ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ควรดูแลอย่างไร
แม้ว่าประเทศไทยจะมีแสงแดดที่แรงตลอดทั้งปี จนทำให้หลายครั้งที่เครื่องปรับอากาศรถยนต์ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่ก็โชคดีที่กฎหมายในบ้านเราไม่ได้ควบคุมในเรื่องการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ จะห้ามก็เฉพาะฟิล์มที่ฉาบปรอทซึ่งสะท้อนแสงเท่านั้น จึงทำให้หนึ่งในของแถมที่ทางผู้จำหน่ายรถมักให้มาพร้อมกับรถยนต์เลยก็คือฟิล์มกรองแสง แต่อย่างไรก็ตามบางคนก็อาจเลือกที่จะติดฟิล์มกรองแสงเองเพื่อที่จะเลือกรุ่นที่ถูกใจได้ ซึ่งเมื่อติดฟิล์มกรองแสงแล้วสิ่งที่เจ้าของรถควรทำคือทดูแลเพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินติดฟิล์มใหม่ แต่อย่างไรก็ตามการดูแลฟิล์มกรองแสงรถยนต์มี 2 ส่วนคือ การดูแลหลังจากเพิ่มติดฟิล์มกรองแสงใหม่ๆ และการดูแลหลังจากนั้น
ดูแลฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่เพิ่งติดใหม่
1 อย่าเลื่อนกระจกรถขึ้น-ลง แม้ว่าเมื่อติดฟิล์มกรองแสงแล้วจะสามารถใช้ประโยชน์ในการลดความรุนแรงจากแสงแดดได้ทันที แต่การยึดติดของฟิล์มกับกระจกรถยังไม่ได้ยึดแน่นในทันที ซึ่งอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ดังนั้นการเลื่อนกระจกรถขึ้น-ลงช่วงเวลานี้จึงอาจทำให้ฟิล์มลอกออกได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้ติดฟิล์มมักแนะนำไม่ให้เลื่อนกระจกขึ้น-ลงประมาณ 7 วันหลังติดฟิล์ม
2 ไม่ต้องกังวลกับส่วนที่ขุ่นหรือเป็นคราบน้ำ
เมื่อติดฟิล์มกรองแสงใหม่ๆ สามารถเกิดลักษณะขุ่นรวมทั้งคราบน้ำระหว่างฟิล์มกับกระจก ซึ่งเมื่อมีสิ่งนี้เกิดขึ้นอย่าเพิ่งกังวลหรือทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาหรือคิดว่าเป็นความผิดพลาดจากการติดฟิล์ม เพราะเป็นเรื่องปกติและเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจาก 2-3 วันแรกหลังติดฟิล์มใหม่ๆ กระจกอาจขุ่นเนื่องจากมีน้ำระหว่างฟิล์กรองแสงกับกระจกเพราะกวาดน้ำออกระหว่างการติดฟิล์มไม่หมด แต่แค่ทิ้งไว้ อย่างนั้นน้ำก็จะระเหยออกไปเองจากลักษณะของฟิล์มมีรูพรุนขนาดเล็ก
โดยระยะเวลาที่น้ำระเหยออกไปจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศอย่างความร้อน แสงแดดซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ฟิล์มแห้งเร็วขึ้น แต่โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2 วันขึ้นไป
3 อย่าเพิ่งทำความสะอาด
หากรู้สึกรถสกปรกและอยากล้างรถควรรอดทนรอไปก่อนอย่างน้อยสัก 1 วันหลังติดฟิล์มจึงทำความสะอาดภายนอกรถโดยการฉีดน้ำล้างได้ ในขณะที่กับภายในห้องโดยสารควรงดการเช็ดถูทำความสะอาดกระจกรถที่เพิ่งติดฟิล์มประมาณ 21 วันหรือ 3 สัปดาห์
3 ห้าม 4 ควรในการดูแลฟิล์มรถยนต์
-ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกที่มีแอมโมเนียผสมทำความสะอาดหรือเช็ดกระจกด้านที่ติดฟิล์มกรองแสง เพราะเป็นการเร่งปฏิกิริยาทำให้ฟิล์มซีดจาง และเสื่อมคุณภาพหลุดลอกได้เร็วขึ้น
-ห้ามใช้ผ้าที่ใช้เช็ดตัวถังรถ หรือเบาะรถเช็ดกระจกภายในห้องโดยสารของรถยนต์ เพราะอาจมีสารเคมีปนเปื้อนสร้างความเสียหายกับฟิล์มได้
-ห้ามใช้ผ้าเย็น ขนแปรง ผ้าหยาบ ผ้าสกปรกที่มีฝุ่น หรือสิ่งที่มีลักษณะแหลมคม ขรุขระเช็ดถูบนผิวฟิล์มหรือด้านในของกระจกรถยนต์
-ควรใช้ผ้าเนื้อนุ่มหรือผ้าไมโครไฟเบอร์เท่านั้นเช็ดกระจกด้านที่ติดฟิล์ม
-ควรใช้ผ้าสะอาดและน้ำสะอาดทำความสะอาดกระจกที่ติดฟิล์มกรองแสงเท่านั้น โดยทำความสะอาดจากด้านบนลงมาด้านล่าง
-ควรใช้น้ำยาที่ระบุอย่างชัดเจนว่าสามารถใช้กับฟิล์มกรองแสงรถยนต์ได้อย่างปลอดภัย หากกระจกรถที่ติดฟิล์มสกปรกมากและต้องการใช้น้ำยาทำความสะอาดเช็ด
-ควรทำความสะอาดภายนอกของกระจกรถตามปกติ เนื่องจากฟิล์มกรองแสงถูกติดที่ด้านในของกระจกรถ
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th