จบแค่นี้ Ford หยุดพัฒนา Focus RS รุ่นต่อไป
ที่ผ่านมา Ford มีรุ่น RS เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูงในรถแฮทช์แบ็กขนาดคอมแพกต์รุ่น Focus ของตนมาตั้งแต่เจนเนอเรชั่นแรก แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า Focus RS เจนเนอเรชั่นต่อไปที่คาดว่าจะออกมาลุยตลาดในปี 2022 จะเป็นหมันไปแล้วจากข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้นด้านมลพิษของสหภาพยุโรปที่เป็นเหมือนประตูตอกฝาโลงรถแฮทช์แบ็กรุ่นแรงนี้
Caradisiac ซึ่งเป็นสื่อมวลชนในฝรั่งเศสได้รายงานว่า Ford ตัดสินใจที่จะไม่มี RS มาเป็นทางเลือกใน Focus เจนเนอเรชั่นที่ 4 แม้ว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมด้วยจะสามารถช่วยรักษารถรุ่นนี้ไว้ได้ และมีข่าวลือออกมาว่าหากเป็น RS ไฮบริดโดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหลังจะสามารถช่วยเพิ่มกำลังความแรงของรถให้ทะลุ 400 แรงม้าก็ตาม
นอกจากปัญหาเรื่องความเข้มงวดด้านมลพิษแล้ว อีกเหตุผลของการยุติ Focus RSที่ถูกคาดการก็คือเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงในการพัฒนา เพราะทาง Ford ได้มีการกำจัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายของ Ford ยุโรที่รับผิดชอบการพัฒนาแฮทช์แบ็กรุ่นแรงด้วย
หากไม่มีรุ่น RSออกมา ทางเลือกรุ่นแรงสุดของ Focusในยุโรปจาก Ford ก็จะเป็น Ford Focus ST ขับเคลื่อนล้อหน้าที่มี 2 ทางเลือกของเครื่องยนต์คือเครื่องดีเซล 2.0 ลิตร 190 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ 2.3 ลิตร 280 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตัน-เมตร
อย่างไรก็ตามถึงจะไม่มีFocus RS เจนเนอเรชั่นใหม่ออกมา บรรดาคนยุโรปเท้าหนักก็ยังมีทางเลือกของรถแฮช์แบ็กตัวแรงอีกหลากหลายตัวเลือก ทั้ง Mercedes-AMG A45/A45 S และ Audi RS3 สำหรับผู้ที่มองหารถแฮทช์แบ็กขนาดเล็กสมรรถนะสูงขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีกำลังมากกว่า 400 แรงม้า และหากลดระดับความแรงลงมาเป็นกำลังระหว่าง 300-400 แรงม้าก็จะมีทางเลือกทั้ง Mercedes-AMG A35, Audi S3 และ BMW M135i
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th