FORD : CAR OF THE YEAR 2024
Ford : Absolutely The Best รถยอดเยี่ยมแห่งปี 2024
BEST 4WD PETROL PICKUP
FORD RANGER RAPTOR 3.0L
ด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวล้ำสมัยคงสไตล์อเมริกันได้อย่างครบถ้วน พร้อมทั้งตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว ทั้งในด้านสมรรถนะที่โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 3.0 ลิตร และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้ Ford Ranger Raptor 3.0 L ได้รับการลงคะแนนจากกรรมการมากที่สุด และได้โหวตให้เป็น BEST 4WD PETROL PICKUP ใน Car of The Year 2024
มุมมองจากคณะกรรมการ
การออกแบบ
Ford Ranger Raptor 3.0L ได้รับการดีไซน์ให้มีรูปลักษณ์ภายนอกดุดัน โดยใช้ไฟหน้าใหม่รูปตัว C แบบ Matrix LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟเลี้ยวแบบไดนามิก ไฟสูงแบบตัดแสงและการปรับระดับแสงแบบอัตโนมัติ เพื่อให้แสงสว่างที่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ รวมถึงผู้สัญจรที่ขับสวนทาง ตัวอักษร F-O-R-D ขนาดใหญ่บนกระจังหน้า มีกันชนที่เป็นอิสระจากกระจังหน้า เพื่อให้ตัวได้เวลาวิ่งทางฝุ่น ทางด้านล้ออัลลอยใส่ลายใหม่ ขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยางออล-เทอร์เรน ส่วนด้านหลังใช้ไฟท้ายแบบแอลอีดีกลมกลืนกับไฟหน้า
ส่วนภายในมากับมาตรวัดฟูลดิจิทัลเต็มรูปแบบ ตัวมาตรวัดแสดงผลผ่านจอความละเอียดสูงขนาด 12.4 นิ้ว, จอทัชสกรีนสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 12 นิ้ว, ระบบอินโฟเทนเมนต์เจเนอเรชันล่าสุด SYNC 4A รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Android Auto หรือ Apple CarPlay, ช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด (Upfitter Switch), ชุดระบบเสียงไฮเอนด์ Bang & Olufsen พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง และเบาะทรงบัคเก็ทแบบสปอร์ตที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินรบ F-22 Raptor เข้าชุดกับพวงมาลัยหนังพร้อมแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัยหรือ On-centre mark และแป้นแพดเดิลชิฟต์เคลือบแมกนีเซียม
ขับสนุกด้วยขุมพลัง 3.0L
ทวินเทอร์โบชาร์จ
Ford Ranger Raptor 3.0L เครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost แบบ V6 ความจุ 3.0 ลิตร อัดอากาศด้วยทวินเทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ SelectShift ให้กำลังสูงสุด 397 แรงม้า (PS) ที่ 5,650 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 59.4 กก.-ม. ที่ 3,500 รอบ/นาที โดยใช้เสื้อสูบกราไฟต์ที่มีขนาดกะทัดรัด เมื่อเทียบกับเสื้อสูบเหล็กหล่อทั่วไปจะมีความแข็งแรงมากกว่าถึง 75 เปอร์เซ็นต์ และทนทานกว่าถึง 75 เปอร์เซ็นต์ มีระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System – ALS) ที่รักษาการหมุนของเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ความเร็วสูงต่อไป อีกถึง 3 วินาที หลังจากผู้ขับขี่ปล่อยคันเร่งรถจึงคืนความเร็วได้ทันใจขณะเร่งออกจากทางโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งเกียร์แต่ละสปีดได้รับการตั้งค่าเฉพาะตัวแตกต่างกัน
ช่วงล่าง FOX ผ่านทุกอุปสรรค
Ford Ranger Raptor 3.0L แข็งแกร่งพร้อมลุยด้วยปีกนกบน-ล่างแบบอะลูมิเนียม ที่แข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา รวมถึงระบบกันสั่นสะเทือนที่มีระยะยืดยุบสูง พร้อมวัตต์ลิงก์ด้านหลังตามเคย ที่สำคัญ คือระบบกันสะเทือน FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ลดการสั่นสะเทือนตามการเคลื่อนไหวของรถ เสริมด้วยระบบป้องกันการหดตัวค้าง หรือ Bottom-Out Control ของ FOX ช่วยเพิ่มแรงหน่วงสูงสุดในระยะ 25% สุดท้ายของการหดตัว ป้องกันไม่ให้ช็อคอัพค้าง และระบบนี้ยังช่วยชะลอการหดตัวของช็อคอัพหลัง เพื่อไม่ให้ตัวรถมีแรงกระแทกมากเกินไปในขณะเร่งความเร็ว
นอกจากนี้ ระบบช่วงล่างแบบ ไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ยังได้รับการปรับแต่งให้มอบความสบายบนทางเรียบ และประสิทธิภาพการขับขี่ออฟโรดทั้งแบบความเร็วสูงและความเร็วต่ำได้ โดยทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ใหม่ ที่ผู้ขับขี่เลือกได้เอง ซึ่งจะมีทั้งหมด 7 โหมด แบ่งเป็น
โหมดการขับขี่ทางเรียบ
– โหมดปกติ (Normal) ออกแบบมาเพื่อความสบาย ประหยัดเชื้อเพลิง และขับขี่สะดวก
– โหมดสปอร์ต (Sport) ออกแบบมาให้ตอบสนองไวขึ้นสำหรับการขับขี่บนถนนอย่างสนุกสนาน
– โหมดทางลื่น (Slippery) ออกแบบมาให้ผู้ขับมีความมั่นใจในการขับขี่บนถนนลื่นหรือพื้นถนนที่ไม่สม่ำเสมอ
โหมดการขับขี่ออฟโรด
– โหมดหิน (Rock Crawl) มอบการยึดเกาะและการทรงตัวที่เหนือชั้นบนพื้นผิวที่ลื่นไถลได้ง่าย
– โหมดทราย (Sand) สำหรับใช้ขับบนพื้นทรายหรือหิมะ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลังและการเปลี่ยนเกียร์
– โหมดโคลน (Mud/Ruts) เพิ่มศักยภาพในการยึดเกาะขณะออกตัว และรักษาการทรงตัวของรถ
– โหมดบาฮา (Baja) เปลี่ยนเข้าสู่การขับขี่ด้วยความเร็วสูงเต็มสมรรถนะ โดยปรับ
ทุกระบบให้พร้อมสำหรับการลุย
นอกจากนี้ยังมีชุดระบบระบายไอเสียที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า พร้อมโหมดปรับเสียงสำหรับ 4 โหมดการขับ ผู้ขับสามารถเลือกระดับความดังของท่อไอเสียได้ผ่านปุ่มบนพวงมาลัยหรือในขณะเลือกโหมดการขับแบบ Quiet, Normal, Sport หรือ Baja เพื่อให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม ณ เวลานั้น
ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
Ford Ranger Raptor 3.0L มาพร้อมระบบเชิงป้องกันเต็มรูปแบบ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่าง Adaptive Cruise Control พร้อมระบบ Stop & Go, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Centering, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning,ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ พร้อมตรวจจับคนเดินถนน AEB, ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning, ระบบช่วยหักพวงมาลัย เพื่อเลี่ยงการปะทะ Evasive Steering Assist, ระบบตรวจจับรถขณะก่อนออกจากช่อง Cross Traffic Alert, ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง Reverse Brake Assist, ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ Active Park Assist, ระบบตรวจจับลมยาง Tire Pressure Monitoring System และระบบกล้องรอบคัน 360 องศา
ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ยังอัดแน่นอย่างครบครัน เช่น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control พร้อมระบบ Electric Brake Booster, ระบบ ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HLA, ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM และระบบช่วยลงทางลาดชัน HDC
ด้วยความโดดเด่นที่เหนือชั้น ทำให้ Ford Ranger Raptor 3.0L ได้รับเลือกจากคณะกรรมการและโหวตให้เป็น BEST 4WD PETROL PICKUP ประจำปี 2024
BEST 4WD PICKUP UNDER 2,000 c.c.
FORD RANGER STORMTRAK
Ford Ranger Stormtrak ตอกย้ำความเป็นผู้นำกลุ่มรถปิกอัพอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านนวัตกรรมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในตัวรถ ซึ่งมีความลงตัวในการใช้งาน จนทำให้คณะกรรมการต่างลงความเห็นว่านี่คือ BEST 4WD PICKUP UNDER 2,000 c.c. ที่ดีที่สุดในปี 2024 ซึ่งจะมีความพิเศษอย่างไรบ้าง มาติดตามกัน…
มุมมองจากคณะกรรมการ
ดีไซน์ลงตัว แกร่ง ดุดัน
Ford Ranger Stormtrak เน้นการ ออกแบบให้ดูรองรับไลฟ์สไตล์กลางแจ้งหรือกิจกรรมต่างๆ ด้วยสปอร์ตบาร์และราวหลังคาแบบปรับได้สำหรับยึดสัมภาระหรืออุปกรณ์ที่ต่างขนาดซึ่งรองรับน้ำหนักสูงสุด 80 กก. (ขณะขับ) และ 250 กก. (ขณะจอด) กระจังหน้าติดตั้งไฟ AUX Lamp (Auxiliary Lamp) ส่วนไฟหน้าทรง C-Clamp เป็นแบบ Matrix LED สามารถปรับลดแสงไฟไม่ให้แยงตารถคันหน้าได้อัตโนมัติ ขณะที่การตกแต่งจะเป็นแนวสปอร์ต คิ้วขอบ อุปกรณ์ต่างๆ ใช้โทนสีดำและแถบสีแดง ไฟท้ายโคมรมดำ ตัวถังคาดลายกราฟิก ส่วนล้ออัลลอยให้มาเป็นขนาด20 นิ้ว สีดำตัดด้วยสีแดง สำหรับมิติตัวรถ มีความยาว 5,370 มม. กว้าง 1,918 มม. สูง 1,884 มม. และระยะฐานล้อยาว 3,270 มม.
ส่วนภายในออกแบบแนวสปอร์ต ด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังและหนังสังเคราะห์ตัดด้วยแถบสีแดง พร้อมปักสัญลักษณ์ Stormtrak บนพนักพิงเบาะคู่หน้าซึ่งปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง เติมเต็มความลงตัวด้วยฟีเจอร์ล้ำสมัยด้วยมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้ว จอมัลติฟังก์ชันแบบ Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto สามารถสั่งงานด้วยเสียง รวมถึงเช็กสถานะตัวรถบนสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน Ford Pass ได้ ส่วนแอร์แบบอัตโนมัติแยกปรับซ้าย-ขวา และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง นอกจากนี้ยังเพิ่มที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ตอบสนองทุกการใช้งาน
ด้วยขุมพลัง 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่
และช่วงล่างแบบ Monotube Ford Ranger Stormtrak มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 210 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะแบบ E-Shifter ลงตัวในการเดินทางด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบแหนบซ้อน มาพร้อมโช้คอัพคู่หน้าและหลังแบบ Monotube
มั่นใจทุกการเดินทาง
ด้วยระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน
Ford Ranger Stormtrak ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะครบครัน ได้แก่ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ, ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง, ระบบเปิด-ปิด ไฟสูงอัจฉริยะ, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด, กล้องมองรอบคัน 360 องศา, ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง และระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ยังอัดแน่นอย่างครบครัน เช่น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control พร้อมระบบ Electric Brake Booster, ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HLA และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM
ซึ่งทั้งหมดนี้ คือความลงตัวของ Ford Ranger Stormtrak ที่คณะกรรมการต่างลงความเห็นว่า นี่คือรถปิกอัพที่คุ้มค่ามากที่สุด จนสามารถคว้ารางวัล BEST 4WD PICKUP UNDER 2,000 c.c. ใน Thailand Car of The Year 2024
BEST DIESEL 4WD PPV UNDER 2,000 c.c.
FORD EVEREST WILDTRAK
ยังคง DNA ของรถสายพันธุ์แกร่งในสไตล์ขาลุยตามสไตล์อเมริกันไว้อย่างครบถ้วน สำหรับ Ford Everest Wildtrak รถ PPV ที่โดดเด่นทั้งด้านการออกแบบและตอบโจทย์ด้านความแรง ความประหยัด ความล้ำสมัย และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพิเศษ ที่สามารถใช้งานได้ทุกสภาพถนน ทำให้คณะกรรมการผู้ให้คะแนน Car of The Year 2024 ต่างให้ความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า “นี่คือรถ PPV ที่คุ้มค่ามากที่สุดในยุคนี้” ซึ่งจะมีความพิเศษอย่างไรบ้าง มาติดตามกัน…
มุมมองจากคณะกรรมการ
ระบบขับเคลื่อน 4×4
พร้อม 6 โหมดการขับขี่ Ford Everest Wildtrak มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo ให้กำลังสูงสุด 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ แบบ Electric Shifter ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูง ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ระบบขับเคลื่อนแบบ 4×4 พร้อมระบบล็อกเฟืองท้ายแบบดิฟล็อกไฟฟ้า และตัวเลือกโหมดการขับขี่มากถึง 6 โหมด อาทิ
โหมดปกติ (Normal) เหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนในชีวิตประจำวัน
โหมดประหยัด (Eco) รักษากำลังเครื่องยนต์และเกียร์ที่เหมาะสม พร้อมเปิดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เพื่อให้มีการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันสูงสุด
โหมดลากจูง (Tow/Haul) เหมาะสำหรับ
การลากจูงวัตถุที่มีน้ำหนักมาก ระบบจะปรับ
ลดอัตราทดเกียร์ให้เหมาะสม เพื่อการส่งกำลังที่ดีที่สุด
โหมดทางลื่น (Slippery) ระบบจะช่วย
ควบคุมรอบเครื่องยนต์และแรงบิดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมทำงานร่วมกับระบบป้องกันการลื่นไถล เพื่อการควบคุมรถที่ดียิ่งขึ้น
โหมดโคลน (Mud/Ruts) ระบบจะเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนเพื่อเพิ่มกำลังส่ง ให้รถสามารถออกตัวได้ แต่ยังรักษาสมดุลการเคลื่อนที่ของรถ พร้อมหมุนล้ออย่างรวดเร็วเพื่อกำจัดโคลนที่ติดอยู่ที่ดอกยางออก
โหมดทราย (Sand) ระบบจะส่งต่อแรงบิดไปยังล้ออย่างเต็มพิกัด พร้อมปรับคันเร่งและพวงมาลัยให้ตอบสนองรวดเร็วมากขึ้น เพื่อรักษาระดับแรงขับเคลื่อนขณะขับบนพื้นทราย
ดีไซน์แข็งแกร่ง ดุดัน สไตล์อเมริกัน
Ford Everest Wildtrak โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์แห่ง DNA ของรถฟอร์ดที่เด่นชัด โดยสะท้อนผ่านไฟหน้ารูปทรง C-Clamp ไฟท้าย LED Signature ทรงเรียวยาว ช่วยเน้นความกว้างท้ายรถ รับกับฐานล้อที่กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร กรอบกระจังหน้า รูปขอบล้อ ช่องลมบังโคลน และฝาครอบกระจกข้าง สี Bolder Grey บันไดข้างตกแต่งแถบโลหะ ราวหลังคาสีเงินแบบยกสูง เพิ่มประโยชน์ใช้สอยเมื่อคุณออกผจญภัย รองรับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 100 กิโลกรัม พร้อมโลโก้ตัวอักษร Wildtrak บนประตู ฝาท้าย และฝากระโปรงหน้า
ทางด้านภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนังสีดำพร้อมตะเข็บสีส้ม ประดับสัญลักษณ์ WILDTRAK ที่เบาะคู่หน้า พร้อมปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะแถวที่ 3 พับได้แบบไฟฟ้า เติมเต็มความลงตัวด้วยฟีเจอร์ ล้ำสมัย ด้วยมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้ว จอมัลติฟังก์ชันแบบ Multi-Touch ขนาด 12 นิ้วรองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto สามารถสั่งงานด้วยเสียง ส่วนแอร์แบบอัตโนมัติ แยกปรับซ้าย-ขวา และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รวมถึงเช็กสถานะตัวรถบนสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน Ford Pass ได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพิ่มความสะดวกด้วยกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ และช่องจ่ายไฟกระแสสลับ 400 วัตต์ บริเวณหลังคอนโซลกลางที่นั่งแถวที่สอง และช่องจ่ายไฟขนาด 12V ที่โซนเก็บสัมภาระท้ายรถ พร้อมด้วยประตูท้ายเปิด-ปิด อัตโนมัติ
มั่นใจทุกการเดินทาง
ด้วยระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน
Ford Everest Wildtrak มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะครบครัน ได้แก่ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ, ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง, ระบบเปิด-ปิด ไฟสูงอัจฉริยะ, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด, กล้องมองรอบคัน 360 องศา, ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง และระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ
ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ยังอัดแน่นอย่างครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัย 7 จุด, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control พร้อมระบบ Electric Brake Booster, ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HLA, ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM และระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา
…และทั้งหมดนี้ คือจุดเด่นที่คณะกรรมการได้ลงความเห็นว่า Ford Everest Wildtrak คือ BEST DIESEL 4WD PPV UNDER 2,000 c.c. ในปี 2024