Hyundai Ioniq 5 Facelift ที่เปิดตัวทำตลาดมาสามปีแล้วได้รับการปรับโฉมที่เกาหลีใต้บ้านเกิด ซึ่งนอกจากจะได้รับการปรับดีไซน์แล้ว ยังมีความจุแบตเตอรีเพิ่มขึ้น และมีเกรดแต่ง N Line ที่มีความสปอร์ตมากขึ้นเพิ่มเข้ามาเป็นทางเลือก

รุ่นปรับโฉมของ Hyundai Ioniq 5 Facelift ยังคงดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของรถเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีการปรับในส่วนของกันชนหน้าและกันชนหลังของรถ โดยที่ด้านหน้าของรถมีช่องดักลมที่ดูเรียบและกว้างมากขึ้น  ขณะที่ด้านหลังของรถก็มีความเรียบมากขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนปรับโฉม รวมไปถึงมีล้อเน้นแอโรไดนามิกลายใหม่ นอกจากนี้ก้านปัดน้ำฝนด้านหลังรวมทั้งสปอยเลอร์หลังยังมีความยาวมากขึ้น 50 มม.  โดยตัวรถยังมีความยาวกว่ารุ่นก่อนปรับโฉม 20 มม. ด้วยการมีความยาวเพิ่มขึ้นเป็น 4,655 มม.

ส่วนเกรดแต่ง N Line ที่ถูกเพิ่มเข้ามาถูกเพิ่มความสปอร์ตด้วยชุดแต่งเฉพาะ อย่างกันชนหน้าของรถมี Flap สีอ่อนที่นำแรงบันดาลใจมาจาก Ioniq 5 N  รวมทั้งมีการแต่งแบบเดียวกันที่ด้านหลัง ส่วนด้านข้างของรถมีซุ้มล้อสีเดียวกับรถ สเกิร์ตข้าง ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วลายใหม่ รวมทั้งมีป้าย N Line

ห้องโดยสารของรถรุ่นปรับโฉมได้รับการปรับเพื่อให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น โดยมีปุ่มจริงเพิ่มเข้ามาที่คอนโซลกลางสำหรับการควบคุมต่างๆ อย่างการปรับความอุ่นและระบายอากาศของเบาะ ปรับความอุ่นที่พวงมาลัย และระบบช่วยจอดรถซึ่งก่อนหน้านี้ต้องปรับในจอ Infotainment นอกจากนี้ยังปรับแป้นชาร์จไร้สายให้สูงขึ้น รวมไปถึงการควบคุมระบบปรับอากาศและระบบ Infotainment ยังง่ายขึ้นจากการถูกออกแบบใหม่ และพวงมาลัยของรถมี Interactive Pixel Lights

ส่วนระบบ Infotainment ใหม่ของรถถูกเรียกว่า Connected Car Navigation Cockpit พร้อมรองรับการอัปเดต Over-the-air ขณะที่การอัปเดตอื่นๆ มีในส่วนของระบบความปลอดภัย การทำงานพับเบาะหลังจากรีโมต และกล้องที่แผงแดชบอร์ด สำหรับเกรดแต่ง N Line จะแตกต่างจากเกรดอื่นที่พวงมาลัย เบาะสปอร์ต แป้นเหยียบโลหะ มีการแต่งใหม่ที่แผงแดชบอร์ด เย็บด้ายสีแดง และป้าย N Line

อีกความเปลี่ยนแปลงในรถรุ่นปรับโฉมที่สำคัญคือ การใช้แบตเตอรีความจุ 84 kWh แทน 77.4 kWh ซึ่งจะส่งผลต่อระยะการเดินทางที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ทางผู้ผลิตยังไม่ได้ระบุออกมา ส่วนกำลังของมอเตอร์ที่ใช้ในรถยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่รุ่นมอเตอร์เดี่ยวมีกำลัง 170 แรงม้า มอเตอร์คู่มีกำลัง 325 แรงม้า ส่วน Ioniq 5 N มีกำลัง 650 แรงม้า

ช่วงล่างของรถก็ได้รับการอัปเกรดในรุ่นปรับโฉม ด้วยการปรับช็อกแอบซอร์เบอร์เพื่อให้มีการเดินทางที่นุ่มนวลขึ้น เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ Cowl Crossbar เพื่อลดการสั่นของพวงมาลัย พร้อมกับเพิ่มความแข็งแกร่งในบริเวณล้อหลังและใต้ท้องรถ รวมทั้งเพิ่มความทนต่อการบิดตัวของตัวถังรถมากขึ้น และเพิ่มการป้องกันเสียงที่มอเตอร์หลังของรถ สุดท้ายคือเสริมความแข็งแกร่งที่ประตูและเสา B-Pillar ของรถเพื่อเพิ่มการปกป้องด้านข้างของรถ

รถไฟฟ้ารุ่นปรับโฉมเริ่มขายในเกาหลีใต้ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ และน่าจะเริ่มทยอยทำตลาดในภูมิภาคต่างๆ ของโลก

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th