Ford Fiesta ST 200 ม้า บ้าพลัง!
The all-new Ford Fiesta ST เวอร์ชั่นล่าสุดเจนเนอเรชั่นที่ 3 มาพร้อมกับการการันตีว่า “นี่คือ Fiesta ST ที่ยอดเยี่ยมที่สุด และขับสนุกที่สุด” อันเป็นผลมาจากการอัพเกรดเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมสร้างอารมณ์ความสปอร์ตขึ้นอีกระดับ โดยจุดเด่นสำคัญก็คือ นี่เป็นโมเดลที่เลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost พิกัด 1.5 ลิตร แบบ 3 สูบที่พัฒนาโดย Ford Performance ซึ่งมีองค์ประกอบหลักๆ ก็คือ การเลือกใช้ระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแรงดันสูง High-Pressure Fuel Injection และระบบวาล์วแปรผัน Twin-independent Variable Cam Timing ตลอดจนการใช้ระบบอัดอากาศ Turbocharged แบบใหม่
ทำให้ Ford Fiesta ST โมเดลนี้มีพละกำลังให้ใช้ถึง 200 แรงม้า และแรงบิดถึง 290 นิวตันเมตรตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,600 รอบต่อนาที ไปจนถึง 4,000 รอบต่อนาที ซึ่งสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 6.5 วินาที และทำท็อปสปีดสูงสุดได้ถึง 232 กม./ชม.
นอกจากนี้ยังเพิ่มเขี้ยวเล็บความสปอร์ตด้วยการติดตั้งฟังค์ชั่น Selectable Drive Modes เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเป็นครั้งแรก ซึ่งสามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ คือ Normal, Sport และ Track ทำให้ Ford Fiesta ST โมเดลนี้สามารถเป็นได้ทั้งรถที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน และยนตรกรรมสำหรับ Track Day รวมไปถึงยังสามารถเพิ่มเติมออพชั่น Launch Control เข้าไปเพื่อสร้างความเร้าใจกับการขับขี่ในสนามแข่งได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของ Ford Fiesta ST ที่มีการติดตั้งระบบล็อคเฟืองท้าย Limited-Slip Differential เข้ามาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ตลอดจนเรื่องของระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ที่มีน้ำหนักลดลงจากเดิม 10 กก. แต่มีเสถียรภาพมากขึ้น พร้อมกับตอบสนองการขับขี่แบบสปอร์ตได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการเพิ่มความมั่นใจในการหยุดยั้งด้วยระบบเบรกสมรรถนะสูงจากจานเบรกหน้าขนาด 278 มม. ในด้านหน้า และขนาด 253 มม. ในด้านหลัง
ในส่วนของรูปลักษณ์นั้นจะมากับตกแต่งในสไตล์โมเดล ST โดยติดตั้งล้อขนาด 17 นิ้วมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และขนาด 18 นิ้วเป็นออพชั่นให้จ่ายเพิ่ม รวมถึงการตกแต่งที่ผู้เป็นเจ้าของสามารถเลือกได้ทั้งตามใจชอบด้วย 3 แพคเกจหลักๆ คือ ST-1, ST-2 และ ST-3
ส่วนภายในนั้นยังคงเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น ระบบเชื่อมต่อ SYNC 3 ควบคุมผานหน้าจอมาตรฐานขนาด 6.5 นิ้ว หรือเลือกจ่ายเพิ่มเพื่อเปลี่ยนเป็นขนาด 8 นิ้ว พร้อมฟังค์ชั่นการเชื่อมต่อ Smartphone, การสั่งงานด้วยเสียงรวมถึงเครื่องเสียงคุณภาพสูงอย่าง B&O
ในขณะที่ตัวช่วยด้านการขับขี่ Driver Assistance Technologies ที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานนั้นประกอบด้วย ระบบควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน Lane Keeping Aid ซึ่งจะทำงานร่วมกับระบบเตือนการออกนอกเลน Lane Keeping Alert และระบบควบคุมความเร็ว และระบบจำกัดความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control with Speed Limiter นอกจากนี้ก็มีระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain-Sensing Wipers, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ Automatic Headlamps, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto-Highbeam และระบบตรวจจับ พร้อมอ่านป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th