18 ปี Honda Jazz -นับถอยหลังก่อนเปิดตัวเจเนอเรชั่นที่ 4
มาทำความรู้จัก Honda Jazz รถยนต์ซับคอมแพ็กต์ยอดนิยมของคนไทย ก่อนหน้าการเปิดตัวเจเนอเรชั่นที่ 4 ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2019 วันพุธที่ 23 ตุลาคมนี้!!!
จุดเริ่มต้นการพัฒนารถยนต์ซับคอมแพ็กต์รุ่นนี้ของ Honda วางคอนเซ็ปต์พื้นฐานเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุด “Personal MAX” ทั้งประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันสูงสุด, ความอเนกประสงค์ในการใช้งาน, ยกระดับดีไซน์ของรถรูปทรง One-box พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนการออกแบบภายในเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระระดับเดียวกับรถในเซ็กเม้นต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า และมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยล่าสุด
การทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น และอเมริกาเหนือ จะใช้ชื่อ Fit แต่การออกเสียงหรือความหมายที่ไม่เหมาะสมในบางประเทศทำให้ต้องดึงชื่อ Jazz มาใช้สำหรับการทำตลาดในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และยุโรป1st Generation (2001–2008) (รหัสตัวถัง GD1/2/3/4)
เจเนอเรชั่นแรกของ Honda Fit/Jazz เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2001 ผลิตบนแพล็ตฟอร์มเพื่อเป็นรถยนต์ขนาดเล็กมีพื้นที่ภายในกว้างขวาง และประสิทธิภาพสูงสุด (Space-Efficient), นำเสนอความก้าวล้ำทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ล่าสุด และติดตั้งเครื่องยนต์ i-DSI 1.3 ลิตร ที่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 23 กม./ลิตร (การทดสอบตามมาตรฐานประเทศญี่ปุ่น)
ในการพัฒนาซับคอมแพ็กต์รุ่นนี้ Honda ประสบความสำเร็จในเป้าหมายมากมายทั้งการทำให้ Jazz เป็นรถยนต์ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดของโลกในช่วงเวลานั้น และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการออกแบบที่โดดเด่น, สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และความประหยัดน้ำมัน
จุดสำคัญของการออกแบบรถยนต์รุ่นนี้ อยู่ตรงที่ทีมวิศวกร Honda ติดตั้งถังน้ำมันบริเวณกลางตัวถังที่ออกแบบภายใต้เทคโนโลยีโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-control ช่วยปกป้องผู้โดยสารจากการชนรอบทิศทาง รวมทั้งปรับตอนหน้าของรถให้สั้นลง และติดตั้งชุดระบบช่วงล่างขนาดเล็ก เพิ่มพื้นที่ใต้ท้องรถช่วยให้ห้องโดยสารมีความกว้างมากขึ้นหากเทียบกับรถระดับเดียวกันในยุคนั้นเรียกว่า Honda Jazz เข้ามายกระดับของรถยนต์นั่งขนาดเล็กให้สูงขึ้นจากเดิมอีกหลายเท่า สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าต่อการซื้อรถยนต์ 1 คัน ตามคอนเซ็ปต์พื้นฐาน “Personal MAX” ในการออกแบบเพื่อไปสู่เป้าหมายสูงสุด
สำหรับประเทศไทย Honda Jazz เข้ามาเปิดตัวขายอย่างเป็นทางการในปี 2003 โดยบ้านเรานับเป็นโรงงานผลิตแห่งที่ 3 ของโมเดลนี้ต่อจากญี่ปุ่น และบราซิล โดยขุมกำลังจะเป็น i-DSI 1.5 ลิตร (ใช้ร่วมกับ Honda City Gen4) ที่มีกำลังสูงสุด 87 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 131 นิวตันเมตร กับเครื่องยนต์ VTEC 1.5 ลิตร 109 แรงม้า แรงบิด 143 นิวตันเมตร มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ CVT/เกียร์ธรรมดา 5 สปีด
ความสำเร็จของ Honda Fit/Jazz 1st GEN ยืนยันได้จากยอดขายใน 15 ประเทศทั่วโลกที่สามารถทะลุ 2 ล้านคัน ภายในระยะเวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น
ภาพงานเปิดตัว Honda Jazz เจเนอเรชั่นแรกในประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2003
Honda Jazz Demonstration มาร่วมจัดแสดงระหว่างงานแถลงข่าวเปิดตัว เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2003
2nd Generation (2007–2014) (รหัสตัวถัง GE6/7/8/9)
เพื่อต่อยอดความสำเร็จ Fit/Jazz รุ่นต่อมาถูกพัฒนาตามแนวทางดั้งเดิมของ Honda—‘Man Maximum, Machine Minimum‘ ที่จะให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่, ผู้โดยสาร, การเพิ่มพื้นที่ใช้สอยที่ให้อรรถประโยชน์ และความสะดวกสบายมากที่สุด เพื่อเป็นรถยนต์ของคนรุ่นใหม่ และมอบประโยชน์สูงสุดมากกว่าที่ลูกค้าคาดหวัง เพื่อกำหนดมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ระดับซับคอมแพ็กต์
แนวทางการออกแบบพัฒนาจากเจเนอเรชั่นแรกด้วยการวางตำแหน่งถังน้ำมันตรงกลางตัวถังรถเหมือนเดิม โดยขยายระยะฐานล้อให้ยาวขึ้นทำให้สัดส่วนความยาวเพิ่มเป็น 3,900 มม. (+55 มม.จากรุ่นก่อน), ความกว้าง 1,695 มม. (+20 มม.) และความสูงเท่าเดิมที่ 1,525 มม. ทำให้ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่มากกว่าเดิม มีความอเนกประสงค์มากขึ้นจากการที่สามารถปรับเบาะนั่งด้านหน้าให้เอนยาวต่อกับเบาะนั่งแถวสองกลายเป็น “Ultra Seat” เช่นเดียวกับพื้นที่ด้านหลังปรับเปลี่ยนการใช้งาน 3 รูปแบบเพื่อบรรทุกสัมภาระในคอนเซ็ปต์ “Ultra Luggage”
Honda เปิดตัว Fit/Jazz ในญี่ปุ่นครั้งแรกระหว่างงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ในเดือนตุลาคม 2007 โดยมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 ระดับ 1.3-liter i-VTEC (กำลังสูงสุด 100 แรงม้า, อัตราประหยัดน้ำมัน 24 กม./ลิตร) และ 1.5-liter i-VTEC (กำลังสูงสุด 120 แรงม้า, อัตราประหยัดน้ำมัน 19.6 กม./ลิตร)
ในประเทศไทย ฮอนด้า ไม่รอช้ารีบนำ Jazz เจเนอเรชั่นนี้เข้ามาเปิดตัวในเดือนมีนาคม 2008 ก่อนจะเข้าสู่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 โดยแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย S, V และ SV ใช้เครื่องยนต์เดียวกันหมด 1.5-liter i-VTEC แต่รุ่นล่างสุด S จะมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา/อัตโนมัติ 5 สปีด
หลังจากการไมเนอร์เชนจ์ ในช่วงกลางปี 2012 Honda สร้างความฮือฮาด้วยการจับระบบไฮบริดมาลงใน Jazz ทำให้กลายเป็นซับคอมแพ็กต์พลังงานผสมรุ่นแรกของประเทศไทย เพื่อตอบรับนโยบายรถยนต์คันแรกของรัฐบาลในเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม Honda Jazz Hybrid ที่เลือกติดตั้งเครื่องยนต์ i-VTEC 1.3 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 88 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าไฮบริด IMA 14 แรงม้า ไม่ค่อยได้รับความนิยมในบ้านเราเท่าไรนัก ด้วยความที่เป็นเหมือนการเปิดตัวเพื่อทดสอบกระแสของคนไทย และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรนักจากการที่โหมด EV Mode ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวจะต้องทำความเร็วคงที่หรือเท้าต้องแตะคันเร่งให้นิ่งที่สุดเท่านั้น ส่งผลให้เจเนอเรชั่นต่อมา ฮอนด้า ประเทศไทย เลือกจะทำตลาดเพียงเครื่องยนต์เบนซินปกติเท่านั้น
3rd Generation (2013–ปัจจุบัน) (รหัสตัวถัง GK)
ในเจเนอเรชั่นล่าสุด Honda Fit/Jazz เลือกยึดดีไซน์คอนเซ็ปต์จากรุ่นก่อนหน้า แต่มีการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ และโครงสร้างตัวถังใหม่ “Global Small Car Platform” ที่มีความแข็งแกร่งกว่าเดิม เพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารมากขึ้น โดยเริ่มต้นขายที่ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนกันยายน 2013
ก่อนที่จะตามมาเปิดตัวในประเทศไทย เดือนพฤษภาคมปีถัดมา โดย Honda Jazz 3rd Gen ออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกแบบ Crossfade Monoform สื่อถึงความปราดเปรียวเปี่ยมพลัง, Character Line ด้านข้างตัวรถคมชัดเพิ่มความปราดเปรียวให้กับส่วนบน ในขณะที่ส่วนล่างยังให้ความแข็งแกร่งมั่นคง ไฟหน้าทรงเพรียวบาง ออกแบบให้กลมกลืนกับกระจังหน้า ไฟท้ายแบบ LED ถูกออกแบบให้เชื่อมไปยังฝากระโปรงท้าย
ห้องโดยสารออกแบบในลักษณะ Futuristic Cockpit ให้ความรู้สึกล้ำสมัย การจัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารนี้ยังคงใช้แนวคิด “Man Maximum, Machine Minimum” ความยาวของตัวถังรถ และฐานล้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ และมีพื้นที่โดยสารตอนหลังที่กว้างขึ้น สามารถปรับพับเบาะแบบ Ultra Seat ได้หลากหลายรูปแบบมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ Jazz 3rd Gen ยังมาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในขณะขับ ควบคุมทุกการใช้งานได้ง่าย ชุดเครื่องเสียงทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย พร้อมระบบเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI มีระบบสั่งการด้วยเสียง Siri Eyes Free Mode และรองรับการเชื่อมต่อ HondaLink Application ในสมาร์ทโฟน
ในส่วนของเครื่องยนต์จะมีตัวเลือกเดียว i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dream และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด พร้อมระบบช่วยขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ECO Assist และรองรับพลังงานทางเลือก E85 โดยตัดตัวเลือกเครื่องยนต์ไฮบริดออกอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ในญี่ปุ่นจะติดตั้งระบบ Sport Hybrid Intelligent Dual Clutch Drive (i-DCD) เหมือนกับใน Honda Accord ส่งกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงตัวเดียว แต่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันดีขึ้นกว่าระบบไฮบริด IMA ในเจเนอเรชั่นก่อนถึง 35 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตามกระแสของ Honda Jazz รุ่นนี้ในบ้านเราต้องเผชิญผลกระทบทางการเมืองจากการที่เปิดตัวในวันเดียวกับที่มีการยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 จนทำให้สื่อมวลชนตั้งชื่อเล่นให้ว่า “Jazz รุ่นปฏิวัติ” ก่อนจะเริ่มต้นทำยอดขายได้ดีขึ้นตามลำดับหลังจากสถานการณ์ของประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติ
ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของประเทศไทยที่เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 Honda สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการ Live เปิดตัวผ่านทางออนไลน์เป็นครั้งแรก โดยเพิ่มรุ่นพิเศษ RS ที่มาพร้อมเอกลักษณ์การออกแบบเฉพาะในสไตล์สปอร์ตรอบคัน กระจังหน้าและกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: https://global.honda
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th