GREAT WALL พร้อมบุก!!เตรียมส่ง 2 โมเดล แย่งส่วนแบ่งตลาดในไทยปีหน้า
หลังจากทุ่มเงินซื้อโรงงานผลิตของ “เจนเนอรัล มอเตอร์ส” จังหวัดระยอง เหมือนมหาเศรษฐีทุ่มเงินซื้อทีมฟุตบอล เกรท วอลล์ มอเตอร์ส ( Great Wall Motors ) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน เร่งเครื่องลุยธุรกิจในไทย หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เตรียมรับมอบโรงงานจาก GM ช่วงเดือนตุลาคมนี้หวังเดินกำลังผลิตปี 2564 ประเดิมด้วย SUV แบรนด์ “ฮาวาล” ( Haval ) ตามด้วย Pick up รถกระบะในชื่อ Great Wall รับรองว่าปี 64 ถ้า เกรท วอลล์ มอเตอร์ส มาเต็มระบบ ตลาดมีเดือดแน่นอน
ความโหดของ เกรท วอลล์ ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะนอกจาก SUV แบรนด์ “ฮาวาล” ( Haval ) รถ Pick up ในชื่อ Great Wall แล้ว ยังมีแบรนด์ในเครือและโปรดักต์อีก 2 แบรนด์คือ SUV สุดหรูอย่าง Wey และ รถพลังงานไฟฟ้า 100% แบรนด์ ORA ซึ่งทั้งหมดก็มีแนวโน้มที่จะขายในประเทศไทยเช่นกัน ส่วนเรื่องการขายทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ส ได้มีการทาบทามดีลเลอร์ของเชฟโรเลตให้มาเป็นคู่ค้าอีกด้วย
เอาละที่นี้เรามารู้จักรถรุ่นใหม่ของ GREAT WALL กันว่ามันจะสวยเด็ด และดีขนาดไหน ต้องบอกว่า 2 รุ่นนี้มีแน้วโน้มขายไทยด้วยนะครับ เราๆไปดูข้อมูลพร้อมกันเลย
Great Wall PAO
Great Wall PAO ตัวรถนั้นมาพร้อมกับชุดไฟหน้าและหลังแบบ LED เต็มรูปแบบ พร้อมกับบันไดด้านหลังรถแบบลาดเอียงแบบพับได้ ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกให้กับการขนถ่ายสินค้าเป็นอย่างมาก และการออกแบบความสูงของตัวรถ, ท่อไอเสีย และองค์ประกอบ อื่นๆ นั้น ก็ถูกออกแบบมาเพื่อการลุยโดยเฉพาะ
ส่วนภายใน Great Wall PAO ก็ตกแต่งเอาไว้ไม่ธรรมดาเลย ภายในดูหรูหรา หลายจุดหุ้มด้วยหนัง เช่น แผงหน้าปัดด้านบน แผงประตูบางส่วน และมีการตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินเพิ่มความหรูหรา คอนโซลกลางรวมถึงคันเกียร์ทันสมัย เบาะสีทูโทนอ่อมี Paddle Shift ให้ด้วยนะ และยังมีตัวแต่งสไตล์ออฟโรดออกมาอวดโฉมให้น้ำลายไหลเล่นอีกต่างหาก
สำหรับทางด้านขุมพลังของ Great Wall PAO เลือใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ความจุ 2.0 ลิตร DOHC เทอร์โบชาร์จ 197 แรงม้า (HP) และเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง ความจุ 2.0 ลิตร DOHC เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 8 จังหวะ เรื่องพละกำลังดูไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่นัก ส่วนความทนทาน คงต้องรอการพิสูจน์
ราคาจำหน่ายในจีนเริ่มต้นที่ 126,800 หยวน หรือประมาณ 5.9 แสนบาท คาดว่าขายไทยราคาเริ่มต้นน่าจะประมาณ 7 แสนกว่าบาท แต่คำถามคือ…จะสู้เจ้าตลาดได้หรือไม่ เพราะ MG Extender 2019 กลุ่มยักษ์ใหญ่ SAIC ก็ยังเคยก้าวพลาดในไทยมาแล้ว
Haval F7X
ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกของ Haval F7Xต้องบอกเลยว่าดูดี สวยจัดเลยครับ ด้วยการออกแบบบกระจังหน้าหกเหลี่ยมพร้อมกรอบโครเมี่ยม ไฟหน้าแบบ LED ปรับสูงต่ำอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED พร้อมกรอบโครเมี่ยม มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ กระจกข้างสีเดียวกับตัวรถปรับพับไฟฟ้า บันไดข้าง ไฟท้าย LED ไฟตัดหมอกหลัง LED เสาอากาศหูฉลาม ยาง 225/55 R19 บอกได้เลยว่าโดยรวมถภายนอกดูหรูหรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สู้กับเจ้าตลาดได้แบบสบายๆ ขนาดมิติตัวถัง ความยาว 4,620 มม. ความกว้าง 1,846 มม. ความสูง 1,660 มม. ระยะฐานล้อ 2725 มม.
เรื่องการดีไซน์ภายในของ Haval F7X ต้องบอกเลยว่าพี่จีนไม่แพ้ชาติใดในโลกดีไซน์ออกมาได้ดูหรูหรา ดูดีมากทีเดียวภายในสีแดงและสีดำ มาพร้อมหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยหุ้มหนังแท้ เบาะหนังเทียมดูท่าทางนั่งสบาย แถมที่นั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทางปรับด้วยไฟฟ้า เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบสัญญาณกันขโมย ฟังก์ชั่นล็อคพวงมาลัย ระบบกุญแจนิรภัย ระบบปลดล็อคประตูระยะไกล กุญแจอัจฉริยะ จัดหนักด้วยระบบเอ็นเตอร์เทรนเม้นท์หน้าจอสีแบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 9 นิ้วแบบดิจิตอลขนาดใหญ่ รองรับ Bluetooth วิทยุ FM / AM /MP5 + USB / Telematics (4G) และWiFi มีหลังคาซันรูฟไฟฟ้าป้องกันการหนีบมาให้ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone กรอง PM2.5 แต่ดูจากรถจีนหลายยี่ห้อที่ขายในต่างประเทศดีไซน์สวนแต่วัสดุที่ใช้ยังสู้รถญี่ปุ่น และยุโรป ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องมาลุ้นกันว่าเมื่อเข้ามาผลิตที่ไทยแล้วจะเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ภายในหรือไม่
Haval F7X มี 2 เครื่อยนต์ให้เลือกขึ้นอยู่กับว่าขายไทยจะใช้เครื่องลูกไหน
เครื่องยนต์เบนซิน รหัส GW4B15A ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้าที่ 5000-5600 รอบต่อนาที แรงบิตสูงสุด 285 นิวตัน-เมตรที่ 1400 – 3000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีต ความจุถังน้ำมัน 56 ลิตร อัตราสิ้นเปลือง 100 กม./ 6.6 ลิตร หรือประมาณ 15.1 กม./ลิตร
เครื่องยนต์เบนซิน รหัส GW4B15A 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 221 แรงม้าที่ 5200 – 55000 รอบต่อนาที แรงบิตสูงสุด 385 นิวตัน-เมตรที่ 2000-3200 รอบต่อนาที ความจุถังน้ำมัน 56 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีต อัตราสิ้นเปลือง 100 กม./7.1 ลิตร หรือ 14 กม./ลิตร
ระบบความปลอดภัยก็จัดให้เต็มไม่น้อยหน้าใครในยุทธภพ เริ่มด้วย ถุงลมนิรภัยคู่ / ถุงลมนิรภัยด้านข้าง / ม่านด้านข้าง ,เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ,เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบสามจุด ,เบาะนั่งสำหรับเด็ก ISO FIX ,ระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ (ESP) ,ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCS) ,ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (RMI) ,ระบบช่วยเบรก (BA) ,ระบบช่วยบนทางลาดชัน (HHC) ,ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ,กล้อง 360 องศา ,ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise (ACC) ,ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ,ระบบเตือนวัตถุด้านหน้า (FCW) ,ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (LDW) ,การตรวจสอบจุดบอด (BSD),ระบบเตือนด้านหลัง (CTA) ,ความช่วยเหลือการจราจรติดขัด (TJA) ,กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
โดยราคาเริ่มต้นของเจ้า Haval F7X ที่ประเทศจีนนั้นขายอยู่ที่ 119,900 หยวน หรือประมาณ 551,540 บาท ซึ่งคาดว่าถ้า Haval F7X ผลิตขายไทยราคาเริ่มต้นคงจะอยู่ที่ราวๆ 680,000 บาท ก็เป็นได้
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th