First Impression HAVAL H6 อย่าทำเป็นดูถูกแบรนด์จีน!
All New HAVAL H6 Hybrid SUV รุ่น Ultra ตัวท๊อป คันนี้ สร้างกระแสดราม่าเอาไว้มากมายตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดเผยโฉมในไทยอย่างเป็นทางการซะด้วยซ้ำ มีทั้งคอมเมนต์ที่ดีและคำดูถูกสารพัด นั่นทำให้เห็นว่าทัศนคติของคนไทยต่อแบรนด์ที่มาจากจีนยังอยู่ในจุดที่น่าเห็นใจของผู้ที่ทำธุรกิจ แต่นั่นเป็นการสะท้อนให้เห็นว่ารถคันนี้อยู่ในความสนใจและสร้างกระแสการพูดถึงอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นผลดีในแง่ของการประชาสัมพันธ์อีกต่างหาก ซึ่งสุดท้ายแล้วตัวโปรดักส์หรือตัวรถเองนี่แหละที่จะทำให้เห็นว่า มันคู่ควรกับการใช้งานในแง่ของความคุ้มค่าคุ้มราคามากน้อยเพียงใด..(แถมราคาก็ยังไม่เปิด มีคนคอมเมนต์กันเพียบ แต่อยากบอกว่ามันไม่แปลกเลย เพราะรถหลายรุ่นที่เข้ามาทำตลาดในไทยบางรุ่นรับจองทั้งที่ยังไม่เห็นตัวรถจริงๆ ซะด้วยซ้ำ น่าตลกนะ หรือเพราะเป็นรถแบรนด์จีนเลยโดนเพ่งเล็งมากกว่าแบรนด์อื่นๆ เพราะแบรนด์จีนอีกฝั่งก็โดนแบบนี้เหมือนกัน)
เอาล่ะเวิ่นเว้อมาพอประมาณ เพราะที่ผ่านมาได้เห็นการพัฒนาของค่ายรถยนต์จากจีนมาค่อนข้างเยอะ เลยขอบ่นสักเล็กน้อย.. มาเข้าเรื่องการลองขับครั้งนี้กันดีกว่า เอาแบบรวบรัดตัดความเน้นประเด็นหลักๆ เรื่องของการขับกันเลย เรื่องรูปร่างหน้าตาเป็นความชอบส่วนบุคคลสไตล์ใครสไตล์มันไม่ขอพูดถึง
All New Haval H6 Hybrid SUV ตามสเปคมาพร้อมกับขุมพลังเบนซินไฮบริด ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ มีพละกำลังจากเครื่องยนต์ 150 แรงม้า ที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที ส่วนพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 177 แรงม้า และแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 300 นิวตันเมตร นั่นทำให้สมรรถนะรวมอยู่ที่ 243 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร ถือว่าเป็นรถในกลุ่มเอสยูวีที่แรงม้าและแรงบิดสูงมาก พร้อมกับมีระบบเกียร์ไฮบริดเป็นครั้งแรกที่มี 2 ระบบเกียร์ คือ มีเกียร์ตัวแรกที่เครื่องยนต์และเกียร์อีกตัวที่ด้านมอเตอร์ขับเคลื่อน เพื่อช่วยตอบโจทย์การขับเคลื่อนที่หลากหลายตามการใช้งาน รวมถึงช่วยให้มีความประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นนั่นเอง
โดยเส้นทางที่ขับ เริ่มออกตัวจากโรงแรมอวานี สุขุมวิท แถวอ่อนนุชในช่วงสายๆ ซึ่งมีรถติดพอประมาณ ตอนขับออกจากโรงแรมมีเจ้าหน้าที่คอยกันทางให้ ลองกดคันเร่งเพื่อรีบออกตัว เพราะกลัวจะทำให้รถติดนานเนื่องจากขบวนทดสอบมีร่วม 20 คัน ปรากฏว่าด้วยความที่ไม่คุ้นกับคันเร่ง กดคันเร่งลงไปแล้วหักซ้ายออกจากโรงแรม เสียงเอี๊ยดของล้อปั่นไปบนถนนดังขึ้นมาจนตกใจพร้อมกับแรงดึงที่พุ่งไปข้างหน้าจนต้องผ่อนคันเร่ง แล้วค่อยๆ ปรับตัวกับระดับคันเร่งซะใหม่ ถือว่าการออกตัวทำได้กระชับดีมาก เมื่อขับแบบทั่วไปในสภาพการจราจรที่หนาแน่น จะรู้สึกถึงความคล่องตัว การตอบสนองต่อคันเร่งที่นุ่มนวล เบรกที่ให้ความมั่นใจได้ดีมาก ระดับการกดของแป้นเบรกทำได้นุ่มไม่หัวทิ่ม มีระยะเบรกที่ทำได้น่าประทับใจ ซึ่งในระหว่างนั้นเองจะมีเสียงเตือนต่างๆ จากระบบความปลอดภัยดังมาเป็นระยะ เพราะกระโดดขึ้นรถโดยที่ไม่ทันได้มีโอกาสปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆ ของรถเลย ซึ่งสามารถปรับได้ที่หน้าจอทัชสกรีนตรงกลาง ทำเอารำคาญอยู่ประมาณนึง เพราะเซนเซอร์ทำงานได้เร็วมาก รถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาห่างๆ และรถประเมินว่าจะเฉียดรถเรามันก็จะเตือนขึ้นมาก่อนล่วงหน้าทันที ในช่วงแรกที่กำลังปรับตัวให้เข้ากับรถนี้เลยรำคาญเสียงเตือนมากหน่อย แต่ถ้าพูดถึงการขับขี่ในเมืองถือว่าสะดวก คล่องตัว ทัศนวิสัยในการมองเห็นดีมาก รู้สึกถึงความนุ่มนวลอยู่ระดับหนึ่ง
แต่พอขับขึ้นทางพิเศษบูรพาวิถีเพื่อมุ่งหน้าไปชลบุรี เส้นทางนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจขับนำขบวนจึงทำให้สามารถทิ้งระยะห่างและลองการทำความเร็วได้อย่างปลอดภัย โดยเรื่องอัตราเร่งทำได้น่าประทับใจ จากจุดหยุดนิ่งจ่ายค่าทางด่วน กดคันเร่งแบบใช้งานปกติ รถออกตัวได้ทันใจ ความเร็วเพิ่มมากขึ้นตามน้ำหนักกดคันเร่ง การเปลี่ยนเกียร์ทำได้ราบเรียบ และไม่ได้รู้สึกเลยว่าช่วงไหนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าหรือใช้เครื่องยนต์ ทุกอย่างผสานกันอย่างกลมกลืน ทำให้โฟกัสไปที่การขับได้อย่างเต็มที่
เมื่อลองอัตราเร่งแซงจากความเร็วในช่วง 80 กม./ชม. เติมคันเร่งลงไปเต็มที่ รถพุ่งทะยานพร้อมกับเสียงของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้อารมณ์ที่ต่างออกไป แซงรถในระยะ 10 เมตร ด้วยความเร็วที่แตะไปเกือบๆ 140 กม./ชม. อย่างรวดเร็ว จนต้องลดความเร็วลงทันทีเมื่อกลับเข้าสู่เลนปกติ ความเร็วที่เกิดขึ้นกับประสิทธิภาพของเบรกทำได้มั่นใจดีมากในจุดนี้ แต่มีข้อที่ต้องติคือ ด้วยตัวถังที่มีขนาดใหญ่ เมื่อขับบนทางพิเศษบูรพาวิถีที่ขึ้นชื่อในเรื่องของลมปะทะด้านข้างที่รุนแรง ทำให้เกิดอาการโหวงเหวงได้พอประมาณ ต้องจับพวงมาลัยให้แน่นขึ้น เพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยมั่นใจเมื่อขับด้วยความเร็วในช่วง 100-120 กม./ชม. แต่มานึกถึงได้ว่ารถคันนี้สามารถปรับระดับการตอบสนองของพวงมาลัยได้ 3 แบบ คือ เบา มาตรฐาน และสปอร์ต ซึ่งตอนที่ขับออกมาในช่วงขับในเมืองตั้งแบบเบาเอาไว้ จึงต้องชะลอความเร็วและขยับมือไปปรับตั้งค่าใหม่ ให้เป็นแบบสปอร์ต นั่นทำให้น้ำหนักของพวงมาลัยดีขึ้นและทำให้ขับด้วยการทำความเร็วมีความมั่นใจและแม่นยำในการควบคุมมากขึ้น เสียอย่างเดียวคือ เวลาที่จะต้องปรับเปลี่ยนการตั้งค่าต่างๆ เวลาขับรถ เวลาที่นิ้วแตะหน้าจอมันไม่ค่อยสะดวกและต้องไม่ละสายตาจากการขับนานเกินไป จุดนี้แนะนำให้จอดรถแล้วปรับ หรือตั้งค่าเป็นเมนูที่ใช้งานบ่อยจะสะดวกกว่า หรืออาจจะตั้งค่าด้วยคำสั่งเสียงได้ ตรงนี้ยังไม่ได้ลอง เพราะอย่างที่บอกว่ามีเวลาได้เล่นกับการตั้งค่าน้อยมาก แต่การใช้คำสั่งเสียงแบบภาษาไทยทำได้แม่นมากเลยนะ ตรงนี้ขอชมจริงๆ
เรื่องอัตราเร่งไว้ใจได้แล้ว มาเรื่องของระบบช่วงล่างกันบ้าง เอาตรงๆ เลย All New Haval H6 Hybrid SUV คันนี้ ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ทีแรกคิดว่าน่าจะออกไปทางนุ่มนวล แต่พอเอาเข้าจริงๆ ไม่นุ่มนะ ออกแนวแข็งพอประมาณ ไม่ถึงกับกระเด้งกระดอน นั่นทำให้รถมีความมั่นคงและเกาะถนนได้ดี แม้ทำความเร็วสูง และมีสิ่งที่มาชดเชยกับช่วงล่างที่แข็ง คือ เบาะ…เบาะนั่งมีความนุ่มมาก มันช่วยให้ลดแรงสั่นสะเทือนลงไปได้มาก ทำให้ขับสบาย ไม่เมื่อย ปีกเบาะออกแบบมาให้กระชับข้างลำตัวได้ดีอีกด้วย กลายเป็นว่ามีจุดที่ขัดความรู้สึกแต่มีจุดอื่นที่เข้ามาเสริมทำให้ทุกอย่างดูลงตัว เป็นช่วงล่างที่ขับแบบสบายๆ ก็ได้ หรือขับแบบเน้นสนุกก็ได้ด้วยเช่นกัน..เกือบลืม รถคันนี้มีโหมดการขับขี่มาให้ด้วยนะ มีทั้งโหมดมาตรฐาน, ประหยัด และสปอร์ต ซึ่งต้องเข้าไปกดตั้งค่าผ่านหน้าจอเช่นกัน
โดยสรุปในภาพรวมถือว่าทั้งเรื่องของอัตราเร่ง การควบคุม ระบบช่วงล่าง ทำออกมาได้ดี เต็ม 10 ให้ 8 รถมีความกระฉับกระเฉงมาก อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ลองทำได้อยู่ในช่วง 8-9 วินาที ยังมีระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2 ที่ใส่ออปชั่นช่วยเหลือมาให้แบบที่รถยุโรประดับตัวท้อปมีงอนกันบ้างล่ะ ไม่ว่าจะเป็น..
ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA : Auto Reversing Assistance) ที่รถจะจดจำเส้นทางที่ขับผ่านด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้สูงสุด 50 เมตร และสามารถถอยหลังกลับอัตโนมัติตามเส้นทางได้อย่างราบรื่น ซึ่งระบบนี้มีติดตั้งอยู่ในรถฝั่งยุโรปที่มีราคาหลายล้านบาท
ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP Integration Auto Parking) ที่กล้อง 360 องศา และเซนเซอร์อัลตร้าโซนิค ช่วยให้สามารถค้นหาที่จอดรถ คำนวณพื้นที่สำหรับจอดรถได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถช่วยจอดได้ทั้งในรูปแบบการถอยเข้าช่องจอด การจอดขนานเส้นทางเดินรถ และการจอดตามแนวเฉียง ซึ่งทำงานได้แม่นมาก ใช้งานง่ายเพียงแตะที่หน้าจอเท่านั้น
ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA+RCTB Rear Cross Traffic Alert and Rear Cross Traffic Breaking) ระบบจะช่วยแจ้งเตือนในขณะที่ถอยรถ โดยจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ที่เข้าใกล้บริเวณด้านหลังรถ และด้านซ้าย-ขวา และเมื่อตรวจพบความผิดปรกติระบบจะทำการส่งสัญญาณเตือนและเบรคให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชน
และสุดท้ายกับระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC : Adaptive Cruise Control) ที่หากใครขับรถทางไกลบ่อยๆ น่าจะชอบและสะดวกในการใช้งาน เพิ่มความปลอดภัยและลดความเมื่อยล้าในการขับทางไกลได้มาก เพราะกล้องติดรถยนต์ ADAS จะประสานการทำงานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ Q4 ของโมบายอาย (EYEQ4) ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดตามที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า ทำงานได้แม้กระทั่งรถคันหน้าจอดหยุดนิ่ง รถของเราก็จะเว้นระยะห่างและจอดหยุดนิ่งด้วยเช่นเดียวกัน และเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว เพียงกดคันเร่งเล็กน้อย รถจะเคลื่อนที่ตามคันหน้าและเข้าสู่โหมดการทำงานทันทีโดยไม่ต้องสั่งเข้าระบบใหม่อีกครั้ง จุดนี้ใช้งานได้ง่ายมากเช่นกัน
พูดกันแบบไม่อวย มองกันที่ตัวรถล้วนๆ กับการขับในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่อยู่กับรถ ผมให้ความเห็นว่าเป็นรถที่ทำออกมาได้ตอบโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบันมากๆ รถมีความคล่องตัว อัตราเร่งดี ช่วงล่างไว้ใจได้ ระบบความปลอดภัยทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำ จะมีอยู่บ้างที่รู้สึกว่าหน้ายางแคบไปหน่อย ถ้าเพิ่มหน้ายางให้กว้างขึ้น น่าจะขับได้มั่นคงยิ่งขึ้น แต่นั่นอาจจะทำให้อัตราสิ้นเปลืองมีตัวเลขที่ต่างออกไปด้วยเช่นกัน (คร่าวๆ จากการขับแบบหนักๆ ใช้ความเร็วสูงขับออกนอกเมืองไม่ใช่การขับใช้งานทั่วไป อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 12 กม./ลิตร)
ในภาพรวมถือว่าผ่าน ที่เหลือเป็นเรื่องของราคาที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้มากขึ้น ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็วันที่ 28 มิถุนายนที่จะประกาศราคาอย่างเป็นทางการกันแล้ว ส่วนเรื่องของ GWM Store ก็เริ่มทยอยเปิดตัวกันอย่างต่อเนื่อง ตามแผนปีนี้มี 30 แห่งแน่นอน ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ผู้บริโภคคนไทยจะเปิดใจและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เข้ามา รวมถึงวิธีการขายใหม่ๆ ที่คนยุคเก่าอาจจะตามไม่ทัน ซึ่งอย่าลืมว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่เติบโตขึ้นมาเป็นกลุ่มที่มีกำลังในการซื้อมากขึ้น และเค้าเกิดมาในยุคที่เทคโนโลยีหลายอย่างใช้งานได้จริง ทัศนคติอาจจะเปลี่ยนได้ยาก แต่อย่างน้อย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทำให้เห็นแล้วว่าอนาคตกำลังไล่ล่าคุณ เช่นเดียกับ All New Haval H6 Hybrid SUV คันนี้ที่พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ยนตรกรรมแบรนด์จากจีน มีประสิทธิภาพที่ไม่แพ้แบรนด์อื่นๆ ในโลกนี้…พร้อมจะเปิดใจและก้าวเดินไปสู่อนาคตแล้วหรือยัง?
เรื่อง/ภาพ : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th