Honda e:Ny1 เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ลงตัวกับทุกการใช้งาน พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่
Honda e:Ny1 เอสยูวี พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นที่สองที่จำหน่ายในยุโรป มาพร้อมดีไซน์การออกแบบใหม่ที่ผสมผสานกับการตกแต่งภายในพรีเมียมเหนือระดับ ครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อการเป็นยนตรกรรมสำหรับครอบครัวยุคใหม่ ตัวรถได้รับการพัฒนาจากแนวคิดที่ต้องการมอบคุณค่าใหม่ ความรู้สึกใหม่ และประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันและในอนาคต
ได้รับการพัฒนาจากแนวคิดที่มีผู้คนเป็นศูนย์กลาง (human-centered development) เป้าหมายหลักของทีมพัฒนา e:Ny1 มุ่งเน้นการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกอันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า เพื่อให้ทุกการเดินทางราบรื่นและนุ่มนวล พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายและใช้งานง่าย ทีมวิศวกรผู้พัฒนาจึงท้าทายตัวเองในการดึงสมรรถนะการขับขี่และจุดเด่นของขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบออกมาให้ได้มากที่สุด
มาพร้อมแพลตฟอร์ม e:N Architecture F ของฮอนด้าที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นแพลตฟอร์มที่รองรับการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์หน้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อใช้ในรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่ม B-segment ของฮอนด้าทั่วโลก ร่วมกับเทคโนโลยีการจัดการพลังงานแบตเตอรี่ล่าสุดของฮอนด้า ที่ส่งผลให้รถสามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 412 กม. (256 ไมล์) ตามมาตรฐานการวัดระยะทางของ WLTP และสามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็วจาก 10-80% โดยใช้เวลาชาร์จเพียง 45 นาที และด้วยโครงสร้างที่มีความกะทัดรัด จึงสามารถจัดวางชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้อยู่ที่เพลาหน้าได้ ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับฮอนด้า เอชอาร์-วี ด้วยความสูง 1,584 มม. กว้าง 1,790 มม. ยาว 4,387 มม. ระยะฐานล้อ 2,607 มม. พร้อมด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วเป็นมาตรฐานของทุกรุ่นย่อย ให้ความมั่นใจที่เหนือระดับ
เพื่อสร้างให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่น e:Ny1 จึงได้รับการออกแบบให้ดูดี มีระดับ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยดีไซน์ที่ปราดเปรียว พร้อมไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยวเข้ากันกับกระจังหน้าดีไซน์ดุดันที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดโดยสามารถหมุนได้เมื่อต้องการเปิดช่องชาร์จไฟที่อยู่ด้านหลัง ดีไซน์ไฟท้ายมาพร้อมเส้นสายที่เชื่อมกับแถบไฟ LED เต็มความยาวฝาประตูท้าย พร้อมตัวเลือกสีภายนอกที่โดดเด่นสะดุดตา อย่างสีใหม่ Aqua Topaz และเพื่อเป็นการสร้างความโดดเด่นให้กับไลน์อัปยนตรกรรมไฟฟ้าของฮอนด้า จึงได้มีการเปิดตัวโลโก้ H Mark สีขาว ที่จะเป็นสัญลักษณ์ของยนตรกรรมไฟฟ้าของฮอนด้าต่อไป ที่มาพร้อมกับคำว่า Honda ภายใต้ฟอนต์ใหม่ที่ด้านหลังของตัวรถ
มาพร้อมสีภายนอกให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีใหม่ สี Aqua Topaz พร้อมด้วยสีขาวแพลทินัม สีดำคริสตัล สีเทา Urban Grey และสีแดง Vermilion Red
ดีไซน์ภายใน พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ ทั้งในด้านคุณภาพ พื้นที่ใช้สอย และความสะดวกสบาย
ภายในห้องโดยสารของฮอนด้า e:Ny1 มุ่งเน้นในเรื่องของความสะดวกสบายและการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เพื่อทำให้ห้องโดยสารมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายจากการจัดวางแสงที่นุ่มนวล พร้อมปรับผังที่นั่งใหม่ให้รองรับสรีระและการบุนุ่มเพื่อรองรับส่วนที่สัมผัสบ่อย พร้อมกันนี้ ยังจัดวางแผงหน้าปัดให้อยู่ในระดับต่ำลง ไม่บังสายตา ให้ความเพลิดเพลินกับทัศนียภาพริมหน้าต่างได้อย่างชัดเจน ให้ทัศนวิสัยกว้างสุดสายตา
เพื่อเป็นการยกระดับประสบการณ์ภายในรถยนต์สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทัศนวิสัยในการขับขี่และการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยได้ทำการออกแบบคอนโซลกลางใหม่ การจัดวางปุ่มเกียร์ที่เรียบง่าย เข้ากับสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า ทั้งหมดอยู่ในตำแหน่งที่คนขับจะเอื้อมถึงได้ง่าย รวมทั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สายด้วย หน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง ช่วยให้เข้าถึงเมนู Infotainment ต่าง ๆ ได้ง่ายผ่านการแบ่งโซนใหม่ที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่นนี้ พร้อมด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว การออกแบบหน้าจอยังสะท้อนเอกลักษณ์การออกแบบภายในที่เรียบง่าย สะอาดตาและเป็นระเบียบ
เบาะนั่งด้านหน้าได้รับการพัฒนาโดยมุ่งเน้นความสะดวกสบายและหรูหรา ด้วยแผ่นรองยูรีเทนแบบหนา ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่พร้อมโอบรับสรีระในช่วงเร่งความเร็วหรือเข้าโค้ง โดยวัสดุหุ้มเบาะมีให้เลือกแบบหนังสังเคราะห์สีดําหรือสีเทาอ่อนขึ้นอยู่กับสีภายนอก โดยออกแบบให้ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวในรุ่น Advance เบาะที่นั่งโดดเด่นด้วยการตกแต่งด้วยการเดินด้ายอันเป็นเอกลักษณ์ และในรุ่น Elegance จะมีเบาะที่นั่งเฉพาะสีดําเท่านั้น เพื่อให้เข้ากับหลังคาสีเทาอ่อนในรุ่นนี้ เบาะที่นั่งด้านหลัง กว้างขวางและสะดวกสบาย โดยจะมาพร้อมการออกแบบเบาะที่นั่งใหม่ให้รองรับจุดสัมผัส พร้อมกับแนว hip point ที่ต่ำลง
มาพร้อม ระบบ Air Diffusion System ที่เปิดตัวครั้งแรกใน ฮอนด้า เอชอาร์-วี โดยช่องปรับอากาศได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ มอบทิศทางลมที่หมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ กระจายลมได้อย่างเหมาะสม ป้องกันรังสีความร้อนและเย็นจากหน้าต่างด้านข้าง ขณะเดียวกันก็นำความสดชื่นของลมธรรมชาติกลับเข้ามา เพราะระบบจะกระจายอากาศที่ผ่านเข้ามาทางหน้าต่างด้านข้างและหลังคารถ ให้หมุนวนเบา ๆ กันไม่ให้มีลมเป่ามายังผู้โดยสารโดยตรง โดยจะใช้งานร่วมกับช่องระบายอากาศมาตรฐานหรือไม่ก็ได้
ในรุ่น Advance หลังคาพาโนรามาเปิดรับแสงเต็มที่ ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งและกว้างขวางยิ่งขึ้น คล้ายกับการขับรถเปิดประทุน โดยมีม่านบังแดดด้านหน้าและม่านบังแดดด้านหลังสองชิ้น ที่สามารถถอดแยกชิ้นตามปริมาณแสงได้ตามต้องการโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า โดยจะช่วยเพิ่มพื้นที่ระหว่างกระจกด้านบนกับพื้นที่เหนือศีรษะของผู้โดยสารด้านหลังได้ด้วย
หลังคาพาโนรามามีการเคลือบสาร Low-E ซึ่งเป็นเป็นสารเคลือบความละเอียดระดับกล้องจุลทรรศน์ เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพการระบายความร้อน รวมทั้งลดความเข้มของแสงอินฟาเรดและแสงอัลตราไวโอเลตที่ผ่านเข้ามายังห้องโดยสารได้ ทำให้สภาพแวดล้อมภายในห้องโดยสารสะดวกสบาย
การจัดวางแพ็กเกจตัวรถและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งาน
การจัดวางแพ็กเกจตัวรถ Honda e:Ny1 เอสยูวี ไฟฟ้าคันนี้มาพร้อมมอบประสิทธิภาพสูงสุดในการเข้าถึงฟังก์ชันความอเนกประสงค์ต่าง ๆ และพื้นที่เก็บสัมภาระได้อย่างคล่องตัว ขณะเดียวกันก็ยังช่วยเพิ่มพื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะให้มากขึ้น จากตำแหน่งการจัดวางแบตเตอรี่ที่ย้ายมาอยู่ใต้ตัวถังรถ
ฮอนด้า e:Ny1 ยังมอบความอเนกประสงค์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้หลากหลาย ฝากระโปรงท้ายต่ำและพื้นราบด้านหลังช่วยให้สามารถขนสัมภาระเข้าออกได้ง่าย โดยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายสามารถจุสัมภาระได้สูงสุด 361 ลิตร และหากพับเบาะลงจะเพิ่มขึ้นเป็น 801 ลิตร เมื่อบรรทุกถึงแนวหน้าต่างด้านหลัง และได้สูงสุดที่ 1,176 ลิตร เมื่อนำสัมภาระใส่จนเต็มพื้นที่ด้านหลังจนชนเพดานห้องโดยสาร
HMI ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ และเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ เพื่อการเชื่อมต่อระหว่างเจ้าของรถ รถยนต์ และโลกภายนอก
ฮอนด้า e:Ny1 ยังเป็นยนตรกรรมฮอนด้าที่ได้แนะนำเทคโนโลยี HMI เป็นครั้งแรก ด้วยการเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง พร้อม interface ที่ใช้งานง่ายมากขึ้น ไฮไลต์ที่สำคัญ ได้แก่ หน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง และมาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้วที่รวมฟังก์ชันการใช้งานการแสดงข้อมูล Infotainment และข้อมูลการขับขี่ ที่พร้อมเชื่อมต่อผู้ขับขี่กับรถยนต์และโลกภายนอกได้อย่างไร้รอยต่อ
หน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง ใช้งานได้ง่ายด้วยการจัดวางเมนูที่แบ่งเป็นสัดส่วน 3 โซนบนหน้าจอ สามารถเลือกใช้ได้สะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียสมาธิในการขับขี่ ด้านบนเป็นโซน ‘Connect’ ที่จะรวมระบบนําทาง นาฬิกา และจอแสดงผลของกล้องไว้ โดยจัดลําดับความสําคัญให้อยู่ด้านบนเพื่อให้สามารถมองเห็นได้เด่นชัดในระดับสายตาของผู้ขับขี่ โซนกลางเป็น ‘Driver Assist’ หรือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ โดยจะแสดงสถานะการทำงานของรถยนต์ การตั้งค่าระบบเสียงและการสื่อสารต่าง ๆ รวมถึงแอปพลิเคชันและการตั้งค่าระบบรถยนต์ พร้อมด้วยเมนูแสดงการทำงานของระบบ EV และการควบคุมการใช้โทรศัพท์
โซนด้านล่างเป็นการควบคุมระบบปรับอากาศที่แสดงข้อมูลการปรับอากาศและระบบ Air Diffusion System กระจายความเย็นหมุนวน โดยแสดงให้เห็นบนจอตลอดเวลา สำหรับฟังก์ชันที่ใช้งานเป็นประจำจะแสดงให้เห็นเด่นชัดที่สุด เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน และสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ได้
นอกจากนี้ ระบบยังรองรับแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมถึง Apple Car Play ไร้สาย และ Android Auto พร้อมด้วยฟังก์ชัน Wi-Fi ในรถยนต์ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อได้ทุกที่ การอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-air ที่สามารถอัปเดตฟังก์ชันและแอปต่าง ๆ ได้จากระยะไกล เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถจะได้รับการอัปเดตการทำงานของระบบให้ทันสมัยอยู่เสมอโดยไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ*
รองรับการชาร์จได้หลายรูปแบบ
e:Ny1 มาพร้อมระบบ Honda Connect ช่วยควบคุมการชาร์จไฟที่บ้านหรือที่สถานีชาร์จ ซึ่งสามารถทำได้จากภายในรถหรือจากระยะไกลผ่านแอป My Honda+ บนสมาร์ตโฟน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งงานผ่านแอป การล็อกรถ ปลดล็อกและสตาร์ตรถผ่านทางแอปได้ทันที อีกทั้งยังสามารถสั่งเปิดระบบปรับอากาศไว้ล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง หรือตั้งเวลาไว้ล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง แอปนี้ยังช่วยให้ผู้ใช้ติดตามการเดินทาง ดูพิกัดตําแหน่งรถ และแชร์จุดหมายปลายทางให้เพื่อนและครอบครัวทราบ รวมทั้งแสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ ให้เห็นด้วย เช่น สถานะไฟที่เหลือ สถานะการชาร์จ และตัวจับเวลาการชาร์จ
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถติดตามสถานะหรือปรับตั้งค่าการชาร์จแบตเตอรี่ของฮอนด้า e:Ny1 ได้หากต้องการหรือเมื่อจําเป็น โดยสามารถปรับตั้งค่าให้เข้ากับสภาพการชาร์จต่าง ๆ เพื่อเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่กำลังชาร์จ ระบบ Honda Connect จึงมีระบบการตั้งค่ากำลังไฟชาร์จสูงสุดเอาไว้ให้สอดคล้องกับโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จที่ ‘บ้าน’ หรือการชาร์จไฟเมื่อตนเอง ‘ไม่อยู่’ ใกล้รถ
โดยมี 3 ระดับให้เลือก ตั้งแต่ ‘LOW’ ซึ่งจํากัดกำลังไฟฟ้าไว้ที่ 6 แอมป์ ไปจนถึง ‘HIGH’ ที่รองรับกระแสไฟสูงสุดจากเครื่องชาร์จได้เท่ากับกำลังสูงสุดที่แบตเตอรี่จะรับได้ ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกกำลังไฟฟ้ากระแสสูงสุดสำหรับการชาร์จ AC เพื่อป้องกันไม่ให้เบรกเกอร์สะดุดในตำแหน่งที่ไม่ได้ใช้เบรกเกอร์จ่ายไฟเฉพาะสำหรับเครื่องชาร์จ AC
ขุมพลังและแชสซี ที่ได้รับออกแบบให้มีสมรรถนะการทรงตัวที่คล่องแคล่ว ความสะดวกสบายและความเงียบที่เหนือระดับ
แชสซีและระบบส่งกําลังของฮอนด้า e:Ny1 ได้รับการออกแบบเชิงวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อมอบประสบการณ์การ ขับขี่ที่สนุกสนานและมั่นใจ โดยผสมผสานกับจิตวิญญาณด้านสมรรถนะการขับขี่ของฮอนด้า และสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเข้าด้วยกัน และครั้งนี้ถือเป็นการนำแพลตฟอร์ม e:N Architecture F ของฮอนด้าที่มีประสิทธิภาพสูงมาใช้ในยุโรปเป็นครั้งแรก
แพลตฟอร์ม e:N เป็นส่วนหนึ่งของทิศทางการดำเนินงานระดับโลกเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้า โดยมีลักษณะเป็นแบบโมดูลาร์หรือแยกส่วนได้ ประกอบกับตัวถังหลักมีความแข็งแกร่ง ให้ความมั่นคง รองรับการขับขี่ที่โฉบเฉี่ยว อักษร ‘F’ บ่งบอกถึงสถาปัตยกรรมของรุ่น e:Ny1 ที่รถขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยมอเตอร์หน้า (front-motor, front-wheel drive) ซึ่งจะเป็นระบบหลักของรถยนต์ไฟฟ้าฮอนด้าขนาดเล็กถึงขนาดกลางในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีส่วนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ในแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้า ที่รองรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเช่นกัน โดยพัฒนาจากพื้นฐานหลักการเดียวกันโดยใช้กำลังขับเคลื่อนหลักจากแบตเตอรี่ความหนาแน่นสูง ประสิทธิภาพสูง มาพร้อมกับมอเตอร์ขับเคลื่อนกําลังสูงแบบคอมแพคท์ หรือมอเตอร์สำหรับการขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD)
การนำแพลตฟอร์ม F มาใช้กับรถรุ่นนี้ จะมีแพ็กเกจมอเตอร์แบบ 3-in-1 ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างชาญฉลาด เป็นทั้งระบบขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบส่งกำลัง ที่มีน้ำหนักรวมกันเพียง 77.4 กก. (รวมน้ำมัน) โดยติดตั้งอยู่บนเพลาหน้า มอเตอร์สมรรถนะสูง 150 กิโลวัตต์นี้ ให้ประสิทธิภาพการส่งพลังได้ถึง 92% ให้แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร (2,788 นิวตันเมตรที่ล้อ) โดยสามารถออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.6 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 160 กม./ชม. นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบระบายความร้อนอันล้ำสมัย ด้วยวงจรการระบายความร้อนด้วยน้ำ โดยจะนำส่งพลังงานอย่างสม่ำเสมอและไม่ร้อนเกินไป
ระบบขับขี่ที่ทรงพลัง เสริมด้วยโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งและน้ำหนักเบา ที่เกิดจากการผสมผสานเหล็กกล้าที่ทนทานกับวัสดุอื่น ๆ ของตัวถังอีก 47% (โดยน้ำหนัก) ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการผลิต ทำให้ได้ตัวถังของรถยนต์ที่มีความแข็งแกร่ง ทนต่อแรงบิดสูง ในขณะเดียวกันก็มีมวลน้อย ทำให้ e:Ny1 มีน้ำหนักที่เบากว่าแบรนด์คู่แข่งในยุโรปบางรุ่นมากถึง 100 กก.
และเมื่อเทียบกับ เอชอาร์-วี แล้ว ฮอนด้า e:Ny1 ได้มีการเสริมโครงสร้างที่ทนแรงบิดสูงจากพื้นถึงหลังคา รวมถึงซุ้มล้อด้านหน้า ทำให้ฐานของตัวรถมั่นคงยิ่งขึ้น สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการความปราดเปรียว
ประสิทธิภาพแบตเตอรี่ดีเยี่ยม ชาร์จได้หลายแบบและสม่ำเสมอต่อเนื่อง
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 68.8 kWh ขนาดคอมแพคท์ ที่ติดตั้งใต้พื้นตัวรถ ทำให้ฮอนด้า e:Ny1 วิ่งได้ไกลสูงสุด 412 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP) และชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ 10% ไปถึง 80% โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที เมื่อใช้ที่ชาร์จแบบ DC ต่อเข้ากับหัวชาร์จ CCS ซึ่งสามารถรชาร์จไฟเพื่อวิ่งต่อได้อีก 100 กม. ภายในเวลา 11 นาทีเท่านั้น สำหรับที่ชาร์จไฟบ้านแบบ AC จะสามารถชาร์จไฟ 10-80% ของความจุได้ภายในเวลา 6 ชั่วโมง
ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความหนาแน่นของพลังงานสูง ความจุ 195Ah ที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถังตรงกลางของฮอนด้า e:Ny1 จึงทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและมวลน้ำหนักมารวมกันที่จุดเดียว ทำให้มีการยึดเกาะถนนดีขึ้น รวมทั้งสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์โดยรวมดีขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ชิ้นส่วนภายนอกเพิ่มเติม
ยนตรกรรมไฟฟ้าของฮอนด้ามีความโดดเด่นในเรื่องอัตราการชาร์จไฟที่สม่ำเสมอมากกว่าในปริมาณความจุของแบตเตอรี่ที่ใกล้เคียงกับแบรนด์ผู้นำในระดับเดียวกัน เพราะบางแบรนด์แม้จะให้อัตราการชาร์จสูงสุดมากกว่า แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ยากเพราะอัตราการชาร์จไฟในช่วงต่าง ๆ นั้น ผันผวนไปตามวัฏจักรและสภาพการใช้งานแบตเตอรี่
ฮอนด้า e:Ny1 มีระบบชาร์จที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะ จึงให้อัตราการชาร์จคงที่ที่เหนือกว่าแบรนด์อื่นในระดับเดียวกัน โดยผู้ผลิตบางรายอาจจะให้ความสําคัญกับตัวเลขการชาร์จได้เร็ว แต่ฮอนด้า e:Ny1 เน้นในเรื่องของความสม่ำเสมอของการชาร์จที่มีอัตราการชาร์จต่อเนื่องเป็นเส้นตรง ยาวนานเกินกว่าครึ่งหนึ่งของระยะการชาร์จ โดยมีการพักเล็กน้อยในช่วงก่อนจะเต็มความจุ
ซึ่งส่งผลดีแก่ลูกค้า เพราะจะช่วยป้องกันแบตเตอรี่ไม่ให้เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร และยังช่วยรักษาอายุการใช้งานให้สามารถอยู่ได้ตลอดอายุการใช้งานของรถ กําลังการชาร์จและวิธีชาร์จถือเป็นสององค์ประกอบพื้นฐานที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างมาก ดังนั้น แนวทางของฮอนด้าจึงเป็นการสร้างสมดุลระหว่างการใช้งานจริงของผู้ใช้และความทนทานของแบตเตอรี่ ด้วยระบบการจัดการพลังงานและระบบควบคุมความร้อนที่ทันสมัย
ประสิทธิภาพการควบคุมการขับขี่ จากจิตวิญญาณการขับขี่ของฮอนด้า
ทีมพัฒนาฮอนด้า e:Ny1 มุ่งสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเยี่ยมและราบรื่นตลอดการเดินทาง เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดของผู้โดยสารและห้องโดยสารที่เงียบสงบ ขณะเดียวกันก็มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานและคล่องตัว โดยมีเป้าหมาย คือ การสร้างสรรค์รถยนต์ไฟฟ้า SUV เต็มรูปแบบที่เหมาะกับการใช้งานในยุโรปที่สุด รองรับได้ทุกสภาพถนน ควบคุมรถได้ดั่งใจ ยึดเกาะถนนดีเยี่ยม สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าที่เปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าจากผู้ที่ใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาป
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (dynamic stability control) ของฮอนด้า ช่วยให้รู้สึกถึงการบังคับพวงมาลัยได้อย่างราบรื่น พร้อมตอบสนองให้ผู้ขับขี่รับรู้ถึงแรงหมุนของล้อ (traction) เพื่อส่งแรงขับเคลื่อนให้เหมาะสม พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาและหมุนปรับได้ไวที่ความเร็วต่ำ เมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้นจะรู้สึกมั่นคงขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาพิเศษเฉพาะสำหรับฮอนด้า e:Ny1 (เวอร์ชันยุโรป)
Honda e:Ny1 ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวล สะดวกสบาย ไม่มีแรงกระชากในช่วงเร่งหรือชะลอความเร็ว เพื่อลดหรือป้องกันอาการเมารถ โดยยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของอัตราเร่งและการตอบสนองฉับไวในสไตล์ของรถยนต์ไฟฟ้า
บรรยากาศในห้องโดยสาร มอบความสะดวกสบายและผ่อนคลายตลอดการเดินทาง โดยให้ความสำคัญกับการลดเสียงรบกวนไม่ให้เข้ามาในห้องโดยสาร เทียบเท่ากับรถในคลาสที่เหนือกว่า นอกจากนี้ เสียงถนนในช่วงความถี่ต่ำถึงปานกลางก็ลดลงอย่างมาก เนื่องจากมีการใช้วัสดุซับเสียงที่ซุ้มล้อของฮอนด้า พร้อมเพิ่มอุปกรณ์กันสั่นสะเทือน (dynamic damper) บน H-beam และซับเฟรมน้ำหนักเบา เสริมด้วยฉนวนกันความร้อนในห้องโดยสารที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนความถี่สูงและการสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ โหมด Sport, Normal และ Econ ช่วยให้ผู้ขับขี่เลือกรูปแบบการขับขี่ที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง โดยโหมด Econ จะช่วยลดการตอบสนองของคันเร่ง ให้ความสําคัญกับการประหยัดพลังงาน มีการปรับการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ความอุ่นของเบาะนั่ง และพวงมาลัย เพื่อรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อการขับขี่ที่ประหยัดมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม โหมด Sport จะมอบประสบการณ์ที่ตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้น ด้วยการตอบสนองที่ไวต่อการเร่งความเร็ว ขณะที่โหมด Normal จะให้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหมาะสมและมอบความสะดวกสบายในห้องโดยสาร
เทคโนโลยีความปลอดภัยแบบ passive และ active เพื่อปกป้องความเสียหายจากอุบัติเหตุ และช่วยเหลือผู้ขับขี่
มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยีกล้องและโซนาร์ล่าสุด ระบบกล้องหน้ามุมกว้าง ที่มาพร้อมมุมรับภาพแนวนอนถึง 100 องศา ผสานกับพลังของชิปประมวลผลภาพความเร็วสูง ที่ให้ความแม่นยําในการจับวัตถุเมื่อใช้ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) พร้อมด้วยเทคโนโลยีเชิงป้องกันอื่น ๆ และมาพร้อมกล้องรอบคัน 360 องศา สําหรับรุ่น Advance
ระบบที่เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพของกล้องคือ เซนเซอร์โซนาร์ 12 จุดรอบคันรถ แบ่งเป็น 4 จุดที่บริเวณกันชนหน้าและหลัง และด้านข้าง ข้างละ 2 จุด ที่สามารถตรวจจับวัตถุ เช่น อาคาร และพาหนะอื่น ๆ ด้วยความแม่นยําสูง ระบบกล้องและโซนาร์จะทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับความปลอดภัยโดยรวม ทำให้ Honda e:Ny1 เอสยูวี ไฟฟ้าคันนี้สามารถระบุสัญลักษณ์บนพื้นถนนและริมถนนที่ไม่มีเส้นได้ ซึ่งรวมถึงรถจักรยานยนต์ นักปั่นจักรยาน และยานพาหนะอื่น ๆ
การผสมผสานระหว่างวัสดุที่มีทั้งความยืดหยุ่นและแข็งแกร่งในเชิงโครงสร้าง ซึ่งรวมถึงเหล็กที่มีความทนทานสูง ทำให้ตัวถังรถรุ่นนี้ มีความพิเศษในการป้องกันการชนจากทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง โดยสามารถกระจายแรงออกไปจากห้องโดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การคิดค้นเพื่อป้องกันความปลอดภัยจากการชนนี้ ยังเป็นการเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง ที่จะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
คุณสมบัติเด่นของ Honda SENSING
เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING คือ เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากที่สุด โดยเป็นการทำงานร่วมกันกับกล้องหน้ารถ เรดาร์ และเซนเซอร์โซนาร์ ในการตรวจจับและช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System: RDM) ของฮอนด้า จะแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อตรวจพบการเปลี่ยนเลนโดยไม่ใช้สัญญาณไฟเลี้ยว การใช้ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) จะเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ และ/หรือใช้เบรกเพื่อชะลอ e:Ny1 จากการออกนอกช่องทางจราจรที่ตรวจจับได้
รถรุ่นนี้ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขณะรถติด (Traffic Jam Assist) ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการขับด้วยความเร็วต่ำในสภาพการจราจรติดขัด โดยจะช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติตั้งแต่ความเร็ว 0 กม./ชม. เมื่อการจราจรไม่ติดขัด จะมีการเปลี่ยนมาเป็นระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ที่ความเร็วตั้งแต่ 60 กม./ชม. ซึ่งเป็นเกณฑ์ความเร็วที่ต่ำกว่าระบบทั่วไป
นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยอ่านป้ายสัญญาณจราจร (Traffic Sign Recognition System: TRS) ที่สามารถอ่านป้ายสัญญาณจราจรและแสดงข้อมูลให้ทราบบนแผงหน้าปัดแสดงข้อมูลการขับขี่ อีกทั้งมีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับสัญญาณจราจร เพื่อให้ผู้ขับขี่เตรียมพร้อมสําหรับทางแยกหรือในช่วงที่มีการจำกัดความเร็ว ขณะเดียวกัน ระบบนี้ก็ยังทํางานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ได้ โดยกดปุ่มแบบ one-touch เพื่อปรับความเร็วให้เข้ากับการจำกัดความเร็วในพื้นที่นั้น ๆ
ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) จะแจ้งเตือนผู้ขับขี่หากตรวจพบว่า ผู้ขับขี่ให้ความสนใจกับถนนน้อยลง ระบบจะใช้เซนเซอร์ที่มุมรถในการวัดองศาเพื่อทำการปรับพวงมาลัยของผู้ขับขี่ในการควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ หากระบบตรวจจับได้ว่ามีความผิดปกติและต้องปรับพวงมาลัยอยู่ตลอดเวลา ระบบจะแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่หยุดพัก
เรื่อง : ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th