First Impression : NEW MG ZS EV ปฏิวัติการขับเคลื่อนสู่โลกใหม่ของพลังงานไฟฟ้า
ยานยนต์ไฟฟ้าเริ่มเข้าใกล้ชีวิตเรามากขึ้น จากการใช้รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงแบบเดิมๆ มาสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle-HEV) ขยับมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle-PHEV) และก้าวสู่รถพลังงานไฟฟ้า 100% (Electric Vehicle-EV) นี่เป็นการพัฒนาทั้งในเรื่องของการใช้พลังงานเพื่อการขับเคลื่อนอย่างคุ้มค่า รวมถึงเป็นการทำให้บรรยากาศของโลกนั้นสะอาดบริสุทธิ์มากขึ้นจากทุกวันนี้
เรื่องของเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ เช่นเดียวกับการรู้จักรถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ว่าจะต้องใช้งานอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค และเร็วๆ นี้ MG เตรียมส่งรถที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอย่าง MG ZS มาถอดเครื่องยนต์ทิ้ง แล้วยัดมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่เข้ามาแทนที่ กลายเป็น NEW MG ZS EV รถพลังงานไฟฟ้า 100% ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปเมื่อวานนี้ (20 มิถุนายน 2562)
NEW MG ZS EV เดินหน้าสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการพัฒนารถยนต์ตาม 4 วิสัยทัศน์หลักของ SAIC Motor Corporation ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเอ็มจีในประเทศไทย ประกอบด้วยการพัฒนารถยนต์ให้มีการเชื่อมต่ออัจฉริยะมากยิ่งขึ้น (Intelligence connectivity), การพัฒนารถซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electrification), การแบ่งปันรถยนต์ในการใช้งานร่วมกัน (Car Sharing) และการพัฒนารถยนต์สำหรับตลาดในระดับสากล (Globalization)
โดยในส่วนของการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้น ปัจจุบัน SAIC ได้แนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งในรูปแบบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (BEV) รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิง (FCV) สู่ตลาดในประเทศจีนและทั่วโลกแล้วกว่า 20 รุ่น ส่วน NEW MG ZS EV หรือตามชื่อที่จำหน่ายในจีนคือ MG EZSขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นในแบบฉบับรถยนต์ SUV พร้อมระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัวและยังได้ทำการตลาดในต่างประเทศ ทั้ง อังกฤษ เยอรมัน และอีกหลายประเทศทั่วโลกอีกด้วย
สำหรับ NEW MG ZS EV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ทำให้สามารถเร่งจาก 0-50 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 3.1 วินาที และ 0-100 กม./ชม. ประมาณ 8-9 วินาที วิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุด 335 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (และ 428 กม. เมื่อวิ่งที่ความเร็วเฉลี่ยไม่เกิน 60 กม./ชม.) และรองรับ Fast Charging ซึ่งชาร์จไฟจาก 0-80% ได้ในครึ่งชั่วโมง ถือว่ามีสเปคที่น่าสนใจมากเมื่อเทียบกับรถพลังงานไฟฟ้าแบรนด์อื่นๆ ที่ทำตลาดในบ้านเรา
ด้านการขับเป็นอย่างไรกันบ้าง แน่นอนว่ารถคันนี้เพิ่งเปิดตัวเมื่อวาน แต่ผู้เขียนได้มีโอกาสไปทดลองขับมาก่อนหน้านี้ที่สนามทดสอบกว่างเต๋อ (Guangde Proving Ground) จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสที่เหมาะเจาะแบบนี้ MG ZS เดิมใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที บวกกับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode แบกรับน้ำหนักตัวถัง 1,258 กิโลกรัม ทำให้ในช่วงออกตัวจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ฉุดกระชาก ไม่ถูกใจวัยรุ่น แต่ถ้าเป็นกลุ่มครอบครัวคำตอบออกมาต่างกัน กลายเป็นว่า MG ZS ถูกใจกลุ่มผู้ใช้งานแบบครอบครัวมากกว่า เพราะไม่ได้เน้นความเร็วสูง แต่ได้ห้องโดยสารกว้างขวางในราคาไม่ถึง 8 แสนบาท
ส่วนเจ้า NEW MG ZS EV คันนี้ เปลี่ยนทั้งอารมณ์และความรู้สึกไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยแรงบิดระดับ 350 นิวตันเมตร แบบไม่ต้องรอรอบทำให้การออกตัวฉับไวขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ระบบช่วงล่างยึดเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจากเครื่องยนต์หายไป กลายเป็นการขับรถในแบบ Stop&Go ที่ให้ความนุ่มนวล นิ่ง และเงียบ สามารถเร่งทำความเร็วแบบเกาะโค้งได้อย่างสนุก อัตราเร่งมาทันทีเมื่อส่งแรงกดไปยังแป้นคันเร่ง ซึ่งนั่นยังสัมพันธ์กับความคมของพวงมาลัยที่ตอนสนองได้อย่างมั่นใจ พูดง่ายๆ ว่าในตัวถังเดียวกัน แต่เปลี่ยนจากเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า กลายเป็น ZS ในเวอร์ชั่นรักษ์โลก ที่จัดจ้านถึงใจกว่าเดิมแบบหนังคนละม้วนกันเลยทีเดียว โดยรวมถือว่าประทับใจมาก แถมยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบจัดเต็ม และมาพร้อมกับ i-Smart เวอร์ชั่นล่าสุด
สำหรับการชาร์จรองรับ 2 รูปแบบ คือ การชาร์จไฟแบบธรรมดา (Normal Charge) ผ่าน MG Home Charger ใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-100% ในระยะเวลาเพียง 6.5 ชั่วโมง และการชาร์จไฟแบบเร็ว (Quick Charge) ผ่านสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ (Public Charging Station) โดยใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-80% ในระยะเวลาเพียง 30 นาที เท่านั้น
คำถามที่ถูกถามบ่อยๆ คือ ลุยน้ำได้หรือไม่ คำตอบคือ ตามสเปคลุยน้ำได้ถึง 40 เซนติเมตร, ชาร์จไฟนานแค่ไหนแบตจึงจะเต็ม คำตอบคือ ชาร์จ 6.5 ชั่วโมง จากไฟบ้าน และชาร์จจาก Charging Station ไม่ถึง 1 ชั่วโมง, แบตเตอรี่ราคาเท่าไหร่ คำตอบคือ คุณไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าเท่าไหร่ เพราะเอ็มจีประกันแบตฯ เอาไว้ 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ถึงเวลา 8 ปี เทคโนโลยีไปเร็วมาก คุณอาจจะเปลี่ยนคันใหม่ไปแล้ว และในตอนนั้น ราคาแบตฯ ย่อมมีราคาที่ต่ำกว่าตอนนี้แน่นอน, จะรู้ได้อย่างไรว่ามีจุดชาร์จเอาไว้ที่ไหนบ้าง คำตอบคือ ในแอปพลิเคชั่น i-Smart จะบอกจุดที่มีสถานีชาร์จไฟฟ้าเอาไว้ในแผนที่ สามารถให้รถนำทางไปยังจุดชาร์จที่ใกล้ที่สุดได้ และหน้าจอแสดงผลจะแสดงระยะทางที่จะขับต่อไปได้เอาไว้ตลอดเวลา และอีกคำถามที่เด็ดสุดคือ ถ้าแบตหมดกลางทางจะทำอย่างไร คำตอบคือ เรียกรถสไลด์..และต้องถามกลับว่า ปกติขับรถแบบใช้น้ำมัน เคยปล่อยให้น้ำมันหมดกลางทางรึเปล่า…การใช้รถไฟฟ้าก็เช่นเดียวกัน เมื่อรู้ว่าระยะทางที่ขับได้อยู่ที่ 335 กิโลเมตร ผู้ใช้รถจำเป็นต้องประเมินระยะทางที่ขับในแต่ละวัน หากต้องไปไกลกว่าระยะทางสูงสุด ให้วางแผนหาจุดชาร์จเอาไว้ล่วงหน้า แต่หากใช้ในชีวิตประจำวันต่อหนึ่งวัน สมมุติว่าต้องขับรถในระยะทางไปกลับรวม 200 กิโลเมตรต่อวัน (ถือว่าเยอะมาก) จะมีระยะทางที่เหลืออีกราว 100 กิโลเมตร ยังไงก็ต้องขับรถที่พักแน่นอน ถึงแล้วจึงชาร์จไฟฟ้าทิ้งไว้ เช้าวันรุ่งขึ้นจึงขับรถออกมาใช้งาน แค่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยจุดชาร์จระหว่างทางอยู่แล้ว นี่เป็นวิธีการคิดให้รองรับการใช้งานรถไฟฟ้าแบบง่ายๆ นั่นเอง
จะเห็นได้ว่ารถพลังงานไฟฟ้าไม่ได้จำกัดแค่รถในกลุ่มซีดาน แต่ขยับไปสู่รถกลุ่มเอสยูวีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะได้เห็นรถปิกอัพพลังไฟฟ้า หรือจะเป็นรถออฟโรดจอมลุยที่เปลี่ยนจากน้ำมันมาเป็นพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ก็เป็นได้ เรื่องแบบนี้เป็นอนาคตที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริง เช่นเดียวกับรถพลังงานไฟฟ้าอย่าง MG EZS ที่เข้าสู่ตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมๆ กับรถพลังงานไฟฟ้าแบรนด์อื่นๆ โลกแห่งเทคโนโลยีช่างเดินหน้าเร็วเหลือเกิน ยิ่งเอ็มจีเปิดตัว NEW MG ZS EV พร้อมประกาศราคาที่ 1,190,000 บาท ยิ่งทำให้วงการยานยนต์ไฟฟ้าคึกคักขึ้นอีกเป็นกอง พูดเลยว่าเอ็มจีทำออกมาได้น่าสนใจจริงๆ
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th