GMC Hummer EV SUV อีกทางเลือกตัวถังสำหรับอีกรูปแบบความอเนกประสงค์
หลังจาก GMC เปิดตัว Hummer ออกมาใหม่อีกครั้งในรูปแบบของรถปิกอัพไฟฟ้า ตอนนี้ได้ขยายทางเลือกของรถในชื่อ Hummer EV ไปสู่รูปแบบของเอสยูวีสำหรับผู้ที่ต้องการพาหนะที่มาพร้อมกับอีกรูปแบบหนึ่งของความอเนกประสงค์ ซึ่งมีพื้นที่ห้องโดยสารยาวต่อเนื่องและมีหลังคาครอบคลุมไปถึงพื้นที่บรรทุกด้านหลัง
แม้จะมาในรูปแบบตัวถังที่ต่างกัน แต่ GMC Hummer EV SUV ก็เดินตามรอยของ Hummer EV ปิกอัพที่ด้านหน้าด้วยไฟหน้าและกระจังหน้าทรงเรียว รวมทั้งมีแผ่นกันกระแทกและห่วง D-Ring ที่ด้านล่างเหมือนกัน รวมไปถึงมาพร้อมกับซุ้มล้อขนาดใหญ่ที่ด้านข้าง อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าความแตกต่างอยู่หลังคาที่ยาวครอบคลุมไปถึงด้านหลังสุดของรถที่มียางอะไหล่ติดอยู่บนฝาท้าย ในขณะที่หลังคารถมาพร้อมกับ Sky Panel ที่สามารถถอดออกแล้วเก็บไว้ที่ใค้ฝากระโปรงหน้าได้
ภายในห้องโดยสารที่ถูกระบุว่ารองรับผู้โดยสารได้ 5 คน มีจอดิจิตอลแสดงข้อมูลผู้ขับขนาด 12.3 นิ้ว ในขณะที่จอระบบ Infotainment มีขนาด 13.4 นิ้ว โดยที่ Hummer EV SUV ยังคงมาพร้อมกับคอนโซลกลางแบบลอยตัว วัสดุหุ้มหัวเกียร์ที่มีความทนทาน รวมทั้งระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Super Cruise ที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยได้บนถนนที่รองรับ พร้อมกับมีการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อทำให้สามารถเปลี่ยนเลนอัตโนมัติได้
GMC จะทำ Hummer EV SUV ออกมาขาย 3 รุ่น ซึ่งมีความแตกต่างกันในเรื่องของจำนวนมอเตอร์ แบตเตอรี กำลังขับเคลื่อน และระยะการเดินทาง โดยรุ่นเริ่มต้น Hummer EV SUV มาพร้อมกับ 2 มอเตอร์ แบตเตอรี 16 โมดูล มีกำลัง 625 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 10,033 นิวตัน-เมตร สามารถเดินทางได้มากกว่า 402 กิโลเมตรต่อการชาร์จ รุ่น 2X ใช้ 2 มอเตอร์ และแบตเตอรี 20 โมดูล กำลัง 625 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 10,033 นิวตัน-เมตร เดินทางได้ถึง 483 กิโลเมตรต่อการชาร์จ และรุ่น 3X มี 3 มอเตอร์กับแบตเตอรี 20 โมดูล มีกำลัง 830 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 15,592 นิวตัน-เมตร เดินทางได้มากกว่า 483 กิโลเมตรต่อกาชาร์จ
Hummer EV SUV จะเหมือนกับ Hummer EV ปิกอัพที่มีรุ่น Edition 1 ออกมาก่อน โดยทั้ง Edition 1 รวมทั้ง Edition 1 พร้อม Extreme Off-Road Package ซึ่งจะมาในสเปกเดี่ยวกับ Hummer EV 3X SUV แต่ Edition 1 ที่มาพร้อมกับ Extreme Off-Road Package จะมีระยะการเดินทางลดลงเหลือ 450 กิโลเมตร
สำหรับกำหนดการขาย Hummer EV SUV Edition 1 ทั้ง 2 รุ่นอยู่ที่ช่วงต้นปี 2023 จากนั้นตามด้วยรุ่น 2X และ 3X ในช่วงฤดูใบไม้ผลิตปีเดียวกัน ส่วนรุ่นพื้นฐานที่มีราคาถูกสุดโดยอยู่ที่ 79,995 ดอลล่าร์จะเริ่มขายในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2024
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th