ไม่ถูกใจตรงไหนเอาปากกามาวง ‘All-New Honda HR-V e:HEV’
ทำไมจอเครื่องเสียงไม่ได้ของซีวิค? เซ็นเซอร์หน้า+หลังให้ได้มั๊ย? ขอกล้องมองรอบคันด้วย? อยากได้แอร์ Dual Zone อ่ะ? ราคาถูกกว่านี้หน่อยยยย? จะเอาสเป็กญี่ปุ่น?—คอมเม้นต์ส่วนหนึ่งจากลูกค้าชาวไทย หลังจากได้เห็นสเป็ก All-New Honda HR-V e:HEV เจเนอเรชั่นใหม่ของครอสส์โอเวอร์เอสยูวีที่เปิดตัวแบบให้จองสิทธิ์ซื้อตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ก็ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนรู้สึก fail กับฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ Thailand Version (และคาดว่าจะเป็นสเป็กเดียวกันทั้งอาเซียน) เพราะดันมีตัวเปรียบเทียบเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่ขายอยู่ในชื่อ Vezel ซึ่งเปิดตัวเป็นประเทศแรกของโลก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้คนที่กำลังจะซื้อเอสยูวีไซส์นี้มีโอกาสเข้าไปหาข้อมูลล่วงหน้า และดันเชื่อไปแล้วว่าถ้าเข้ามาเปิดตัวขายเมื่อไรคนไทยก็จะต้องได้หน้าตา และออปชั่นที่เหมือนกันทุกอย่างแน่นอน
All-New Honda HR-V e:HEV ในรุ่น RS และ EL
All-New Honda Vezel
ภายในห้องโดยสารของ All-New Honda Vezel
ภายในห้องโดยสารของ All-New Honda HR-V e:HEV ในรุ่น RS และ EL
แต่พอถึงเวลาที่ All-New Honda HR-V e:HEV เปิดตัวจริงๆ ในประเทศไทย ไอ้ที่คาดหวังว่าจะเห็นกลับถูกตัดหายไปตั้งแต่ล้อก็จะไม่ใช่ลายเดียวกับเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่จะมีขอบ 16 (รุ่น G, X, Z) และขอบ 18 (ตัวท็อป Play) ส่วนของไทยจะเป็นขอบ 17 ในรุ่น E กับ EL ส่วนตัวท็อป RS จะให้ล้อขอบ 18 โทนสีดำคล้ายกับไลน์อัพ RS รุ่นอื่นที่ขายอยู่ในปัจจุบัน
ในขณะที่ภายในห้องโดยสาร ความจริงเบาะนั่ง All-New HR-V Thailand Version ใช้วัสดุหนังแท้ผสมหนังสังเคราะห์ โดยเพิ่มการตกแต่งด้วยด้ายสีแดงในรุ่น RS แต่ของญี่ปุ่นจะเป็นเบาะหนังผสมผ้ามีการใส่ลวดลายให้ดูมีอะไรขึ้นมาหน่อย และตัวเลือกเบาะสีครีมที่มีดีไซน์พรีเมียมมากขึ้นในรุ่น Play แต่ก็ไม่ค่อยมีลูกค้าคนไทยสนใจเท่าไรนัก ส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าวิจารณ์ไปที่หน้าจอกลางที่ใช้ควบคุมระบบความบันเทิงภายในรถที่ฮอนด้า ประเทศไทย ลดสเป็กให้หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วที่ใช้งานอยู่ใน Honda City มาแทน—ไม่ใช่หน้าจอขนาด 9 นิ้วแบบ Advanced Touch ในรถเวอร์ชั่นญี่ปุ่น และเหมือนกับที่อยู่ใน All-New Honda Civic ที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นานนี้
หน้าจอควบคุมความบันเทิงระหว่าง All-New HR-V (รูปแรก) กับ All-New Vezel
ขณะที่เสียงเรียกร้องอื่นๆ จะเป็นพวกอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยอย่าง เซ็นเซอร์บอกระยะหน้า+หลัง ที่ไม่ได้มีมาพร้อมกับรถ (แต่เชื่อว่าพอถึงเวลาออกรถจริงสามารถต่อรองขอเป็นของแถมจากเซลล์ได้), ไม่มีกล้องมองรอบคัน—จุดนี้บอกได้แค่ว่าขึ้นอยู่กับแนวทางเทคโนโลยีความปลอดภัยของแต่ละค่าย และราคา (อย่างไม่เป็นทางการ) ตัวล่างสุดก็ทะลุไป 900,000 บาท—ข้อนี้คงจะต้องรอดูหรือไปลองขับจริงก่อนถึงจะตัดสินใจได้ว่าคุ้มกับเงินที่จะจ่ายหรือไม่
กั๊กสเป็ก? แต่อย่ามองข้าม Honda SENSING และระบบไฮบริด e:HEV
แต่น่าเสียดายที่หลายคนมองข้าม Honda SENSING เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ Honda ให้มาแบบครบชุดพร้อมใส่ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) มาในรถยนต์ฮอนด้า ที่ขายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก (จะได้ไม่ต้องมีคำถามว่ารถรุ่นนี้ขึ้นดอย-ภูเขาได้ไหมอีกต่อไป) และสเป็คเครื่องยนต์ก็ไม่ได้มีการลดสมรรถนะจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่น คลิกเข้าไปดูข้อมูลเปรียบเทียบกับ Vezel ได้ที่ https://www.honda.co.jp/
สำหรับระบบความปลอดภัย Honda SENSING ที่จะให้มาใน All-New HR-V e:HEV ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นประกอบด้วย:
• ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
• ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
• ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
• ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC)
• ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)
• ระบบ Auto Brake Hold
นอกจากนี้จะมีระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ได้แก่ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch), ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA), ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal – ESS)
จะเห็นได้ว่าถึงไม่มีกล้องแสดงมุมภาพรอบคัน 360 องศา เหมือนกับครอสส์โอเวอร์เอสยูวีค่ายอื่น แต่จากสเป็กที่ลิสต์มาให้ ก็มากพอจะช่วยปกป้องผู้ขับขี่ และผู้โดยสารของฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่างๆ
ในขณะที่ขุมกำลังของ All-New Honda HR-V เจเนอเรชั่นที่ 2 ในประเทศไทย ต้องยอมรับว่าฮอนด้า กล้าเสี่ยงมากๆ ที่มีให้เลือกเฉพาะระบบไฮบริด e:HEV ไม่มีเครื่องยนต์เบนซินเหมือนในรุ่นที่แล้ว ทั้งที่ในญี่ปุ่นยังเก็บเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เอาไว้ขายอยู่ก็ตาม
All-New HR-V e:HEV จะขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่จะแบ่งหน้าที่เป็นสร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ผสานกำลังกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit-IPU)
ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน น้ำหนักเบา และมีขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟ และช่วยให้การชาร์จไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติขณะขับขี่ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว มอบกำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 131 แรงม้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,500 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมัน 25.6 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 94 กรัม/กิโลเมตร โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ:
• โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode)
• โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode)
• โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
และถึงจะโดนรุมวิจารณ์เรื่องออปชั่นอย่างหนัก แต่ข้อมูลที่ทีมงาน Grand Prix Online ได้รับมากระแสของครอสส์โอเวอร์เอสยูวีรุ่นนี้ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ โดยมีการลงทะเบียนจองสิทธิ์ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ล่วงหน้าอย่างคึกคัก หลังจากเปิดรายละเอียดข้อมูลของรถเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถึงจะต้องรอฟังประกาศราคาอย่างเป็นทางการผ่านไลฟ์บน Facebook Fanpage และ YouTube Channel: Honda Thailand ในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ตอนเวลา 10.00 น. อีกครั้งก็ตาม
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: อินเตอร์เน็ต
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th