7 ปีผ่านมา… มีอะไรใหม่ใน All-new Honda HR-V e:HEV
มาดูกันว่าเจเนอเรชั่นใหม่ของ All-new Honda HR-V e:HEV ครอสส์โอเวอร์เอสยูวียอดนิยม มีความแตกต่างมากน้อยแค่ไหน, ได้รับการอัพเกรดอะไร, ราคาแพงขึ้นหรือถูกลงจาก HR-V รุ่นก่อนที่เปิดตัวขายในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2014
ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ของซับคอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นนี้ในบ้านเรา แต่เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ในตลาดโลก โดยเผยโฉมครั้งแรกที่ญี่ปุ่น (ในชื่อ Vezel) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะเริ่มต้นขายอย่างเป็นทางการไม่นานหลังจากนั้น
สำหรับการเปิดตัวในประเทศไทยเรียกว่าเซอร์ไพรส์พอสมควรที่ฮอนด้า ตัดสินใจทำตลาด All-new HR-V เฉพาะขุมกำลังไฮบริด e:HEV ที่จะแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย E, EL และ RS ไม่มีเครื่องยนต์เบนซินเหมือนรุ่นที่แล้วอีกต่อไป ทั้งที่ในญี่ปุ่นจะมีตัวเลือกขุมกำลัง 1.5 ลิตรในรุ่นเริ่มต้นอยู่ก็ตาม
ขนาดตัวถัง
• มิติตัวถังของ Honda HR-V รุ่นที่แล้ว มีความยาว 4,294 มม. (4,346 มม. ในรุ่น RS), กว้าง 1,772 มม. (1,790 มม. ในรุ่น RS), สูง 1,650 มม. โดยระยะฐานล้อจะอยู่ที่ 2,610 มม. และความสูงจากใต้ท้องรถ 170 มม.
• ขณะที่ All-new Honda HR-V e:HEV ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Everyday AMP UP partner” สะท้อนตัวตนของรถยนต์เอสยูวี เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลางเพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับ และมอบความสะดวกสบายสูงสุด ทั้งในด้านของดีไซน์ที่ล้ำสมัย ดึงดูดทุกสายตา และทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม รวมถึงพื้นที่ว่างภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง อเนกประสงค์ รองรับทุกรูปแบบการใช้งาน พร้อมมอบพลังใหม่ในทุกการเดินทาง
ทำให้ All-new HR-V 2021 มีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น ความยาวเพิ่มเป็น 4,330 มม. (4,385 มม. ในรุ่น RS) ความกว้างเพิ่มเป็น 1,790 มม. แต่การออกแบบด้านหลังที่เป็นตามหลักแอโรไดนามิกทำให้เป็นดีไซน์ท้ายลาดสไตล์ Fastback ส่งผลให้ความสูงลดลงมาเหลือ 1,590 มม. แต่ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถกลับเพิ่มเป็น 196 มม. และระยะฐานล้อเท่าเดิม 2,610 มม.
การออกแบบห้องโดยสาร
ในรุ่นที่แล้วแนวทางการออกแบบภายในของ Hond HR-V จะให้ความสำคัญกับความกว้างขวาง โปร่งโล่งของพื้นที่เหนือแผงคอนโซล และคอนโซลกลางแบบ 2 ชั้นที่ถูกออกแบบให้มาพร้อมภาพลักษณ์สไตล์สปอร์ต พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีทั้งระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการสั่งงานด้วยเสียง Siri, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส, มาตรวัดเรืองแสงปรับเปลี่ยนได้ 7 สี พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่, ช่องเชื่อมต่อ USB 2 จุด ช่องเชื่อมต่อ HDMI และช่องจ่ายไฟสำรอง
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ One Push Ignition System และระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ Honda Smart Key System อีกจุดเด่นคือพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ที่มีความอเนกประสงค์ในการปรับพับเบาะนั่งได้ 3 รูปแบบคือ Utility Mode, Tall Mode และ Long Mode เพื่อตอบรับทุกการใช้งาน
ในขณะที่ All-new Honda HR-V e:HEV ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบ โดยมุ่งเน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง มอบพื้นที่ที่กว้างขวาง สะดวกสบายในทุกที่นั่ง และคงไว้ซึ่งอรรถประโยชน์ โดยบริเวณคอนโซลหน้ามีการใช้เส้นสายแนวนอนพร้อมผิวสัมผัสที่เรียบ ผสมผสานกับการออกแบบที่ให้แสงภายนอกให้เข้าสู่ห้องโดยสาร ส่งผลให้ห้องโดยสารโปร่งโล่ง
การจัดวางเลย์เอาต์ และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ถูกจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม ใช้งานได้ง่ายโดยไม่ต้องละสายตาจากการขับขี่ มอบทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม สะดวกสบายในทุกการเดินทางทุกที่นั่ง ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning) ที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion System โดยช่องปรับอากาศได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ มอบทิศทางลมที่หมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ กระจายลมได้อย่างเหมาะสมทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร พร้อมด้วยช่องปรับอากาศตอนหลัง (เฉพาะรุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV RS)
ภายในห้องโดยสารทุกรุ่นมาพร้อมเบาะหนังดีไซน์ใหม่สีดำออกแบบให้โอบรับสรีระของผู้นั่งได้ดีขึ้น โดยรุ่น RS มาพร้อมเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดงแบบสปอร์ต, แป้นเบรก, แป้นคันเร่งสไตล์สปอร์ต และพวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
นอกจากนี้ All-new HR-V e:HEV รักษาเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเบาะนั่งด้านหลังแบบอเนกประสงค์ แยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับพับได้หลากหลายเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสูงสุด โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ได้แก่:
• Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า ที่เบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถพับลงแนวราบได้เรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย
• Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
• Tall Mode: ซึ่งนับเป็นเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์ที่โดดเด่นของฮอนด้า ที่สามารถพับเบาะด้านหลังขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง ทำให้ All-new HR-V e:HEV กลายเป็นครอสส์โอเวอร์เอสยูวีรุ่นเดียวในเซกเมนต์ที่สามารถพับเบาะในโหมดนี้ได้
สมรรถนะเครื่องยนต์
อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า HR-V ใช้แพล็ตฟอร์มร่วมกับรถกลุ่ม B-Segment (Jazz/Fit, City) ของแบรนด์ โดยเครื่องยนต์จะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละประเทศ ทำให้บ้านเราเลือกยืมขุมกำลัง 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์วที่ใช้งานในคอมแพ็กต์ซีดานยอดนิยม Civic (FB, FC) มาใช้งาน แต่ปรับเปลี่ยนให้มีกำลังสูงสุด 141 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม และรองรับพลังงานทางเลือกน้ำมัน E85
แต่พอมาถึงเจเนอเรชั่นใหม่ ตามกลยุทธ์ระดับโลกของ Honda เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าที่จะต้องมีตัวเลือกเครื่องยนต์ไฟฟ้าหรือไฮบริดในทุกโมเดลที่จะออกขายในอนาคตอันใกล้ ทำให้ All-new HR-V e:HEV ที่ทำตลาดในบ้านเราถูกตัดเครื่องยนต์น้ำมันออกไป แล้วแทนที่ด้วยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยตัวแรกทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และตัวที่ 2 ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟ และช่วยให้การชาร์จไฟมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ยังสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติในขณะขับขี่ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว มอบกำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 131 แรงม้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,500 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมัน 25.6 กิโลเมตร/ลิตร และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 94 กรัม/กิโลเมตร
ระบบ e:HEV ใน All-new HR-V มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด ซึ่งระบบจะปรับเปลี่ยนโหมดให้เหมาะสมที่สุดในทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด มอบประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ได้แก่:
• โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode): มอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ มอบอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ออกตัวได้อย่างรวดเร็วทันใจโดยไม่ต้องรอรอบ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง โดยแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความจุมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ได้อย่างต่อเนื่อง
• โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode): ระบบจะขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว มอบอัตราเร่งที่นุ่มนวล และทรงพลัง
• โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode): โดยชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์ และส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่โดยใช้ความเร็วสูงคงที่
โดยทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมกับสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อย่างง่ายดายตามความต้องการ ซึ่งมีให้เลือก 3 โหมด ได้แก่:
• ECON Mode: โหมดการขับขี่แบบประหยัดพร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น ตามรูปแบบการขับขี่
• Normal Mode: โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
• Sport Mode: โหมดการขับขี่แบบสปอร์ตที่ช่วยปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้พร้อมตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ที่เหมาะกับการใช้งานบนถนนในทุกสภาวะการขับขี่ ให้ทั้งความสนุกสนานในการขับขี่ควบคู่ไปกับความปลอดภัย
เทคโนโลยีความปลอดภัย
ระยะห่าง 7 ปีจากรุ่นก่อนทำให้เห็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของ Honda ในด้านความปลอดภัยอย่างชัดเจน รุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ HR-V เมื่อปี 2018 มีการเพิ่มระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch), ระบบเตือน และช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (City Brake Active System) และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) เข้ามาจากเดิมที่จะมีระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake),ระบบ Auto Brake Hold, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA), ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA), สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS), กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) และระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น RS และ EL)
แต่พอเปลี่ยนเจเนอเรชั่น All-new Honda HR-V e:HEV ติดตั้งระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING เป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย โดยจะทำงานร่วมกับกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยฟังก์ชันการทำงานหลักได้แก่ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS), ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF), ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) และครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยกับระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC)
ราคา
ในตอนที่ Honda เปิดตัว HR-V ครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2014 (พ.ศ.2557) มีตัวเลือก 3 รุ่นย่อย เริ่มต้น 8.9 แสนบาทในรุ่น S, รุ่นกลาง E 9.75 แสนบาท และรุ่นท็อป EL 1,045,000 บาท โดยกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดจนผลิตไม่ทันทำให้พวกเขาต้องเพิ่มรุ่น E Limited ที่มีออปชั่นครบเหมือนตัวท็อปยกเว้นหลังคาพาโนรามิกซันรูฟในราคาที่ถูกลง 40,000 บาท ในปี 2015
ก่อนจะเข้าสู่ไมเนอร์เชนจ์ในช่วงกลางปี 2018 ปรับรุ่นย่อยใหม่เริ่มต้นที่ E ในราคา 949,000 บาท, EL 1,059,000 บาท และรุ่นท็อป RS 1,119,000 บาทที่จะมีสีแดงพิเศษ Passion Red พร้อมชุดแต่งสไตล์สปอร์ตเหมือนกับโมเดลอื่นๆ ที่ทำตลาดในไทย และแถบอาเซียน
ในขณะที่ All-new Honda HR-V e:HEV เลือกนำเสนอเทคโนโลยีขับเคลื่อนไฮบริด และระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ทำให้ตัวเลือกทั้ง 3 รุ่นย่อยจะมีระดับราคาแบ่งเป็น:
• e:HEV RS ราคาประมาณการต่ำกว่า 1,200,000 บาท
• e:HEV EL ราคาประมาณการต่ำกว่า 1,100,000 บาท
• e:HEV E ราคาประมาณการต่ำกว่า 990,000 บาท
สามารถลงทะเบียนจองสิทธิ์ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – วันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 เวลา 19.00 น. จากนั้นทำการจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 – 31 ธันวาคม 2564
เตรียมพบกับการประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 นี้ ผ่านทาง LIVE ถ่ายทอดสดออนไลน์ทาง Facebook Fanpage และ YouTube Channel: Honda Thailand ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป พร้อมทั้งเตรียมสัมผัสกับ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ได้ที่บูทฮอนด้า (A14) ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 (Motor Expo 2021) ตั้งแต่วันที่ 2 – 12 ธันวาคม 2564 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
มาถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่าฮอนด้า หมายมั่นปั้นมือให้ All-new Honda HR-V e:HEV กลับมาครองความนิยมของคนไทยในรถกลุ่มซับคอมแพ็กต์เอสยูวีหรือ Crossover ทั้งระบบการขับขี่ที่ทันสมัย, ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน และออปชั่นที่รองรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th