาะหลังฝั่งผู้โดยสารขึ้นมาอีกหนึ่งประตู จึงเป็นที่มาของชื่อ 3+1

Fiat 500 3+1 ถูกระบุว่าเป็นรุ่นที่ถูกทำออกมาเพื่อเพิ่มความสะดวกแก่พ่อและแม่ที่มีลูกเล็ก 1 หรือ 2 คนในขนาดของตัวรถที่เหมือนกับ 500 ใหม่เปิดประทุนและแฮทช์แบ็ก ด้วยการมีประตูขนาดเล็กที่เบาะหลังด้านหลังเบาะหน้าฝั่งผู้โดยสารมาให้พร้อมกับตัดเสาบีที่ฝั่งผู้โดยสารออก โดยเป็นประตูที่เปิดออกจากตรงกลางในลักษณะตู้กับข้าว ซึ่งจะต้องเปิดประตูที่เบาะหน้าก่อนจึงเปิดประตูที่เบาะหลังได้เพื่อความปลอดภัย

เพื่อแลกกับความสะดวกที่เพิ่มขึ้นทาง Fiat ระบุว่า 500 3+1 มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากรุ่นแฮทช์แบ็ก 30 กิโลกรัม แต่ไม่มีผลต่อความสิ้นเปลืองพลังงาน และเช่นเดียวกับ 500 ใหม่ที่ออกมาก่อนหน้านี้ทั้งตัวถังเปิดประทุนและแฮทช์แบ็ก ที่ 500 3+1 ถูกเปิดตัวออกมาพร้อมกับรุ่นแต่งพิเศษ La Prima ในช่วงแรกของการเปิดตัว โดยที่มี 3 สีภายนอกให้เลือกระหว่างสีทอง Rose Gold สีฟ้า Glacier Blue และดำ Onyx Black รวมไปถึง 500 3+1 La Prima มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานอย่างไฟหน้า Full LED ล้อทูโทนขนาด 17 นิ้ว มีแถบโครเมียมแทรกที่กระจกหน้าต่างและด้านข้างของรถ

ภายในห้องโดยสารของ 500 3+1 La Prima ทั้งเบาะ แผงแดชบอร์ด และพวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง Eco-leather โดยมีลายตัวหนังสือ Fiat ที่เบาะ ในขณะที่พวงมาลัยมาในสไตล์ทูโทน และที่แผงแดชบอร์ดมีป้ายระบุ La Prima

สำหรับความสะดวกสบายในห้องโดยสารประกอบด้วยการปรับได้ 6 ทิศทางที่เบาะหน้า กระจกมองหลังไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ กล้องมองภาพ 360 องศา รวมทั้งเซ็นเซอร์สำหรับช่วยจอดรถ นอกจากนี้ 500 3+1 ยังมาพร้อมกับระบบ Infotainment UConnect 5 ใหม่ของค่าย FCA พร้อมกับมีจอทัชสกรีนขนาด 10.25 นิ้วและระบบนำทาง วิทยุดิจิตอล การเชื่อมต่อ Apple CarPlay ไร้สาย และ Android Auto รวมไปถึงมีระบบชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายมาให้ ในขณะที่การแสดงข้อมูลแก่ผู้ขับเป็นหน้าที่ของจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว

นอกจากนี้ทาง Fiat ยังประกาศเกี่ยวกับเกรดของ 500 ใหม่โดยระบุว่ากับเกรดพื้นฐานซึ่งใช้ชื่อว่า Action มาพร้อมกับแบตเตอรี 23.8 kWh สำหรับให้พลังงานมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 95 แรงม้า โดยมีความเร็วสูงสุด 135 กม./ชม. และทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 9.5 วินาที สามารถเดินทางได้ 180 กิโลเมตรต่อการชาร์จ โดยเกรด Action มีระบบชาร์จ 50 kW ทำให้ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ชาร์จพลังงานสำหรับเดินทางได้ 50 กิโลเมตร

ส่วนทั้งเกรดระดับกลางมีชื่อว่า Passion และเกรดสูงสุดมีชื่อว่า Icon มาพร้อมกับแบตเตอรีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 42 kWh ที่ให้พลังงานกับมอเตอร์กำลัง 116 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 150 กม./ชม. และมีระยะการเดินทาง 320 กิโลเมตรต่อการชาร์จ โดยรองรับการชาร์จ 85 kW ทำให้ใช้เวลา 35 นาทีเพื่อชาร์จพลังงานได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และใช้เวลา 5 นาทีเพื่อชาร์จพลังงานสำหรับการเดินทาง 50 กิโลเมตร แต่จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของอุปกรณ์มาตรฐาน