First Impression: BMW X4 ใหม่ SUV ที่จัดจ้านอย่างเหนือชั้น
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จัดกิจกรรมทดลองขับที่รวมเอาบีเอ็มดับเบิลยู X4 และ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ (MINI John Cooper Works : JCW) มาให้ลองแบบเต็มที่บนสนามแก่งกระจาน เซอร์กิต จ.เพชรบุรี เป็นงานที่สร้างความสนุกใน 2 อารมณ์ และเมื่อลองแล้วต้องบอกว่า X4 นี่เหมือนกับสาววัยรุ่นที่เปรี้ยวซ่า ส่วน มินิ JCW คือเด็กซนที่หาเรื่องสนุกได้ตลอดเวลา แต่สำหรับ Test Drive ในตอนนี้ขอพูดถึงบีเอ็มดับเบิลยู X4 กันก่อนแล้วกัน
สำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู X4 (BMW X4) เป็นสมาชิกล่าสุดในตระกูล X มีเอกลักษณ์ของความเป็นรถสไตล์ Sport Activity Coupe ถือว่ามีความโดดเด่นในเรื่องของขุมพลังและความปราดเปรียวที่ผสานดีไซน์แบบคูเป้สุดคลาสสิกได้อย่างลงตัว รองรับการใช้งานได้ทั้งแบบออนโรดและออฟโรด แถมยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับรุ่นใหม่ที่จัดมาให้ใน X4 เป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเบรกอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับรถและคนเดินถนนด้วยความเร็วต่ำ (Person Warning with City Braking Function), ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนด้านหลัง (Rear-collision prevention), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร (Lane Departure Warning) รวมถึงระบบ BMW ConnectedDrive ผ่านแพลตฟอร์ม Open Mobility Cloud ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ดิจิตอลเข้ากับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้แบบไร้สาย ไม่ว่าจะด้วย iPhone หรือ Apple Watch ก็ตาม ถือว่าจัดทุกอย่างเท่าที่จำเป็นในยุคปัจจุบันเอาไว้อย่างเกินพอเลยทีเดียว
รูปโฉมของบีเอ็มดับเบิลยู X4 มีดีไซน์ที่ค่อนข้างเฉพาะตัว โดยรุ่นที่นำมาทดสอบนี้เป็นรุ่น X4 xDrive20d M Sport ราคาจำหน่าย 3,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standart) ที่ตอกย้ำความสง่างามและความปราดเปรียวสไตล์ M Sport ได้อย่างไร้ที่ติ มิติตัวถังยาว 4,752 มม. (ยาวขึ้น 81 มม.) กว้าง 1,918 มม. (กว้างขึ้น 37 มม.) ฐานล้อ 2,864 มม. (กว้างขึน 54 มม.) แต่มีความสูงที่ลดลง 3 มม. อยู่ที่ 1,621 มม. นั่นทำให้ตัวรถนั้นดูกว้างและเตี้ยลง ซึ่งแค่เห็นอย่างนี้ก็รู้แล้วว่า X4 คันนี้จะให้การยึดเกาะถนนในการเข้าโค้งได้ดีกว่าเดิม
รวมทั้งเส้นสายด้านข้างตัวรถที่โฉบเฉี่ยวมาพร้อมชุดแต่ง M Sport และล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-Spoke ยิ่งเพิ่มความสะดุดตามากขึ้นในทุกเส้นทาง ทั้งยังมีเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนใหม่ล่าสุดอย่างระบบควบคุมการขับขณะเข้าโค้ง (Performance Control), ระบบช่วงล่างแบบ M Sport, ระบบ Driving Assistant และที่น่าประทับใจสุดๆ คือ ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าอัจฉริยะแบบสปอร์ตที่ช่วยให้การควบคุมนั้นสมบูรณ์แบบมากกว่าที่เคยสัมผัสมาในรุ่นอื่นๆ
ส่วนภายในห้องโดยสารไม่ได้ล้ำอลังการแต่ใช้งานได้ง่าย และยังคงสไตล์ของบีเอ็มดับเบิลยูเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและหรูหรา ออกแบบการจัดวางปุ่มและอุปกรณ์ต่างๆ เอาไว้ได้อย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงผู้ขับเป็นหลัก เบาะนั่งแบบสปอร์ตที่โอบกระชับลำตัว เบาะรองเข่าที่ออกแบบใหม่ให้สบายมากขึ้น แล้วยังสร้างอารมณ์ในการขับด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามาที่ช่วยให้ห้องโดยสารมีความโปร่งโล่งสบายมากขึ้น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น M Sport, เบาะหนังแท้ Vernasca, แผงคอนโซลหุ้มหนัง Sensatec รวมทั้งตกแต่งภายในด้วย Aluminium Rhombicle พร้อมแถบโครเมียมที่เพิ่มความหรูหราได้อีกเยอะเลยทีเดียว
แน่นอนว่าในส่วนของนวัตกรรมที่จัดมาให้ต้องครบทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นระบบ iDrive รุ่นอัพเดทใหม่ล่าสุด, ระบบการสั่งการด้วยเสียง, BMW Gesture Control และBMW ConnectedDrive ที่เป็นระบบการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ BMW รุ่นใหม่ได้อย่างไร้ขีดจำกัด และนี่ยังเป็นครั้งแรกในไทยที่ X4 ได้ติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่เอาไว้ด้วย ซึ่งมีทั้งระบบช่วยเบรกอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับรถและคนเดินถนนด้วยความเร็วต่ำ (Person Warning with City Braking Function), ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนด้านหลัง (Rear-Collision Prevention), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร (Lane Departure Warning), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา (Blind Spot Detection), ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง (Crossing-Traffic Warning Rear) และระบบเตือนป้ายจราจร (Speed Limit info and No-Overtaking Indicator) นี่แค่หลักๆ นะ ยังมีเทคโนโลยีเสริมอีกเพียบ
มากันที่ขุมพลังกันบ้าง ใน X4 xDrive20d M Sport แรงด้วยขุมพลังดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที ทั้งยังทำความเร็วสูงสุดได้ 213 กม.ชม. และมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8 วินาที ถือว่าเหลือเฟือสำหรับตัวถังขนาดนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ
สำหรับการทดลองขับในสนามแก่งกระจาน เซอร์กิต เป็นการขับแบบเต็มรอบสนาม ให้ได้ลองอัตราเร่ง การควบคุมเมื่อเข้าโค้ง การขับลุยแบบทางออฟโรด แถมท้ายด้วยการขับแบบจิมคาน่าเพื่อจับอาการช่วงล่างของรถ ในภาพรวมถือว่าจัดจ้านและน่าประทับใจเมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน แม้ว่าอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. จะไม่ได้หวือหวา แต่ถือว่ามาไวใช้ได้ ซึ่งจุดเด่นไปอยู่ที่ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าอัจฉริยะที่แปรผันตามการหมุนและความเร็ว คุณสามารถที่จะยูเทิร์นรถได้โดยหมุนพวงมาลัยเพียงครึ่งรอบเท่านั้น! และเมื่อขับในทางโค้งพวงมาลัยจะให้ความรู้สึกที่มีชีวิตชีวา ให้น้ำหนักที่สมดุล ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าแม่นไลน์สนามแก่งกระจานแห่งนี้ ยิ่งจะรู้สึกได้เลยว่าพวงมาลัยรุ่นนี้เข้าโค้งได้คมและแม่นยำมากที่สุด
ส่วนการขับบนทางแบบออฟโรด ด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Joint Spring Strut พร้อมปีกนกที่เลือกใช้เหล็กกล้าที่มีน้ำหนักเบา และด้านหลังแบบอิสระ Five-Link ทำให้ลดแรงสั่นสะเทือนได้มากพอสมควร ลดอาการโยกและโคลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถ้าออฟโรดทำได้ขนาดนี้ การขับแบบทางเรียบไม่ใช่ปัญหา แถมยังลองเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงร่วม 100 กม./ชม. ยังทำได้สบาย ซึ่งหลายคนมองว่ารถทรงอย่างนี้เอาไปสาดโค้งไม่น่าจะโอเค แต่เมื่อลองแล้วในสนามแข่งที่มีโค้งหลากหลาย กลับทำให้มั่นใจได้ว่าด้วยช่วงล่างชุดนี้ที่เซ็ทมาจากโรงงานสามารถรองรับการขับได้หลากหลายรูปแบบแน่นอน ไว้ใจได้กับช่วงล่างของ X4 อย่างไม่ต้องสงสัย
โดยรวมกับ First Impression : BMW X4 xDrive20d M Sport รุ่นนี้ในช่วงเวลาการขับรถสนามแข่งถือว่าทำได้ประทับใจหลายด้าน คือ การควบคุม, พวงมาลัยไฟฟ้าอัจฉริยะ, ระบบช่วงล่าง และพละกำลังของเครื่องยนต์ที่มากพอกับการใช้งาน ส่วนเรื่องของการตอบโจทย์ด้านห้องโดยสาร ยังไม่ได้สัมผัสแบบเต็มๆ มากนัก แต่ถือว่าให้ความสบายและดูหรูหราไม่ทิ้งลายของบีเอ็มดับเบิลยู ตระกูล X และนี่คือ BMW X4 รถเอสยูวีขนาดกลางที่จัดจ้านอย่างเหนือชั้น โดดเด่นไม่เป็นรองใคร แม้แต่พี่น้องในตระกูล X ด้วยกันเองซะด้วยซ้ำไป.
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th