HONDA CR-V 2.4 ES 4WD หนทางของผู้นำ...ผู้บุกเบิกตลาด SUV ในไทย

หลังจากที่ซีอาร์-วี โฉมใหม่ล่าสุด นับได้ว่าเป็นเจเนอเรชันที่ 5 ของซีอาร์-วี ที่ออกจำหน่ายมาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วนั้น ก็ถึงเวลาที่จะเติมความโฉบเฉี่ยวกับการเพิ่มออปชันใหม่ๆ เข้ามาในซีอาร์-วี นับเป็นการปรับจุดยืนใหม่ของตัวรถ กับการปรับลดรุ่นที่มีจำหน่ายอยู่แต่เดิม ทำให้ในรุ่นปัจจุบันนั้น ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มีจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่น โดยแบ่งเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 รุ่น กับอีกหนึ่งรุ่นของฝั่งเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งคราวนี้จะมีเพียงรุ่นเบาะแบบ 7 ที่นั่งเท่านั้น ภายใต้รหัส DT-EL 4WD กับราคาค่าตัว 1,759,000 บาท ทำให้ในรุ่นเบนซินนั้นจะมีทางเลือกที่มากกว่าถึง 4 รุ่น โดยในรุ่นเริ่มต้นแบบเบาะ 5 ที่นั่ง 2.4S นั้น จะมีราคาจำหน่ายเพียงแค่ 1,369,000 บาท ซึ่งรถที่เรานำมาทดสอบในครั้งนี้จะเป็นรุ่นท็อปสุดของเบาะแบบ 5 ที่นั่ง ภายใต้รหัส 2.4 ES 4WD ที่จำหน่ายอยู่ในราคา 1,529,000 บาท ซึ่งจะถูกกว่ารุ่นเบาะ 7 ที่นั่ง 2.4 EL 4WD อยู่ 50,000 บาท (1,579,000 บาท) ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้เห็นว่าภายใต้การหดตัวของตลาดรถยนต์ในช่วงนี้ ฮอนด้ามีการปรับกลยุทธ์ในการแข่งขันของซีอาร์-วี ใหม่ โดยมุ่งเน้นลงไปที่กลุ่มของรุ่นเครื่องยนต์เบนซินอย่างเด่นชัด โดยปล่อยให้รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่นับได้ว่าเป็นครั้งแรกของการยอมทำตลาดรถ SUV เครื่องยนต์ดีเซลในบ้านเรา ถูกลดความสำคัญลงเหลือเพียงทางเลือกเดียว

ฮอนด้า ซีอาร์-วี 2.4 ใหม่ คันนี้ได้รับการเพิ่มเติมความโฉบเฉี่ยวให้มากขึ้น ตั้งแต่ด้านหน้าที่มีการปรับแนวเส้นสายของตัวกันชนหน้าใหม่ ให้ดูสปอร์ตและบึกบึนขึ้น ไฟสปอตไลต์แบบ LED ช่วยเพิ่มความสว่างในยามค่ำคืนได้มากขึ้น ไฟหน้าดีไซน์เดิมแบบ LED เรียงตามแนวนอนที่คุ้นตา ถูกจับมาเพิ่มลูกเล่นด้วยชุดไฟเลี้ยวแบบ SEQUENTIAL TURN SIGNALS ที่จะขยับวิ่งตามจังหวะไฟเลี้ยว ทางด้านบนเพิ่มเติมความโปร่งโล่งสบายให้กับภายในห้องโดยสารด้วยชุดหลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มความรู้สึกกว้างขวาง สะดวกสบายให้กับภายในห้องโดยสารมากขึ้น มาพร้อมด้วยม่านบังแสงที่จัดได้ว่าทึบดี สามารถลดแสงจากภายนอกในยามกลางวันที่แสงแดดร้อนแรงที่เราไม่ต้องการ ให้ความสบายในการใช้งานที่ดีไปพร้อมๆ กัน ส่วนทางด้านท้าย ไฮไลต์ใหม่ที่ต้องชมกันเลย จากการทดสอบใช้งานมาหลายวัน กับระบบเปิด-ปิด ฝาท้ายแบบไฟฟ้า ที่มาพร้อมกับออปชันการสั่งงานด้วยเท้า Hand-Free Power Tailgate เพิ่มความสะดวกในการใช้งานจากความแม่นยำในการเรียกใช้ ที่เรียกได้ว่า 100% เต็ม จากการทดสอบที่ใช้เท้าแตะเข้าไปที่ใต้กันชน แล้วระบบก็จะสั่งเปิดและปิดได้อย่างแม่นยำ

ในฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ นั้น มีจุดเด่นด้วยระบบเสริมเพิ่มเติมความปลอดภัยใหม่ Honda Sensing ที่รวบรวมเอาหลากหลายตัวช่วยด้านความปลอดภัยเข้าไว้ เช่น ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนน CMBS, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC with LSF และอีกหลายๆ ระบบที่ถูกนำมาใช้ในซีอาร์-วี ใหม่ น่าเสียดายไปนิด ตรงที่ระบบเหล่านี้ที่ว่ามานั้น จะไม่มีอยู่ในเวอร์ชันเครื่องยนต์เบนซินเลยสักรุ่นเดียว โดยระบบทั้งหมดนั้นจะถูกบรรจุไว้ในเวอร์ชันท็อปในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล DT-EL 4WD เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น งานนี้สำหรับคนที่งบประมาณน้อย หรือไม่ชอบเวอร์ชันเครื่องยนต์ดีเซล คงต้องรอกันต่อไปว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ฮอนด้าจะเพิ่มเติมรุ่นที่ใส่ออปชันนี้มาในรุ่นอื่นๆ หรือไม่

ส่วนเรื่องของสมรรถนะนั้น จากเครื่องยนต์เบนซินที่มีกำลังสูงสุด 173 แรงม้า และแรงบิด 224 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ตัวเดิม คงต้องบอกเลยว่ายังคงให้สมรรถนะการตอบสนองในการใช้งานที่เหมือนเดิม มีความโดดเด่นในเรื่องของความนุ่มนวลและต่อเนื่องของระบบเกียร์ กำลังมีให้ใช้ได้อย่างเพียงพอ สำหรับทั้งการขับขี่ในเมืองนอกเมือง

แต่ถ้าจะมองหาฟีลลิ่งสปอร์ตสำหรับซีอาร์-วี เครื่องยนต์เบนซินคันนี้ คงต้องบอกว่ามันไม่ใช่ทางของเขา ซึ่งแตกต่างจากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 1.6 ลิตร ที่ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีดในรุ่นท็อป ที่ขานั้นต้องใช้คำว่าทันอกทันใจ กดไปเป็นมาอย่างโดดเด่น ส่วนประสิทธิภาพในการทำงานของระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้งสี่ล้อของซีอาร์-วี นั้น นับได้ว่าเป็นจุดเด่นที่ทำคะแนนกลับคืนมาได้มาก จากความนุ่มหนึบและความมั่นใจในการเดินทางได้เป็นอย่างดี นับเป็นจุดเด่นที่ยืนหยัดคู่กับซีอาร์-วี มาอย่างยาวนาน แต่ภายใต้ยุคที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในหลายๆ ด้านอย่างนี้ ประกอบกับเหล่าคู่แข่งในเซ็กเมนต์เอสยูวี ซี-เซ็กเมนต์ ที่มีมากขึ้น การแข่งขันในด้านของออปชันไปจนถึงราคาที่ดุเดือด ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่มากขึ้น ซีอาร์-วี จะยังสามารถครองใจผู้บริโภคในบ้านเราได้มากต่อไปหรือไม่ หนทางนี้ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป