Honda Civic ซีดาน เจน 11 เผยโฉมเป็นทางการแล้ว

หลังจากมีการเผยแพร่ภาพภายนอกของรถทั้งในแบบรถต้นแบบและรถก่อนขึ้นสายการผลิตรวมไปถึงภาพภายในห้องโดยสารและปรัชญาการออกแบบมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ Honda Civic ซีดานรุ่นใหม่ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 11 ได้ถูกเผยโฉมพร้อมกับข้อมูลต่างๆ ออกมาอย่างเป็นทางการแล้วที่สหรัฐอเมริกา

ทาง Honda ให้ข้อสรุปเกี่ยวกับ Civic ซีดานใหม่ว่าเป็นการแสดงคุณค่าคลาสสิคคุณค่าของ Civic ในแบบที่ทันสมัยทั้งภายนอกและภายใน พร้อมการออกแบบที่เรียบง่ายและสะอาดภายในรถเพื่อแสดงถึงทิศทางของรถในอนาคต นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับยังมีการปรับปรุงเพื่อสมรรถนะการขับเคลื่อนและความประหยัดเชื้อเพลิง

ในส่วนของตัวรถ Civic ใหม่ถูกออกแบบในลักษณะบางและเบา หรือ Thin and Light พร้อมกับการมีฝากระโปรงรวมทั้งบริเวณด้านหน้าที่ต่ำ โดยส่วนสำคัญในการออกแบบภายนอกยังอยู่ที่การเลื่อนฐานเสาเอไปด้านหลังเกือบ 2 นิ้วเพื่อเพิ่มความยาวของฝากระโปรงหน้า รวมไปถึงมีเส้นด้านข้างรถใต้กระจกที่ต่ำเพื่อเน้นในส่วนของห้องโดยสารที่โปร่งโล่ง ขณะที่เส้นด้านล่างที่ยาวจากประตูหน้าไปถึงด้านหลังจะถูกออกแบบให้เอียงสูงขึ้นที่ด้านหลังเพื่อสร้างควารู้สึกของการเคลื่อนที่ นอกจากนี้ยังมีการออกแบบให้มีระยะของล้อหลังที่กว้างล้อหน้าเพื่อเน้นความแข็งแกร่งที่บริเวณซุ้มล้อหลัง

แน่นอนว่า Civic ซีดานใหม่มาพร้อมกับไฟหน้าและไฟหลัง LED โดยที่มีการเพิ่มการใช้ไฟ LED มากขึ้นทั้งไฟหน้า Wide-set, ไฟ Daytime Running Light, ไฟเลี้ยว รวมไปไฟตัดหมอก โดย Civic ใหม่มี 8 สีให้เลือกซึ่งเป็นสีใหม่ 3 สีคือ สีเทาเมทัลลิก Meteorite Gray, สีเทามุก Sonic Gray Pearl และสีฟ้าเมทัลลิก Morning Mist Blue ซึ่งเป็นใหม่เฉพาะสำหรับ Civic

Production

ภายใต้การออกแบบใหม่ของเจนเนอรเชั่นที่ 11 ได้มีการปรับปรุงในส่วนโครงสร้างของรถจนมีความแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Civic โดยทนต่อการบิดตัวเพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ และทนต่อการโค้งงอเพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเจนเนอรเชั่นก่อนหน้า นอกจากนี้ทาง Honda ยังระบุว่าโครงสร้างของรถถูกออกแบบเพื่อรองรับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการชนทั้งปัจจุบันและอนาคต แต่ก็มีการใช้วัสดุน้ำหนักเบาเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นอลูมิเนียมและเหล็กกล้าที่มีความแข็งแกร่งสูงเกรดต่างๆ โดยโครงสร้างใหม่ของรถยังช่วยลดเสียงจากถนนและเสียงรบกวนจากลมเพื่อให้ความสบายในการเดินทางมากขึ้น

ด้านขุมกำลังของ Civic ซีดานใหม่ที่เปิดตัวในสหรัฐอเมริกามี 2 ทางเลือกของเครื่องยนต์ 4 สูบ คือเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรไร้ระบบอัดอากาศ 158 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 187 นิวตัน-เมตรที่ 4,200 รอบ/นาที และเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ 180 แรงม้าที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตรที่ 1,700 รอบ/นาที กับน้ำมันออกเทน 87 ซึ่งมีกำลังเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 6 แรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้น 20 นิวตัน-เมตร

ทั้ง 2 เครื่องยนต์ใช้เกียร์ CVT ส่งกำลัง แต่สำหรับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรจะได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่เกียร์ CVT สำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบจะมีการปรับปรุงสมรรถนะของ Torque Converter รวมไปถึงปรับโปรแกรมการเปลี่ยนเกียร์ใหม่ โดยที่มีโหมดสปอร์ตมาให้เลือกใช้ทั้ง 2 เครื่องยนต์ ซึ่งให้ความรู้สึกในการขับที่สปอร์ตขึ้นและเปลี่ยนสีไฟของเรือนไมล์เป็นสีแดง พร้อมกับปรับระบบปรับอากาศเพื่อให้ใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

อีกส่งของรถที้ได้รับการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงสมรรถนะของรถคือแชสซีส์ โดยมีการเพิ่มระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น 1.4 นิ้วเพื่อให้การขับที่นุ่มนวลขึ้นพร้อมกับเสริมการควบคุมรถที่มีความสปอร์ตขึ้น โดยที่มีการปรับจูนช่วงล่างของรถเพื่อให้ประโยชน์สูงสุดจากตัวถังที่มีความทนทานมากขึ้น ในขณะที่ซับเฟรมอลูมินัมใหม่ที่มีน้ำหนักเบาลงให้ความทนทานและความสเถียรมากขึ้น

ภายในห้องโดยสารมีทั้งเกรดที่ใช้การแสดงข้อมูลผู้ขับแบบดิจิตอลในบางส่วนและเป็นดิจิตอลทั้งหมด ซึ่งแบบแรกจะเป็นจอขนาด 7 นิ้ว ส่วนแบบหลังเป็นจอขนาด 10.2 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีจอตรงกลางขนาด 7 นิ้วหรือ 9 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยมีการเชื่อต่อบลูทูธ และระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนสำหรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมมีการใช้ปุ่มและแป้นปรับต่างๆ ที่เป็นปุ่มจริงในการควบคุม โดยในเกรดสูงสุดของ Civic ที่สหรัฐอเมริกาจะมาพร้อมกับระบบเสียงของ Bose

ในส่วนของความปลอดภัย ภายในห้องโดยสารมีการใช้แอร์แบ็กสำหรับผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าใหม่ โดยฝั่งผู้ขับถูกออกแบบให้มีโครงสร้างรูปทรงโนัทเพื่อลดการบาดเจ็บที่สมอง ในขณะที่ฝั่งผู้โดยสารมีการออกแบบในลักษณะ Three-Chamber เพื่อให้มีผลลัพธ์เหมือนกัน สำหรับชุดระบบความปลอดภัย Honda Sensing มีการใช้ระบบกล้องใหม่ที่มีมุมรับภาพกว้างขึ้น และซอฟต์แวร์ที่มีความล้ำหน้าขึ้นพร้อมกับหน่วยประมวลผลที่ทรงพลังขึ้น ทำให้มีการระบุคนเดินภนน คนขี่จักรยาน และพาหนะอื่นๆ รวมไปถึงเส้นแบ่งเลน และป้ายสัญญาณบนถนนได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น