Honda ประกาศอีก 8 ปีพร้อมขายรถไร้คนขับ Autonomous !
Honda เตรียมพัฒนารถยนต์ Autonomous Drive เพื่อออกขายจริงในปี 2025
Honda แบรนด์รถยนต์ดังของประเทศญี่ปุ่น ประกาศกลยุทธ์สู่อนาคต ‘Vision 2030’ ด้วยการเตรียมพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Autonomous ระดับ SAE Level 4 เพื่อออกขายจริงภายในปี 2025 รวมทั้งการก้าวสู่เทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และบริการการเดินทางรูปแบบใหม่
การประกาศวิสัยทัศน์ครั้งนี้มีขึ้นที่ศูนย์วิจัย และพัฒนาของฮอนด้า ในประเทศญี่ปุ่น โดย Takahiro Hachigo ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฮอนด้า มอเตอร์ แสดงความมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์ที่สามารถรองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ พร้อมแนะนำเทคโนโลยีเรดาร์ตรวจจับ, ระบบควบคุม และการสั่งงานของสมองกล (Artificial Intelligence- AI) ที่มีความฉลาดมากขึ้น เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายในการสร้างสังคมที่ปราศจากอุบัติเหตุ (Collision-free Society)
รถยนต์ไร้คนขับระดับ SAE Level 4 อธิบายง่ายๆ คือ AI จะควบคุมทุกอย่าง โดยผู้ที่นั่งบริเวณคนขับไม่ต้องสัมผัสพวงมาลัย ยกเว้นในเวลาที่สภาพอากาศเลวร้ายเท่านั้น โดยฮอนด้า แสดงให้เห็นความล้ำหน้าอีกขั้นด้วยการที่ AI มีความสามารถในการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) สามารถวิเคราะห์สถานการณ์จากกล้องตรวจจับรอบคันรถเพื่อควบคุมการขับให้ปลอดภัย แม้ว่าจะเป็นถนนนอกเมืองที่ไม่มีเส้นจราจรที่ชัดเจน รวมทั้งการตรวจจับคนข้ามถนนหรือจักรยานในเวลากลางคืน โดยระบบสมองกลจะจดจำประสบการณ์การขับเพื่อพัฒนาความสามารถในการประเมินผลลัพธ์ล่วงหน้าเพื่อตัดสินใจอย่างทันท่วงที
ฮอนด้า ยังเตรียมรองรับการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีสู่ยานยนต์ไฟฟ้า โดยภายในปี 2030 รถยนต์ที่พวกเขาผลิตออกขายทั่วโลก 2 ใน 3 จะต้องเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และจะพัฒนาควบคู่กับรถยนต์ไฮโดรเจนหรือ Fuel Cell Vehicle (FCV) ด้วยเป้าหมายที่จะต้องสร้างรถยนต์ที่ไม่มีการปล่อยไอเสียออกสู่อากาศ
นอกเหนือจากนี้ในการประกาศวิชั่น 2030 มีการเปิดเผยถึงแผนเปิดตัวเจเนอเรชั่นที่ 10 ของ Accord ที่จะมีดีไซน์ก้าวล้ำกว่ารุ่นปัจจุบัน และติดตั้งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยจะมีการจัดรอบเวิลด์พรีเมียร์ที่สหรัฐฯ เป็นประเทศแรก ในช่วงปลายปีนี้ ก่อนจะออกขายในภูมิภาคอื่น รวมทั้งประเทศไทยที่คาดว่าจะได้สัมผัสรถจริงในปี 2018
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: world.honda.com/hondanews.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
Honda ได้มีการลองใช้ทคโนโลยี Smart Intersection ที่ออกแบบมาเพื่อลดการชนที่ทางแยกโดยร่วมมือกับเมือง Marysvulle ในโอไฮโอซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการณ์ 33 Smart Mobility Corridor โครงการนำร่องในการหาข้อจำกัดของเซ็นเซอร์ในรถเพื่อแก้ไขปัญหาการชนที่บริเวณทางแยก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการนำเอาเทคโนโลยีการสื่อสาร V2X หรือ Vehicle-to-everything Communication มาใช้ในโลกจริง
เทคโนโลยี Smart Intersection ที่ทดลองจะใช้ซอฟต์แวร์จดจำวัตถุของ Honda ซึ่งทำงานร่วมกับกล้องที่ติดตั้งบริเวณทางแยกและเทคโนโลยีการสื่อสาร V2X Communication เพื่อให้รถยนต์สามารถมองผ่านอาคารและกำแพงรวมทั้งเห็นพื้นที่รอบๆ ได้แบบภาพเสมือนในทุกสภาพอากาศสำหรับการระบุสิ่งที่พบและเตือนผู้ขับถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับวิธีการทำงานของ Smart Intersection คือ ใช้กล้องสี่ตัวติดไว้เหนือสัญาณไฟจราจรแต่ละแยกของทางแยกเพื่อบันทึกภาพรอบๆ ในมุมสูงของทั้งยานพาหนะและคนเดินเท้าในระยะ 300 เมตร จากนั้นซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพของ Honda จะสร้างภาพของทางแยกนั้นในแบบ 360 องศาโดยมีการจำแนกทั้งรถยนต์และวัตถุที่มีการเคลื่อนที่เช่นคนเดินเท้า มอเตอร์ไซค์ และรถฉุกเฉิน แล้วเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยังรถยนต์ที่อยู่รอบๆ ทางแยกนั้นผ่านสัญญาณการสื่อสารระยะสั้นหรือ DSRC – Dedicate Short-range Communication โดยคอมพิวเตอร์ในรถแต่ละคันที่เชื่อมต่อกับการสื่อสารนี้จะถอดข้อมูลออกมา และหากจำเป็นก็จะมีทั้งสัญญาณและเสียงเตือนผู้ขับโดยที่มีการทำงานอัจฉริยะสนับสนุนผู้ขับเพื่อให้ตอบสนองต่อปัญหาได้อย่างเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการชนที่อาจเกิดขึ้น
ในการสาธิตนี้ Honda ได้ใช้รถที่มีการเชื่อมต่อ 200 คันเพื่อวิเคราะห์ในโครงการณ์ 33 Smart Mobility Corridor และ Smart Columbus
Ted Klaus รองประธานด้านการวิจัยยุทธศาสตร์ของ Honda R&D อเมริกาบอกว่า “Honda เชื่อว่าเทคโนโลยี V2X เป็นชิ้นส่วนสำคัญของระบบขนส่งที่ฉลาดขึ้นและปลอดภัยขึ้น รวมทั้งมีบทบาทในกาทำให้สร้างฝันของเราที่ต้องการสร้างสังคมที่มีการชนเป็นศูนย์เป็นจริง โดยการร่วมมือกับเมือง Marysville และรัฐโอไฮโอ เราเชื่อว่าการวิจัยนี้จะทำให้เข้าใจดีขึ้นว่าเทคโนโลยี V2X จะสามารถพัฒนาและใช้อย่างไรให้เกิดผลเพื่อประโยชน์ต่อผู้ใช้ถนนทุกคน”
Honda Motor ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ประกาศจับมือ Sony Corp บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำร่วมชาติ ก่อตั้งบริษัทใหม่เพื่อพัฒนา-ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Battery Electric Vehicle: BEV) โดยวางเป้าหมายที่จะเปิดตัวโมเดลแรกเพื่อขายจริงในปี 2025
แถลงการณ์ที่ทั้ง 2 บริษัทส่งออกมาสู่สื่อมวลชนระบุว่าบริษัทร่วมทุนใหม่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีนี้ โดย Honda จะรับผิดชอบในส่วนของกระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก ขณะที่ Sony จะดูแลด้านการพัฒนา Mobility Service Platform ซึ่งจะเป็นโครงสร้างตัวถังแห่งอนาคตที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อเทคโนโลยีจนไปถึงการติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเหมือนที่ Toyota นำเสนอผ่าน e-Palette รถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับที่เปิดตัวเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว