FORD EVEREST 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4×4 10AT ลดปริมาณ (ความจุ) แต่เพิ่มด้วยสมรรถนะ (213 แรงม้า)
กระแสความนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและความต้องการ ที่พร้อมจะตอบโจทย์ในการใช้งานได้ลงตัวมากขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้สินค้ามีเกิดขึ้นมาใหม่หรือสูญหายไปตามความต้องการที่ลดลง รถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีการเกิดของเซ็กเมนต์ใหม่มากมายหลากหลายเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา นับเป็นการสนองตอบต่อความต้องการในการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้งานได้ตรงใจมากยิ่งขึ้น อย่างในเซ็กเม้นท์ SUV หรือ PPV ที่เราได้เห็นการเติบโตแบบร้อนแรงในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเกือบทุกยี่ห้อล้วนส่งรถ SUV ลงทำการช่วงชิงยอดจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้นกันอย่างร้อนแรง ฟอร์ดเป็นอีกหนึ่งแบรน์รถยนต์ที่สามารถสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการรถยนต์ในบ้านเราได้มากในเซ็กเมนต์รถกระบะกับเรนเจอร์ มาจนถึงรถตรวจการณ์ (PPV) อย่าง เอเวอเรสต์ ตั้งแต่เปิดตัวเจเนอเรชันแรกมาจนถึงเจเนอเรชันปัจจุบัน
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นใหม่นี้นับเป็นเจเนอเรชันที่ 2 แล้ว หลังจากได้รับการเปิดตัวมาประมาณ 4 ปี ก็ถึงเวลาที่จะได้รับการแต่งแต้มเพิ่มเติมความคมเข้มและสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น โดยภายนอกนั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงในด้านหน้า อย่างตัวกระจังหน้าใหม่ ปรับเส้นคาดแนวนอนให้เล็กลงไป พร้อมกับการขยายช่องรับลมไปในตัว ส่วนทางด้านล่างนั้น มีการปรับแนวเส้นของตัวกันชนใหม่ให้ดูแข็งแรง บึกบึนขึ้น ส่วนทางด้านข้าง ปรับชุดล้อแม็กลายใหม่ แบบ 6 ก้านคู่ ให้ความหรูหราที่มากขึ้น โดยยังคงไว้ด้วยขนาดที่ใหญ่ถึง 20 นิ้ว โอบรัดด้วยยาง 265 ซีรีส์ 50 นับเป็นล้อและยางติดรถไซซ์ใหญ่สุดที่มีจำหน่ายอยู่ 1 ใน 2 เจ้าที่ให้ติดตัวมาจากโรงงาน นอกเหนือจาก ฟอร์จูนเนอร์ ทีอาร์ดี ที่ให้มาไซซ์เดียวกัน
หลังจากปล่อยให้รอกันมานานกับเทคโนโลยีเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานอย่างกุญแจแบบคีย์เลส และระบบปุ่มสตาร์ต ได้รับการบรรจุเข้ามาในครั้งนี้ สร้างความคล่องตัวในการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น สามารถควบคุมการเปิด-ปิด ล็อกรถได้โดยไม่ต้องหยิบกุญแจออกมา น่าจะถูกใจผู้ใช้ทั้งชายและหญิง โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มักประสบปัญหาในการค้นหากุญแจจากในกระเป๋าถือออกมาใช้งาน อีกทั้งเอเวอเรสต์ ใหม่ ยังพัฒนาระบบเชื่อมต่อ SYNC สู่รุ่นที่ 3 ที่สามารถจดจำเสียงและการสั่งงานด้วยภาษาไทยได้แล้ว เพิ่มความสะดวกในการเรียกใช้งาน ระบบเครื่องเสียงที่มาพร้อมจอแบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น
มาสู่ยุคใหม่ของเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาในการเรียกสมรรถนะจากเครื่องที่มีขนาดเล็กลง แต่เต็มที่ด้วยสมรรถนะ ที่เครื่องใหญ่ในยุคก่อนต้องมองค้อน จากเครื่องตัวใหม่ล่าสุดแบบ 4 สูบ ที่มีความจุเพียงแค่ 2,000 ซี.ซี. แต่ถูกเพิ่มพลังด้วยระบบเทอร์โบคู่ สามารถเรียกพละกำลังออกมาใช้งานได้มากถึง 213 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุดที่มากถึง 500 นิวตันเมตร มีมาให้ใช้กันตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำเพียงแค่ 1,750 รอบ/นาที เท่านั้น ด้วยพละกำลังที่เพิ่มขึ้นมานั้น ถูกนำมาร่วมการทำงานกับชุดเกียร์ลูกใหม่ที่มีอัตราทดที่มากถึง 10 สปีด ให้อัตราทดที่ชิดเรียงติดกันในทุกๆ รอบความเร็ว นับเป็นเกียร์ที่มีอัตราทดมากที่สุด หนึ่งเดียวของเซ็กเมนต์ที่มีจำหน่ายอยู่ในบ้านเรา ซึ่งในการทดสอบใช้งานนั้น จะพบว่าเกียร์ลูกใหม่นี้สามารถให้การทำงานที่นุ่มนวลและต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเรียกอัตราเร่งมาใช้งานนั้น เพียงแค่กดคันเร่งลงไป ระบบก็จะประมวลผลและสั่งการปรับเปลี่ยนจังหวะเกียร์ให้พร้อมต่อการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว จนแทบจะไม่ต้องใช้แมนวลโหมดที่มีสวิตช์เลือกควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ +/- ที่อยู่ข้างๆ หัวเกียร์เลย
สำหรับการใช้งานในเมืองนั้น เมื่อเทียบกับเครื่องเก่าที่เคยประจำการในเอเวอเรสต์ จะเห็นได้ว่า เครื่องใหม่นั้นให้ความคล่องแคล่วในการขับขี่ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะระบบเกียร์นั้นทำงานได้นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเครื่องใหม่นี้ยังมีการทำงานที่เงียบมากขึ้น ช่วยเพิ่มความสบายในการเดินทางได้ดีกว่าเดิม ส่วนในเรื่องของความประหยัดนั้น จากการที่ได้ทำการทดสอบใช้งานอยู่ในเมืองนั้น พบว่า เครื่องยนต์ใหม่ตัวนี้ถึงแม้จะมีขนาดที่เล็กกว่าเดิมอยู่พันกว่า ซี.ซี. แต่ในด้านการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น กลับทำอัตราสิ้นเปลืองได้ใกล้เคียงกัน โดยตัวเลขที่ได้ในระดับ 9.64 กม./ลิตร นับว่าเป็นอัตราสิ้นเปลืองอยู่ในระดับทั่วๆ ไปของรถตรวจการณ์ส่วนใหญ่ที่ทำได้แถว 9-11 กม./ลิตร จากพละกำลังที่ทำได้ดี ไปจนถึงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบฟูลไทม์ที่ไม่สามารถปลดเหลือเพียง 2 ล้อหลังได้ด้วยแล้ว ก็ไม่น่าจะแปลกใจกับผลลัพธ์ของตัวเลขที่ได้มา
ถึงแม้เครื่องใหม่จะไม่ได้ชูจุดเด่นในเรื่องของความประหยัด แต่ถ้าพูดถึงพละกำลังที่มากในระดับ 213 แรงม้า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับขนาดความจุของเครื่องยนต์ ไปจนถึงระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 10 สปีด ที่ช่วยเติมความคล่องแคล่วในการทำงาน แม้จะยังไม่ได้ออปชันแป้นควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยเหมือนในแร็พเตอร์ แต่การใช้งานในชีวิตประจำวันนั้น นับได้ว่าพอเพียงแล้ว อีกทั้งออปชันอีกหลายรายการที่บรรจุเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น หลังคาแบบพาโนรามิกมูนรูฟขนาดใหญ่ เบาะแถวที่สามกางออกและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า ฝาท้ายควบคุมการเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า กุญแจแบบคีย์เลส ยิ่งช่วยเสริมให้ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เป็นหนึ่งในรถตรวจการณ์ (PPV) ที่ครบถ้วนไปด้วยอุปกรณ์และสมรรถนะ แม้จะต้องแลกมาด้วยค่าตัวในระดับ 1,799,000 บาท
รายละเอียดด้านเทคนิค
ยี่ห้อและรุ่นรถ | FORD EVEREST 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4×4 10AT |
แบบเครื่องยนต์ | 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว Bi-Turbo with Intercooler |
ปริมาตรความจุ (ซี.ซี.) | 1,996 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบ/นาที) | 213/3,750 |
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รอบ/นาที) | 51.02/1,750-2,000 |
ระบบขับเคลื่อน | 4 ล้อ |
ระบบเกียร์ | เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมแมนวลโหมด |
ระบบพวงมาลัย | แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยแบบไฟฟ้า |
ระบบกันสะเทือนหน้า | อิสระ แบบปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง |
ระบบกันสะเทือนหลัง | คานแข็ง พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง |
ระบบเบรก หน้า/หลัง | ดิสก์เบรก/ดิสก์เบรก |
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง (ในเมือง) | 9.64 กม./ลิตร |
ราคาจำหน่าย | 1,799,000 บาท |
เรื่อง: กิตติศักดิ์ ด้วงพิมพ์ ภาพ ภูดิท แซ่ซื้อ
ที่มา GRAND PRIX MAGAZINE ISSUE 591 MARCH 2019
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th