FORD RANGER RAPTOR ถ้าได้สัมผัสแล้ว คุณจะหลงรักเจ้าไดโนเสาร์ตัวนี้
ชั่วโมงนี้หากเอ่ยถึงซูเปอร์กระบะที่ดุเดือดร้อนแรงที่สุดจากโรงงานในบ้านเรา คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ไดโนเสาร์พันธ์ดุของค่ายกระบะอเมริกันเป็นแน่ ด้วยคอนเซปต์ที่ออกมาตอบโจทย์กระบะที่เหนือความเป็นกระบะทั่วๆ ไป หรืออาจจะเรียกได้ว่ากระบะที่ได้รับการปรับแต่ง โมดิฟายให้เหนือกว่ากระบะเดิมที่มีจำหน่ายกันอยู่ทั่วไป จนแทบจะเหลือของที่ใช้ร่วมกับกระบะเรนเจอร์เพียงแค่ไม่กี่ส่วนเท่านั้น
จุดเด่นที่ต้องยอมรับในความเหนือชั้นกว่าเรนเจอร์ทั่วๆ ไปนั้น จากการทดสอบใช้งานกว่า 1,000 กม. คือ ระบบช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงขึ้นใหม่หมด ตั้งแต่ด้านหน้าไปจดด้านหลัง เริ่มกันตั้งแต่ ปีกนกหน้าคู่ใหม่ ที่เปลี่ยนมาสู่วัสดุใหม่ อะลูมิเนียมขาวจั๊ว ที่สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดในด้านหน้า มาพร้อมกับความยาวที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ฐานล้อหน้าถูกขยายความกว้างขึ้นไปอีกถึงกว่าข้างละ 3 นิ้ว ทำงานร่วมกับชุดโช้คอัพที่เป็นคอยล์สปริงในตัวจากแบรนด์ชื่อดัง อย่าง FOX ที่มาดูแลและพัฒนาตัวโช้คร่วมกับทางฟอร์ดในการสร้างแร็พเตอร์คันนี้ขึ้นมา
นอกจากนี้ ในด้านหลังจากช่วงล่างแบบแหนบแผ่นซ้อนที่เราคุ้นเคยและเห็นอยู่ในกระบะทั่วไป ถูกปรับใหม่มาใช้ระบบรองรับแบบคานแข็งที่ทำงานร่วมกับชุดคอยล์สปริง คล้ายกับที่ใช้อยู่ใน SUV ประจำค่าย อย่าง เอเวอเรสต์ ที่ว่าคล้ายแต่ไม่ได้เหมือน ก็เพราะว่า ในช่วงล่างหลังของแร็พเตอร์นั้น มีการขยายฐานล้อหลังให้กว้างตามฐานล้อหน้าที่กว้างขึ้นอีกข้างละกว่า 3 นิ้วเช่นกัน พร้อมๆ กับมุมโช้คหลังออกแบบใหม่ ให้มีความเอียงที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมการเซตอัพใหม่จากทาง FOX เพื่อรองรับการทำงานที่โหดได้อย่างลงตัว ชนิดที่เรียกได้ว่าระบบช่วงล่างชุดนี้สามารถพาคุณให้รับรู้ความรู้สึกของรถแข่งรุ่นเล็กกันได้เลยทีเดียว
ซึ่งเมื่อผสานการทำงานร่วมกับชุดล้อขอบ 17 นิ้ว ที่โอบรัดเอาไว้ด้วยยางคู่ใจขาลุย อย่าง BFGoodrich ขนาดไซซ์ยางที่ใหญ่ถึง 285 ซีรีส์ 70 ขอบ 17 ที่นับได้ว่าเป็นเบอร์ยางติดรถที่ใหญ่ที่สุดในบ้านเรา มาพร้อมด้วยการออกแบบโครงสร้างแซสซีใหม่ที่ใช้เหล็ก High-Strength Low-Alloy (HSLA) ที่ให้ความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น จนพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความปราดเปรียวไปจนถึงความแข็งแกร่งของแร็พเตอร์ ในการโดดล้อลอยจากพื้นโชว์ความนิ่งในการทำงานของระบบช่วงล่างและความมั่นใจในการขับขี่ต่อได้ทันทีที่ล้อกลับมาสัมผัสพื้นถนน และในการใช้งานแบบทั่วไปนั้น จะเห็นได้ว่าแร็พเตอร์นั้น สามารถโชว์สมรรถนะในการยึดเกาะถนนทั้งทางเรียบ ไปจนถึงทางขุรขระได้อย่างมั่นคง สร้างความมั่นใจในการเดินทางได้ดีตลอดการขับขี่ โดยเฉพาะเส้นไฮเวย์ที่มีโค้งเยอะ อย่าง ถนนทางภาคเหนือและภาคใต้ของบ้านเรา ด้วยฐานล้อที่กว้างขึ้นกว่าครึ่งไม้บรรทัด และโช้คอัพสมรรถนะสูงของ FOX ยิ่งเป็นตัวเพิ่มความสนุก และความมั่นใจได้ดีในเส้นทางที่คดเคี้ยวแบบนี้ ให้การเข้าและออกจากโค้งเป็นเรื่องที่ว่านอนสอนง่ายจนเชื่องมือ ลดความเหนื่อยล้าในการเดินทางได้ดี
ในเรื่องของกำลังที่มีจากเครื่องยนต์บล็อกใหม่ ดีเซล คอมมอนเรล แบบ 4 สูบ ขนาดความจุ 2.0 ลิตร ที่ทำงานร่วมกับชุดเทอร์โบคู่ สามารถเรียกแรงม้าได้มากถึง 213 ตัว มาพร้อมกับแรงบิดในระดับ 500 นิวตันเมตร ส่งผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติลูกใหม่ที่มีอัตราทดของเกียร์มากถึง 10 สปีด ให้การทำงานที่รวดเร็วและต่อเนื่องดี มาพร้อมออปชันเสริมเพิ่มความคล่องแคล่วในการควบคุมจังหวะเกียร์ด้วยชุดแป้นควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่ด้านหลังก้านพวงมาลัยขนาดใหญ่ ใช้งานง่ายและคล่องตัวดี ซึ่งเมื่อได้ลองสัมผัสกันก็พบว่า ขุมพลังที่ติดตัวมาในแร็พเตอร์นั้น นับได้ว่ามีสมรรถนะเพียงพอในการใช้งานดี ทั้งการขับขี่ในเมืองไปจนถึงนอกเมือง โดยเฉพาะความนุ่มนวลของการทำงานในการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ทั้ง 10 จังหวะนั้น ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลและรวดเร็วดี ถึงแม้ในเรื่องความร้อนแรงของขุมพลัง 213 แรงม้าที่ติดตัวมานั้น ดูว่าเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ก็ไม่ได้ร้อนแรงหรือโดดเด่นเท่ากับในเรื่องของระบบช่วงล่าง แต่แร็พเตอร์ก็พยายามเสริมทัพสมรรถนะเข้าไปอีกเล็กน้อย ด้วยโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกถึง 6 แบบ โดยดาวเด่นจะไปอยู่ที่โหมด BAJA ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่แบบออฟโรดความเร็วสูง เติมความสนุกในการขับขี่ให้มีมากขึ้น
ถ้าคุณกำลังมองหารถกระบะสักคันเพื่อมาเป็นพาหนะคู่ใจ แต่มีโจทย์ที่ต้องการกระบะที่เหนือกว่ากระบะทั่วๆ ไป และพร้อมจะแลกมาด้วยค่าตัวที่ขยับสูงขึ้นอีกประมาณ 5 แสน ด้วยดีกรีของรถกระบะสมรรถนะสูงที่ถือกำเนิดจากโรงงานผู้ผลิต โดดเด่นด้วยรายละเอียดที่ได้รับการดูแลพัฒนา แร็พเตอร์ก็อาจจะเป็นหนึ่งเดียวในทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด ณ ตอนนี้ ถึงแม้จะต้องแลกมาด้วยราคาค่าตัวที่สูงถึง 1,699,000 บาท กันเลยทีเดียว
ข้อมูลทางเทคนิค
ยี่ห้อและรุ่นรถ | FORD RANGER RAPTOR |
แบบเครื่องยนต์ | 4 สูบแถวเรียง Bi-Turbo |
ปริมาตรความจุ (ซี.ซี.) | 1,996 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบ/นาที) | 213/3,750 |
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รอบ/นาที) | 50.9/1,750-2,000 |
ระบบขับเคลื่อน | สี่ล้อ |
ระบบเกียร์ | เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมแมนวลโหมด |
ระบบกันสะเทือนหน้า | อิสระ แบบปีกนกอะลูมิเนียม 2 ชั้น พร้อม FOX Shocks และเหล็กกันโคลง |
ระบบกันสะเทือนหลัง | คานแข็ง คอยล์สปริงจาก FOX Shocks พร้อมด้วยวัตต์ลิงก์ |
ระบบเบรก หน้า/หลัง | ดิสก์เบรก/ดิสก์เบรก |
อัตราความสิ้นเปลือง (กม./ลิตร) | นอกเมือง 12.29 |
ราคาจำหน่าย | 1,699,000 บาท |
เรื่อง: กิตติศักดิ์ ด้วงพิมพ์
GRAND PRIX MAGAZINE ISSUE 594 JUNE 2019
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th