ที่เห็นอยู่นี้คือ การปรับโฉมของ Honda Civic ในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งแน่นอนว่าใครที่ไม่มีภาพของ Civic รุ่นนี้อยู่ในหัวเลยอาจจะนึกไม่ออกว่าปรับตรงไหนบ้าง ซึ่งความจริงแล้วนี่คือการไมเนอร์เชนจ์ตามอายุตลาดที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าแทนที่จะไปเน้นตรงหน้าตาของตัวรถ ทาง Honda กลับไปเน้นในเรื่องของความคุ้มค่ามากกว่า โดยเฉพาะเรื่องของอุปกรณ์มาตรฐาน

Civic รุ่นที่ขายอยู่ในตลาดปัจจุบันถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 10 และเริ่มขายในตลาดสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งผ่านมา 2 ปีแล้วต้องมีการปรับโฉมเพื่อกระตุ้นตลาด โดยตัวถังที่มีขายหลักๆ ของ Civic รุ่นนี้มีอยู่ 3 รุ่นคือ ซีดาน แฮทช์แบ็ค และคูเป้ ซึ่งอ้างอิงสไตล์และรูปลักษณ์เหมือนกันหมด จะต่างกันที่แต่ละภูมิภาคมีตัวถังขายไม่ครบ เช่น ในอเมริกาเหนือจะมีแค่ซีดานกับคูเป้ ส่วนบ้านเราและยุโรปจะมีเฉพาะซีดานกับแฮทช์แบ็ค

ในแง่ของหน้าตานั้นต้องบอกว่าหลายคนอาจจะผิดหวังเพราะการปรับมีน้อยถึงน้อยมากตรงที่รายละเอียดของช่องดักอากาศด้านหน้าบนกันชนหน้า และการปรับสีของกระจังหน้าจากแบบโครเมียมมาเป็นแบบสีดำ ด้านหลังก็ยังเหมือนเดิม และรุ่นท็อปจะมากับล้อแม็กลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ส่วนรุ่นคูเป้จะมีสีใหม่เป็นสีเหลือง Tonic Yellow Pearl ซึ่งเรื่องหลังยังไงก็ไม่เกี่ยวกับบ้านเราอยู่แล้ว

สิ่งที่น่าสนใจคือ เรื่องการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานมาแบบจัดเต็ม อะไรที่เคยเป็นออพชั่นหรือมีเฉพาะในรุ่นท็อปก็ย้ายมาลงมารุ่นมาตรฐานแบบครบๆ เลย ทั้งหน้าจอแบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมรองรับกับระบบปฏิบัติการอย่าง Android Auto หรือ Apple CarPlay เบาะนั่งแบบปรับระดับได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบอุ่นเบาะ เครื่องปรับอากาศแบบ Dual Zone พร้อมกับปรับรูปทรงของปุ่มกดปรับความแรงของพัดลม และที่น่าสนใจคือ ระบบ Honda Sensing ที่ในตอนนี้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นแล้ว เช่นเดียวกับระบบควบคุมการทรงตัว VSA ถุงลมนิรภัยทั้งคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัน ระบบกระจายแรงเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ และระบบเสริมแรงเบรก

เครื่องยนต์ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่ความแปลกใหม่หรือการเพิ่มแรงม้า-แรงบิดในรุ่นที่มีขาย ซึ่งในตลาดสหรัฐอเมริกาก็ยังขายด้วยทางเลือกเดิมคือ เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี 158 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 19.1 กก.-ม.มีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะหรืออัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องหรือ CVT ขณะที่อีกทางเลือกจะเป็นรุ่น 4 สูบ 1,500 ซีซี เทอร์โบ ที่มีกำลัง 174 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ส่วนบ้านเราก็ยังเป็นรุ่น 1,800 ซีซี และ 1,500 ซีซี เทอร์โบ

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดเป็นเรื่องของ Civic ที่ขายอยู่ในสหรัฐอเมริกา แต่ก็เชื่อว่าบ้านเราก็น่าจะมีหน้าตาตามนี้ไม่แตกต่างอะไรมากนัก ส่วนเรื่องของการย้ายออพชั่นมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานอันนี้ต้องดูกันต่อไปว่า จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งการเปิดตัวในบ้านเราคาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงปลายปีนี้

เรื่อง : กองบรรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th