First Impression: ฮอนด้า “ซิตี้” ใหม่ ทำได้อย่างนี้ไงถึงขายดี!
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกของการขับ “ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่” รุ่นปรับโฉมหรือไมเนอร์เช้นจ์ ครั้งแรกบนถนนเมืองไทย และได้สร้างความประทับใจมากกว่ารุ่นที่แล้วอยู่พอสมควร แม้ว่าจะเป็นการปรับหน้าตาให้ดูทันสมัย สะดุดตาและโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ใช้เครื่องยนต์ตัวเดิม แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากการใช้งานนั้นเปลี่ยนไป! มันเหนือชั้นขึ้น! นี่สินะ ฮอนด้า ซิตี้ ถึงได้เป็นรถที่คว้าความเป็นที่ 1 ในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลถึง 2 ปีติดต่อกัน!
การทดลองขับในครั้งนี้ เป็นการขับแบบ Group Test แต่มันก็มากพอที่จะสัมผัสถึงความแตกต่างที่เหนือชั้นกว่าเดิม บนเส้นทางไป อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ร่วม 350 กิโลเมตร โดยทาง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดให้เริ่มต้นการทดลองขับจาก บริษัท เอที ฮอนด้า ออโตโมบิล (เอกชัย-บางบอน) จำกัด โชว์รูมและศูนย์บริการ มาตรฐานและทันสมัยที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เคลื่อนตัวออกสู่ถนนกาญจนภิเษกผ่านการจราจรที่แออัดในช่วงเช้าของวันทำงาน ก่อนเข้าสู่ถนนทางหลวงหมายเลข 4 มุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี เส้นทางส่วนใหญ่เหมาะกับการทดลองอัตราเร่งและความคล่องตัวในการควบคุมอย่างพอเหมาะ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ โฉมนี้ถือว่าออกแบบมาได้น่าสนใจ มีเส้นสาย ลวดลายและรายละเอียดต่างๆ ที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่
เริ่มจากไฟหน้าที่สะดุดตา ด้วยระบบไฟหน้าสำหรับขับในเวลากลางวันแบบ LED ในทุกรุ่น และไฟหน้า LED ในรุ่น SV และ SV+ ส่วนรุ่น S, V และ V+ เป็นแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ ซึ่งเจ้าระบบไฟแบบ LED นี้ข้างในเป็นแถวของหลอด LED ที่วางตัวเรียงเป็นแนวยาว ที่ใช้การสะท้อนแสงจาก LED ด้วย Reflector ภายในโคมไฟ ทำให้มองเห็นผิวถนนและเส้นทางได้ชัดเจนกว่าเดิม รวมทั้งมีการออกแบบกระจังหน้าแบบโครเมียม พร้อมกันชนหน้าและกันชนหลังแบบใหม่ที่ดูสปอร์ตมากขึ้น ซึ่งมีส่วนคล้ายกับ ซีวิค ใหม่ อยู่พอสมควร และล้ออัลลอยลายใหม่ที่ดูลงตัว
ส่วนภายในห้องโดยสารยังคงเน้นความกว้างขวาง สะดวกสบายในทุกที่นั่ง และมาพร้อมแผงคอนโซลตรงกลางรูปตัว T โทนสีเมทัลลิกเข้ม ทำให้ดูโดดเด่นมากขึ้น ส่วนการตกแต่งตามจุดต่างๆ ดูน่าสัมผัสและลงตัว ใช้โทนสีกันเมทัลลิก (Gun Metallic) การตกแต่งบริเวณช่องแอร์, รอบบริเวณคันเกียร์, รอบมาตรวัด, มาตรวัดเรืองแสงแบบ 3 วง พร้อมไฟเรืองแสดงสีขาวขณะสตาร์ทรถ,ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้าแบบ LED, ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED พร้อมติดตั้งระบบควบคุมอัจฉริยะอย่าง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์และระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ, ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส, พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พูดได้ว่ายังคงใช้แบบรุ่นเดิมทั้งหมด
สำหรับขุมพลังนั้น ยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ SOHC i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที ส่วนกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบ Shifting Control ซึ่งรองรับ E85 เช่นเคย ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมแบบ H-Shape ที่หลังจากได้ลองขับแล้ว รู้สึกว่าอัตราเร่งนั้นไม่ได้ต่างจากเดิม แต่สิ่งที่ต่างและสำคัญมากนั่นคือ ระบบช่วงล่าง เพราะจากเดิมเมื่อขับด้วยความเร็วสูง จะรู้สึกได้ถึงกระแสลมที่ตีกลับมาที่ด้านท้ายรถ ยิ่งตอนขับเข้าโค้งด้วยความเร็วจะสัมผัสได้ถึงอาการท้ายโยนอยู่พอสมควร แต่สำหรับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ คันนี้ อาการแบบนั้นหายไป รวมทั้งให้ความรู้สึกของช่วงล่างที่มีความแข็งกระด้างเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ได้ทำให้รู้สึกกระแทกกระทั้นจนอึดอัด กลับให้ความสนุกในการขับขี่และความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ด้านระบบความปลอดภัยที่ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ให้มานั้นถือว่าให้ถุงลมนิรภัยมาแบบจัดเต็มถึง 6 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น SV+) คือ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) สำหรับผู้ขับและผู้โดยสาร ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ (i-Side Airbags) และ ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags), เทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงปกป้องเพื่อเพิ่มความปลอดภัยกับทุกชีวิตจากการชน โดยเทคโนโลยี G-CON นอกจากนั้น ยังมีระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA), ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBD), ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA), สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) และกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ที่ถือว่าเหมาะสมและเพียงพอต่อการใช้งาน
การทดลองขับบนเส้นทางจาก บริษัท เอที ฮอนด้า ออโตโมบิล (เอกชัย-บางบอน) จำกัด เป็นอะไรที่ทำให้น่าเบื่อมาก เพราะเส้นทางที่ต้องใช้คือ ถนนกาญจนาภิเษก (บางแค-พระราม2) ซึ่งปริมาณรถเยอะมาก รวมทั้งรถกระบะส่งของและรถบรรทุกที่พร้อมใจกันใช้ถนนในช่วงนั้น สิ่งที่ต้องเผชิญคือ สภาพรถติดที่แทบจะคลานกันเลยทีเดียว…แต่เชื่อมั้ย? กลายเป็นว่า ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ สามารถทำให้สนุกกับการหาพื้นที่ว่างและพุ่งเข้าไปจุดนั้น ด้วยพวงมาลัยแบบแร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS) ที่ให้ความแม่นยำในการควบคุม พูดง่ายๆ ว่า “คม” มาก กอรปกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ให้อัตราเร่งที่ตอบสนองได้ทันน้ำหนักเท้า โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วสูง เพราะจังหวะนั้นทำความเร็วเต็มที่ไม่เกิน 60 กม./ชม. แต่ด้วยแรงบิดที่ส่งไปยังล้อ มันรวดเร็วและทันใจมาก เรียกได้ว่า “กระฉับกระเฉง” พอตัว
หลังจากผ่านจุดที่ต้องแทรกตัวผ่านปริมาณรถที่หนาแน่นออกมาได้ ช่วง จ.นครปฐม ถึง จ.ราชบุรี ถึงได้ลองอัตราเร่งกันอย่างสนุก และที่สำคัญ มันสนุกบนความเร็วช่วงไม่เกิน 100 กม./ชม. (กฎคือต้องขับด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ขับปาดซ้ายป่ายขวาจนทำให้ผู้ใช้รถคันอื่นๆ ต้องเดือดร้อน) ที่บอกว่าความเร็วอยู่ในช่วงนี้ก็เพราะ รอบเครื่องจะทำงานอยู่ในระดับ 2,000 ถึง 3,500 รอบ ซึ่งเป็นรอบเครื่องที่พร้อมส่งกำลังสูงสุดอยู่แล้ว และทำให้อัตราเร่งนั้นมาได้อย่างทันใจ ซึ่งในบางช่วงของเส้นทางได้ลองเร่งแซงต่อเนื่อง เข็มความเร็วกวาดผ่าน 140 กม./ชม. (จาก 80 กม./ชม.) ราว 3-4 วินาที สัมผัสถึงแรงลมที่ปะทะด้านข้างทำให้ตัวรถมีอาการโคลงเล็กน้อย ช่วงล่างที่แน่นและหนึบช่วงทำให้เกาะผิวถนนได้อย่างมั่นใจ รวมถึงระบบเบรกที่สั้นและสั่งให้หยุดได้อย่างปลอดภัย
แต่หากขับแบบสบายๆ รอบเครื่องไม่ได้สูง แล้วจำเป็นต้องเร่งแซงแบบเร่งด่วนล่ะ ทำได้หรือไม่ คำตอบคือ ทำได้น่าประทับใจ แม้ว่าจะต้องรอจังหวะรอบเครื่องอยู่นิดเดียว (1-2 วินาที) แต่หากมองทางข้างหน้าแล้วมีระยะพอให้แซงได้อย่างปลอดภัย จากนั้นกดคันเร่งให้เต็ม จะได้ยินเสียงรอบเครื่องที่ดังกังวาล พร้อมแรงส่งที่ผลักให้ตัวรถพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องใช้ Paddle Shift ช่วงเปลี่ยนเกียร์เลย ถือว่าระบบเกียร์และระบบส่งกำลังทำการบ้านมาได้ดีมาก
โดยสรุปแล้ว ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เป็นรถซิตี้คาร์ที่เพียบพร้อมในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านกายภาพที่มีรูปทรงที่สวย ปราดเรียว หน้าตาหล่อเหลาสะดุดตา, สมรรถนะของเครื่องยนต์และช่วงล่างที่ไว้ใจได้, เสียงลมปะทะเข้ามาในห้องโดยสารน้อยมาก, ระบบความปลอดภัยที่จัดมาให้แบบสบายใจ, รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้หลากหลายถึง E85 ห้องโดยสารกว้างขวาง โปร่ง นั่งสบาย มีอัตราสิ้นเปลืองที่อยู่ในช่วง 13-15 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดในระดับที่ยอมรับได้ ไม่แพ้ใครๆ แต่ถึงกระนั้นยังพอมีจุดให้ติติงอยู่เล็กน้อย เรื่องของเครื่องเสียงที่ให้ลำโพงมาถึง 8 ตัว แต่เครื่องเล่นกลับเล่นแผ่นซีดีไม่ได้ เล่นได้แต่ USB และเล่นผ่านบลูทูธเมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเท่านั้น เพราะยังไงก็ตามยังรู้สึกว่าการเล่นเพลงจากแผ่นซีดี พร้อมกับมีลำโพงมาให้ขนาดนี้ จะสร้างความเพลิดเพลินได้มากกว่าเล่นจากสื่อแบบอื่นๆ
เอาเป็นว่าโดยภาพรวมทั้งหมดผู้เขียนยอมรับว่า ประทับใจกับการทดลองขับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ในครั้งนี้ระดับ 4 ดาว (เต็ม 5 ดาว) ส่วนเรื่องหน้าตานั้นอยู่ที่ความชอบเฉพาะบุคคลแล้วล่ะ…และหากพิจารณาร่วมกับราคาจำหน่ายแล้ว ถือว่าสมเหตุสมผล ตัดสินใจเลือกไม่ยาก หากมี “ซิตี้” เป็นตัวเลือกอยู่แล้ว
สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์แบบซิตี้ คาร์ ไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน ลองทำความรู้จักและทดลองขับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าพร้อมศูนย์บริการกว่า 226 แห่งทั่วประเทศ หรือคลิ๊กไปที่ www.honda.co.th/city เผื่อจะถูกใจ และจะสัมผัสได้ว่าเพราะฮอนด้าทำรถออกมาได้น่าประทับใจขนาดนี้ ถึงได้ขายดีแบบนี้ไงล่ะ.
เกือบลืม!…สำหรับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มีทั้งหมด 6 สี คือ สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก), สีดำคริสตัล (มุก), สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก), สีขาวทาฟเฟต้า, สีขาวออร์คิด (มุก) และสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) พร้อมสีภายในห้องโดยสารสีดำ
มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่น ด้วยราคา ดังนี้
- รุ่น SV+ CVT ราคา 751,000 บาท
- รุ่น SV CVT ราคา 736,000 บาท
- รุ่น V+ CVT ราคา 689,000 บาท
- รุ่น V CVT ราคา 649,000 บาท
- รุ่น S CVT ราคา 589,000 บาท
- รุ่น S MT ราคา 550,000 บาท
พื้นที่เก็บของด้านหลังขนาด 536 ลิตร และยังสามารถพับเบาะหลังลงเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้อีก
Power Outlet ที่ให้มา 2 จุด สำหรับผู้โดยสารเบาะหลัง
First Impression: ฮอนด้า “ซิตี้” ใหม่ ทำได้อย่างนี้ไงถึงขายดี!
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
ภาพ: บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th